คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง – ตอนที่ 181 ท่านอ๋องตงผิงสิ้นพระชนม์

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 181 ท่านอ๋องตงผิงสิ้นพระชนม์

เยียนอวิ๋นเฟยมั่นใจแล้วว่าจะมาเมืองหลวงเพื่อเป็นตัวแทนของท่านโหวผิงอู่ สืออุนในการถวายพระพรฮ่องเต้

หลังจากทราบข่าว เซียวฮูหยินตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะจัดงานแต่งของเยียนอวิ๋นถงในเมืองหลวง

แน่นอน นางยังต้องถามความเห็นของพระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงเสียหน่อย

พระราชบุตรเขยหลิวไตร่ตรองอยู่สองวัน ก่อนจะให้คำตอบที่ชัดเจน

ถึงแม้ระยะทางจากเหลียงโจวมาเมืองหลวงจะยาวไกล

แต่หากก่อนแต่งงาน สามารถให้น้องสาวของตนเองมาเปิดหูเปิดตาในเมืองหลวงสักครั้งก็เป็นเรื่องที่ดีมาก

นอกจากนี้หากเลือกที่จะแต่งงานในแคว้นซ่างกู่ เซียวฮูหยินไม่อาจเข้าร่วมได้ งานแต่งย่อมน่าเสียดาย

งานแต่งถูกกำหนดว่าจะจัดขึ้นในเมืองหลวง เยียนโส่วจ้านไม่อาจเข้าร่วมได้ไม่สำคัญ เพียงแค่มีเซียวฮูหยินอยู่ก็พอ

เห็นได้ชัดว่าพระราชบุตรเขยหลิวรู้ดีเกี่ยวกับสถานการณ์ของตระกูลเยียน เขารู้ว่าท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านโปรดปรานบุตรชายคนโต ละเลยบุตรชายจากภรรยาเอกอย่างเยียนอวิ๋นถง

เมื่อสถานที่กำหนดเอาไว้แล้ว เซียวฮูหยินก็เริ่มจัดเตรียมงานแต่ง

ท่านอ๋องตงผิงสิ้นพระชนม์แล้ว!

สิ้นพระชนม์อยู่ในพื้นที่สี่เหลี่ยมคับแคบที่กักขังเขาเอาไว้

สิ้นพระชนม์อย่างกะทันหันและน่าประหลาดใจ

สิ้นพระชนม์เพราะอาหารติดคอ

จากนั้นขาดอากาศหายใจทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่!

คนที่ร่างกายยังถือว่าแข็งแรงมีความเป็นไปที่จะอาหารติดคอตายได้มากเพียงใด

พระชายาฉินพังทลายลงในเวลานั้น นางกอดร่างของท่านอ๋องตงผิงเอาไว้ พลันร้องห่มร้องไห้ ให้ตายก็ไม่ยอมปล่อยมือ

องครักษ์ที่เฝ้าท่านอ๋องตงผิงไม่กล้ารอช้า

ด้านหนึ่งส่งคนเข้าไปทูลรายงานในวังหลวง อีกด้านขอบัญชาการจากเบื้องบนว่าต้องรายงานจวนท่านอ๋องตงผิงหรือไม่

“ท่านอ๋องตงผิงองค์ก่อนสิ้นพระชนม์ย่อมต้องรายงานจวนท่านอ๋องตงผิง! แต่ว่าจะให้พวกเขาเข้าไปพบท่านอ๋องตงผิงองค์ก่อนหรือไม่ ยังต้องรอข่าวจากในวังก่อน”

หากในวังให้เข้าพบก็ให้คนของจวนท่านอ๋องตงผิงเข้ามาในพื้นที่กักขัง

แต่หากในวังไม่ให้เข้าพบ ต้องขออภัย เชิญกลับเถิด!

ฮ่องเต้หย่งไท่กำลังยุ่งอยู่กับการอ่านฎีกา เมื่อได้ยินว่าท่านอ๋องตงผิงสิ้นพระชนม์ เขาก็ตกใจอย่างมาก

เขามั่นใจอย่างมากว่าตนเองไม่ได้ออกรับสั่งให้ประหารท่านอ๋องตงผิง

เสื้อที่ไร้เขี้ยวแล้วไม่อาจนับเป็นเสือได้ อย่างมากก็แค่แมวโง่ที่ไม่มีกรงเล็บ เขาไม่จำเป็นต้องประหาร

เลี้ยงท่านอ๋องตงผิงเอาไว้ก็แค่เพียงสิ้นเปลืองเสบียงเล็กน้อย แต่สามารถสะท้อนถึงความเมตตาของเขาได้

เขาถามซุนปังเหนียน “คนตายแล้วแน่หรือ”

ซุนปังเหนียนโน้มตัวตอบ “ทูลฝ่าบาท ตายแล้วจริงพ่ะย่ะค่ะ”

“ตายอย่างไร”

“อาหารติดคอพ่ะย่ะค่ะ”

พู่ว!

ฮ่องเต้หย่งไท่ตกตะลึง “อาหารติดคอตาย?”

จะมีคนติดคอตายได้อย่างไร

ท่านอ๋องตงผิงยังไม่ได้แก่ชราถึงขั้นกินอาหารไม่ลงไม่ใช่หรือ

ซุนปังเหนียนโน้มตัวทูลตอบ “เรื่องจริงพ่ะย่ะค่ะ อาหารติดคอตายจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่มีความผิดปกติหรือ” ฮ่องเต้หย่งไท่ถาม เขาไม่ได้สงสัยสาเหตุการตายของท่านอ๋องตงผิง แต่เป็นเพียงความเคยชินเท่านั้น

ซุนปังเหนียนครุ่นคิดพลันพูด “ดูจากเวลานี้ไม่มีความผิดปกติ ต้องให้คนไปตรวจสอบหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้หย่งไท่ครุ่นคิด “แล้วแต่เถิด”

ไม่สำคัญว่าจะตรวจสอบหรือไม่

คนก็ตายไปแล้ว ทุกอย่างให้มันลอยไปตามลมเถิด

ซุนปังเหนียนกระจ่างใจ พลันถามอีกครั้ง “จวนท่านอ๋องตงผิงจะนำศพของท่านอ๋องตงผิงเข้าโลง คนด้านล่างไม่กล้าตัดสินใจ ขอฝ่าบาทโปรดชี้แนะ”

ฮ่องเต้หย่งไท่พูด “ในเมื่อคนตายไปแล้วก็ไม่ต้องจับเรื่องที่ผ่านไปแล้วไม่ปล่อย”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ในที่สุดท่านอ๋องตงผิงเซียวกั้วก็ได้รับอนุญาตให้พาคนเข้ามาในเรือนเล็กสำหรับกักขัง

เมื่อประตูใหญ่เปิดออก เขาก็พุ่งตัวเข้าไปด้านในอย่างรีบร้อน

“ท่านพ่อ!”

เสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด

ร่างของท่านอ๋องตงผิงยังถูกพระชายาฉินกอดเอาไว้

พระชายาฉินร้องไห้จนดวงตาแดงก่ำ ผมเผ้ากระเซิง สภาพอนาถอย่างมาก

“ท่านอ๋อง ท่านจะทิ้งข้าไว้คนเดียวได้อย่างไร เหตุใดท่านจึงจากไปคนเดียว!”

“สวรรค์ไม่เป็นธรรม!”

พระชายาฉินร้องห่มร้องไห้ ก่อนจะตำหนิท่านอ๋องตงผิงเซียวกั้ว “ท่านพ่อของเจ้าตายแล้ว เจ้าดีใจหรือไม่! ท่านพ่อของเจ้าใช้ชีวิตอยู่เหมือนไม่ใช่คน! เจ้าในฐานะบุตรกลับไม่มีการกระทำ กลับใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ปล่อยให้ท่านพ่อของเจ้าทนลำบากแทนเจ้า เจ้ามันลูกอกตัญญู ต้องไม่ตายดี!”

เส้นเลือดตรงหางคิ้วของท่านอ๋องตงผิงเซียวกั้วปูดโปน เขาพยายามข่มไฟโกรธเอาไว้ พลันถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ท่านมั่นใจว่าจะอาละวาดต่อไปหรือ”

พระชายาฉินผงะไป ก่อนจะร้องไห้ออกมาเสียงดัง “เจ้าฆ่าข้าเสียเถิด! ท่านพ่อของเจ้าไม่อยู่แล้ว ข้ามีชีวิตอยู่ต่อก็ไร้ความหมาย เจ้าฆ่าข้าให้ตายบัดนี้เลยเถิด”

เซียวกั้วยิ้มเย็น “ท่านวางใจ ข้าไม่ฆ่าท่าน แต่บุตรชายของท่านก็อาจไม่แน่”

“เจ้ากล้า!” พระชายาฉินโกรธจัด

เซียวกั้วพูดเสียงเย็น “หากท่านกล้าอาละวาด ข้าก็กล้า! หากท่านไม่เชื่อ ท่านก็ลองดู”

พระชายาฉินตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ

นางชี้เขา “เจ้า เจ้า เจ้ามันคนอกตัญญู…”

“ท่านจะพูดสิ่งใดช่วยให้เกียรติข้าด้วย เวลานี้ข้าเป็นนายของจวนอ๋อง” เซียวกั้วพูดขัดอีกฝ่าย

พระชายาฉินหัวเราะเสียงเย็น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ไม่เปิดปากพูดสิ่งใดอีก

เซียวกั้วแอบโล่งใจ เขาโบกมือ บ่าวรับใช้จากจวนอ๋องก็หลั่งไหลเข้ามา เริ่มนำร่างของท่านอ๋องตงผิงองค์ก่อนเข้าโลง

เซียวกั้วนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าดำทะมึน เขามองบ่าวรับใช้นำศพเข้าโลงด้วยความใจเย็น

เขาส่งสายตาให้พ่อบ้าน

พ่อบ้านเข้าใจในทันที เขาถอยออกไปอย่างไร้เสียง

ไม่นานนัก บ่าวรับใช้ที่ปรนนิบัติท่านอ๋องตงผิงและพระชายาฉินล้วนถูกควบคุมเอาไว้ แยกออกเพื่อสอบสวน

อาหารติดคอตาย?

เคยได้ยิน แต่ไม่เคยพบเห็น

ท่านอ๋องตงผิงองค์ก่อนไม่ใช่คนหิวโหย เขาพิถีพิถันเรื่องการกิน จะติดคอตายได้อย่างไร

ในนี้มีความผิดปกติหรือความลับใดหรือไม่

ราชสำนักและในวังไม่สนใจสาเหตุการตายของท่านอ๋องตงผิง แต่เซียวกั้วในฐานะนายใหญ่และบุตรชายนั้น เขาไม่อาจไม่สนใจได้

การสอบสวนบ่าวรับใช้ข้างกายท่านอ๋องตงผิงย่อมต้องได้ข่าวบางอย่าง

ฟ้าเริ่มมืดลง

ในที่สุดบ่าวรับใช้ก็นำร่างของท่านอ๋องตงผิงเข้าโลงเสร็จสิ้น

“ท่านอ๋อง ต่อไปทำอย่างไรขอรับ”

เซียวกั้วออกคำสั่ง “นำท่านอ๋องกลับจวน จัดงานศพในจวน”

“ขอรับ!”

เมื่อพระชายาฉินได้ยิน นางจึงพูดขึ้นทันที “ข้าก็จะกลับจวนอ๋อง”

เซียวกั้วมองนาง “แล้วแต่ท่าน”

พระชายาฉินดีใจ ในที่สุดนางก็สามารถหลุดพ้นจากพื้นที่สี่เหลี่ยมคับแคบอันน่าอึดอัดนี้ได้เสียที

หากอยู่ที่นี่ต่อไป นางต้องเสียสติในไม่ช้า

อาศัยที่ฟ้ายังไม่มืด เซียวกั้วนำร่างของท่านอ๋องตงผิงกลับมาถึงจวน

จวนท่านอ๋องตงผิงแขวนเต็มไปด้วยโคมสีขาว ทุกคนต่างเปลี่ยนมาสวมใส่ชุดที่เรียบง่าย

ชุดงานศพกำลังตัดเย็บ พรุ่งนี้ก็สามารถสวมใส่ได้

เซียวกั้วตัดสินใจให้ตั้งโลงศพไว้ในห้องโถงใหญ่

พระชายาฉินร้องไห้อยู่ภายในโถงอย่างหนัก

นางไม่ต่อว่าด่าทอ เพียงแค่ร้องไห้

เมื่อนางร้องไห้ ทุกคนก็ต้องร้องไห้ตาม

ไม่ร้องไห้เท่ากับอกตัญญู!

งานศพยังไม่ทันเริ่มอย่างเป็นทางการ จวนท่านอ๋องตงผิงก็เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้แล้ว

คนที่เดินผ่านหน้าประตูจวนท่านอ๋องเพียงแค่ได้ยินเสียงร้องไห้ก็หนาวเย็นไปทั้งร่างกาย

“ร้องอันใดกัน หุบปาก!”

เสียงตำหนิหนึ่งดังขึ้นจากหน้าประตู

ทุกคนต่างตกตะลึง ผู้ใดบังอาจถึงเพียงนี้

เมื่อหันกลับไปมอง โอย นายน้อยหก เซียวอี้กลับมาแล้ว

คราวนี้ จวนอ๋องย่อมไม่สงบอย่างแน่นอน

พระชายาฉินทำท่าเหมือนเป็นเจ้านายของตระกูล “เจ้าหกกลับมาแล้ว รีบมากราบขอขมาท่านพ่อของเจ้า คำพูดก่อนหน้านี้ก็ถือว่าเจ้าไม่ได้พูด”

เซียวอี้ยิ้มเสียดสี พลันตอบกลับ “เพิ่งออกมาจากด้านในก็รีบตัดสินใจแทนข้าแล้ว อย่างไร คิดจะใช้ความกตัญญูมาบังคับข้าหรือ ตอนที่ท่านพ่อยังอยู่ยังใช้ความกตัญญูมาบังคับไม่ได้ ท่านยิ่งทำไม่ได้!”

“เจ้าหก ระมัดระวังคำพูดหน่อย!”

เซียวซวิ้นไม่อาจทนมองมารดาของตนเองถูกเหยียดหยาม เขายืนออกมาตำหนิเซียวอี้

เซียวอี้มองเขาด้วยความเหยียดหยาม “ตรงนี้ไม่มีเรื่องของเจ้า เจ้าหุบปาก!”

“เจ้า…”

เซียวซวิ้นโกรธจนพูดไม่ออก

พระชายาฉินถามเซียวอี้ “ท่านพ่อของเจ้าตายไปแล้ว เจ้ายังคิดจะเป็นลูกอกตัญญูอยู่หรือ เจ้ามันชั่วช้า ฟ้าดินก็ไม่อาจยอมรับได้!”

“ไม่ต้องมาใช้ไม้นี้กับข้า” เซียวอี้เตะบ่าวรับใช้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น “ออกไป!”

บ่าวรับใช้ราวกับถูกปลดปล่อย พวกเขาไม่สนใจการห้ามปรามของพระชายาฉิน ล้วนลุกเดินออกจากห้องโถงไปอย่างรวดเร็ว

เซียวอี้ก็ไม่พิถีพิถัน เขาหยิบตั่งเล็กหนึ่งมานั่งลง

“ผู้ใดบอกข้าได้ เหตุใดท่านพ่อจึงตาย สาเหตุคืออันใด”

ท่านอ๋องตงผิงเซียวกั้วพูดขึ้น “บอกว่าอาหารติดคอตาย!”

เซียวอี้หัวเราะออกมา เขาถามเซียวกั้ว “พี่ใหญ่เชื่อว่าท่านพ่ออาหารติดคอตายหรือ ได้ถามบ่าวรับใช้ที่ปรนนิบัติแล้วหรือไม่”

“ถามแล้ว ล้วนบอกว่าติดคอตอนกินข้าว ช่วยเหลือไว้ไม่ทัน ติดคอตายทั้งเป็น”

“มีผู้ชันสูตรศพหรือไม่” เซียวอี้ถามต่อ

เซียวกั้วส่ายหน้า “ท่าทีในวังไม่คิดติดตามสาเหตุการตายของท่านพ่อ ข้าคิดว่าน้อยเรื่องดีกว่ามากเรื่อง จึงไม่ได้เชิญผู้ชันสูตร”

เซียวอี้ออกคำสั่ง “ผู้ใดก็ได้ ถือเทียบชื่อของข้าไปสำนักองครักษ์จินอู่เชิญผู้ชันสูตรมาสองคน”

“เชิญผู้ชันสูตรไม่ได้!” พระชายาฉินตะโกนด้วยความโกรธ “ท่านพ่อเจ้าตายไปแล้ว เจ้าจะให้เขาลงดินอย่างสงบไม่ได้หรือ เชิญผู้ชันสูตรมา มันคือการหยามเกียรติท่านพ่อของเจ้า หากท่านพ่อของเจ้าอยู่บนสวรรค์ก็คงต้องโกรธมาก!”

ตระกูลใหญ่เมื่อมีคนตายล้วนจะปิดประตูจัดการเอง

เชิญผู้ชันสูตรเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

น่าอับอาย!

แน่นอนการดูหมิ่นศพก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่สำคัญ

เซียวอี้ยิ้มอย่างมีนัย เขามองไปทางเซียวกั้ว “พี่ใหญ่ ท่านเป็นนายท่านของตระกูลนี้ ตกลงจะเชิญผู้ชันสูตรหรือไม่ ท่านตัดสินใจ”

พระชายาฉินพูดอีกครั้ง “เชิญผู้ชันสูตรไม่ได้เด็ดขาด ก่อนท่านพ่อเจ้าตาย เขาไม่เคยมีชีวิตดีสักวัน เวลานี้เขาตายไปแล้ว จะให้เขาไปอย่างสงบไม่ได้เชียวหรือ เชิญผู้ชันสูตรมา พวกเจ้าคิดจะทำสิ่งใด พวกเจ้าสงสัยข้าใช่หรือไม่ สู้ให้ยาพิษแก่ข้าเสียเลยดีกว่า”

“ท่านแม่!” เซียวซวิ้นร้องเรียกด้วยความเจ็บปวด “ท่านแม่พูดมีเหตุผล ท่านพ่อก่อนตายไม่สมหวัง หลังตายยังต้องถูกคนดูหมิ่นหยามเกียรติอีก”

เซียวอี้มองเซียวกั้ว “ความเห็นของพวกเขาไม่สำคัญ ข้าเพียงแค่ฟังความเห็นของท่าน ท่านบอกว่าเชิญก็เชิญ ไม่เชิญข้าก็ไม่บังคับ”

เซียวกั้วขมวดคิ้วด้วยความลังเล

เชิญผู้ชันสูตรไม่ใช่เรื่องที่สง่างามนัก

อีกทั้งจะทำให้ผู้ตายนั้นไม่สงบ

เพียงแต่ท่านพ่อตายเพราะติดคอจริงหรือ

เซียวกั้วยากที่จะตัดสินใจ

———————————————-

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

Status: Ongoing
ณหนูจวนอื่นชื่นชอบแพรพรรณงดงาม กวี ภาพเขียน บุรุษหล่อเหลา แต่คุณหนูสี่จวนโหวกลับคลั่งไคล้ในเงินทอง! การค้ารูปแบบใดที่แผ่นดินนี้ไม่เคยมีล้วนออกมาจากสมองของนางและทั้งหมดล้วนทำให้เงินทองไหลมาเทมา!นิยายโรแมนติกจีนโบราณ ที่นางเอกมากความสามารถและคลั่งไคล้เงินสุดๆ!คุณหนูสี่แห่งจวนโหว เยียนอวิ๋นเกอ เป็นใบ้เพราะอุบัติเหตุตอนยังเด็กทำให้อุปนิสัยดุร้าย อารมณ์ร้อน มุทะลุยิ่งนักใครๆ ล้วนมองว่านางเป็นหญิงเอาแต่ใจไม่เคยคำนึงถึงสิ่งใดแต่จิตวิญญาณด้านในของนางนั้นคือหญิงสาวผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในวันสิ้นโลกอาจเพราะความยากลำบากในชาติก่อนสิ่งเดียวที่นางกลัวที่สุดก็คือกลัวอดตาย!ดังนั้นหากไม่อยากอดตายต้องทำอย่างไรก็ต้องมีเสบียง! และการจะมีเสบียงได้นั้นก็ต้องมีเงิน!เพื่อการนั้นนางจะทุ่มเทสมองในการบุกเบิกการค้า ปูรากฐานทุกอย่างเพื่อพี่น้องและมารดาด้วยมันสมองของคนยุคใหม่นางไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้ทหารต่อให้เก่งกาจเพียงใดหากไม่มีเสบียงแล้วไซร้ก็ยากจะรบต่อไปได้ถึงตอนนั้นในแผ่นดินที่ฮ่องเต้จ้องจะกวาดล้างอำนาจขุนนาง ครอบครัวนางย่อมหยัดยืนได้อย่างมั่นคง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท