“นี่ไม่ใช่ความบังเอิญหรอกหรือ? วาสนาละมั้ง?” ตู๋กูซิงหลันลูบไล้เส้นผม “อาจารย์เห็นเราแล้วถูกชะตา ก็เลยรับเราไว้เป็นศิษย์”
จากนั้นนางก็เปิดหัวข้อสนทนาต่อไป “ตอนนี้อย่าได้พูดเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์อีกเลย เรื่องสำคัญที่ข้าบอกกับเจ้า เจ้าคิดเห็นเช่นไร? ติดตามเราไปก่อการให้เลื่องลือสักครั้ง ภายหน้าย่อมต้องมีผลประโยชน์ให้เจ้าไม่น้อย”
ว่าแล้ว ตู๋กูซิงหลันก็ลุกขึ้นเดินมาตรงหน้าฉู่เจียง ตบไหล่เขาเบาๆ “พี่น้อง ขุนนางผู้มีคุณูปการฟื้นฟูเผ่าหมิง จะขาดเจ้าได้อย่างไร”
ฉู่เจียง “….” ทำไมถึงได้รู้สึกเหมือนกำลังโดนเด็กหญิงตัวน้อยๆหลอกใช้อยู่นะ?
เขาขมวดคิ้วแน่น “ไม่ใช่อะไร แต่ข้าเห็นว่าเจ้ายังอายุน้อย หากแค่จะฟื้นฟูเผ่าหมิง ไม่จำเป็นต้องขึ้นไปทำสงครามกับแดนสวรรค์ เจ้ามองเรื่องราวทั้งหลายเรียบง่ายไปแล้ว”
“หากว่าแค่คิดก็ยังไม่กล้า เช่นนั้นผู้คนมีชีวิตอยู่ในโลกยังจะมีความหมายใดอีก?”
“ในโลกหล้านี้ไม่มีเทพไท้ ตำนานใดที่ไม่อาจเอาชนะได้ ชาวสวรรค์แม้แข็งแกร่งเพียงไร ก็จะต้องมีจุดอ่อน แค้นของอาจารย์ หากว่าข้าไม่ได้ชำระ คงต้องทุกข์ใจไปชั่วชีวิต”
ร่างของสาวน้อยยืนหยัดอย่างทรนง คำพูดนี้ของนางทำเอาแม้แต่ฉู่เจียงก็ยังรู้สึกประหลาดใจ
สาวน้อยตรงหน้าผู้นี้ นางพึ่งจะมีอายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น
นางต้องผ่านประสบการณ์เช่นไรมากัน ถึงได้สามารถเอ่ยคำเช่นนี้ออกมาได้?
มุมปากของฉู่เจียงถึงกับกระตุก ชั่วขณะนั้นเอง เขาได้ถูกตู๋กูซิงหลันกระตุ้นเลือดร้อนระอุที่เก็บงำเอาไว้มานานขึ้นมา
เขาถูกกักขังอยู่ที่เขาฝูซางซานมานานถึงพันปีแล้ว เลือดที่ร้อนระอุนั้นในตอนแรกก็เดือดดาลอยู่หรอก แต่พอผ่านเวลาเนิ่นนานเข้า ก็ลายเป็นคนที่เดินสายกลาง ละวางไปนานแล้ว
“น่าเสียดาย…. ตอนนี้ข้าผู้เป็นอ๋องถูกกักอยู่แต่ในเขาฝูซางซาน อย่างมากก็เคลื่อนไหวได้เพียงแค่รอบเขตของกู่เย่ว ถึงแม้มีใจจะช่วยเหลือเจ้า แต่ก็จนใจที่ไร้กำลัง”
คำพูดนี้ไม่ใช่ว่าเขาจงใจสาดน้ำเย็นใส่ตู๋กูซิงหลัน
“ตอนนั้นผู้ที่กักขังเจ้าคือใคร?” ตู๋กูซิงหลันจดจ้องไปที่เขา ช่วงเวลาเช่นนี้นางต้องการความช่วยเหลือจากฉู่เจียงจริงๆ
พี่ใหญ่จะใช่ซือหนานหรือไม่ นั่นก็ยังไม่แน่ชัด
นี่เท่ากับว่าอย่างน้อยๆมียมราชอีกเจ็ดคนที่หลบเร้นอยู่ที่ใดก็ไม่รู้ หากว่านางไปตามหาแต่เพียงลำพัง ก็ต้องเสียเวลามากเกินไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น นางเองก็ไม่รู้ว่าควรจะไปตามหาได้ที่ไหน
แต่ฉู่เจียงกลับไม่เหมือนกัน เขาและยมราชคนอื่นๆต่างก็เป็นคนเผ่าหมิงหากให้เขาเป็นคนตามหา เรื่องย่อมง่ายดายกว่ากันมาก
“คนของเผ่าสวรรค์” ฉู่เจียงนวดขมับ ช่วงที่ผ่านมา เขาพึ่งพาการดูดซับไอทิพย์จากเหลียงเซิงเซิง พละกำลังจึงฟื้นฟูขึ้นมาไม่น้อย เดิมทีเขาคิดว่า ทอดเวลานานออกไป สักวันหนึ่งย่อมมีวันที่สามารถไปจากที่นี่ได้
“ตอนที่หมิงอ๋องหายสาบสูญไปนั้น ข้าเดินทางไปทั่วทั้งหกภพภูมิเพื่อตามหาเขา เพราะไม่ทันระวังจึงบังเอิญปะทะเข้ากับเทพสงครามของสวรรค์ ซื่อเป่ย …..เจ้าเคยเจอเขาแล้วนิ คนผู้นี้ไม่สนใจเหตุผล ข้าต่อสู้กับเขา ถูกเขาทำร้ายบาดเจ็บ แต่เขาก็ไม่สามารถฆ่าข้าได้สำเร็จ จึงได้แต่กักขังข้าผู้เป็นอ๋องเอาไว้ในที่นี้ เจ้าว่าคนผู้นั้นชั่วร้ายหรือไม่?”
ตู๋กูซิงหลัน “ย่อมชั่วร้ายยิ่ง”
ฉู่เจียงตบตักดังฉาด คิดจะร่วมเป็นร่วมตายกับตู๋กูซิงหลันในทันที
คนเราพออารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมา ถึงกับลืมไปว่ายังมีสาวน้อยไร้เดียงสาหลับอยู่บนตัก ฝ่ามือนั้นพอฟาดลงมา ก็ตบลงไปบนใบหน้าของเหลียงเซิงเซิง
เสียง ‘ฉาด’ ดังสดใส
ดวงหน้าที่ขาวใสของลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยบวมขึ้นเป็นรอยฝ่ามือห้านิ้วในทันที
ตู๋กูซิงหลัน “อ้ายยะ…”
นี่จะว่าอย่างไรดีนะ?
ที่บอกว่า รักหวานชื่น มักจบเห่เร็ว!
คำพูดนี้ก็คงหมายถึงคนอย่างฉู่เจียงนี่ละ!
ฝ่ามือนี้ไม่เบาเลย! ต่อให้น้องสาวผู้นี้เป็นคนจิตใจดีเพียงไร เกรงว่ารอบนี้ยังไรก็ต้องลุกเป็นเพลิงแน่?
ว่าแล้ว เหลียงเซิงเซิงก็ยู่หน้า สีหน้าเจ็บช้ำ นางกำลังจะเอ่ยปากขึ้นมาก็เห็นฉู่เจียงยื่นมือออกไป พลิกฝ่ามือเป็นสันดาบสับหลังคอนางจนสลบลงไป
เหลียงเซิงเซิงยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรสักคำ ก็ถูกเขาซัดจนสลบ นอนตัวอ่อนอยู่ในอ้อมแขนของเขา ท่าทางเหมือนตายไปแล้ว
ท่าทางที่ร้อนรนจนมือเท้าสับสนของฉู่เจียงเมื่อครู่ ตู๋กูซิงหลันล้วนเห็นอยู่ในสายตาทั้งหมด
นางกอดอกขึ้นมา ด้วยท่าทางของผู้ชมดูด้านข้างที่เห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน เอ่ยช้าๆว่า “เอาชนะเมียไป ก็ย่ามใจได้เพียงชั่วคราว พริบตาที่ต้องงอนง้อ ยาวนานถึงเผาผี”
ฉู่เจียง “พูดจาไร้สาระอันใด ข้าเป็นถึงยมราช ย่อมไม่มีทางหวั่นไหวใจเพราะสตรีนางหนึ่งอยู่แล้ว”
เขาโอบกอดเหลียงเซิงเซิงเอาไว้ในอก เหมือนกับกลัวว่าตนเองจะทำคนหล่นโดยไม่รู้ตัว
เมื่อครู่….ก็แค่ไม่รู้ว่าจะอธิบายลูกตบเมื่อครู่ให้นางฟังอย่างไรดีเท่านั้น ก็เลยปล่อยเลยตามเลยตบให้สลบไปเสียดีกว่า
สตรี ช่างเป็นตัวยุ่งยาก
ตู๋กูซิงหลันเห็นเขาปากแข็งไม่ยอมรับ ทำขึงขังกลบเกลื่อนไปเรื่อยได้อีกก็ทำเป็นมองข้ามเรื่องไป “เช่นนั้นพวกเราก็กลับมาที่หัวข้อสำคัญ”
ว่าแล้ว นางก็มองออกไปที่นอกหน้าต่าง “เขตเมืองกู่เย่วและภูเขาฝูซางซานล้วนดูปกติดี เช่นนี้อาคมของซือเป่ยคงต้องอยู่กับตัวเจ้าแล้ว ให้ข้าตรวจสอบดูสักหน่อย”
ว่าแล้ว นางก็ไม่รอให้ฉู่เจียงได้ตอบตกลง ชิงวางฝ่ามือลงสัมผัสลงบนหน้าผากของเขา
พอปิดตาลง ใช้ดวงจิตสัมผัสดูก็พบว่ามีข่ายอาคมสายหนึ่งอยู่ภายในร่างกายของเขา
พอตรวจสอบลึกลงไป ก็พบว่าเป็นยันต์แผ่นหนึ่ง ยันต์ที่มีความสลับซับซ้อน โยงใยกันอยู่ภายในร่างกายจนกลายเป็นอักษรคำว่า ‘ผนึก’
“นี่เป็นอาคมกักขังที่ซือเป่ยสกัดกัดเจ้าเอาไว้?” ตู๋กูซิงหลันใช้พลังจิตตรวจสอบดูอย่างละเอียด
“เป็นสิ่งนี้เอง” ฉู่เจียงไม่ได้ผลักไสนางออกไป เขาเองก็เป็นถึงยมราช ย่อมมีความแข็งแกร่งและเก่งกาจอยู่แล้ว ในร่างกายของตนเองมีสิ่งใดอยู่ ตนเองย่อมกระจ่างดี
“ผนึกอาคมนี้ชาวสวรรค์เป็นผู้ลงมือ จึงต้องให้ชาวสวรรค์เป็นผู้ถอดถอน สาวน้อยอย่างเจ้าไม่มีทางที่จะถอน….”
คำว่า ‘ได้’ ยังไม่ทันจะพูดออกมา เขาก็รู้สึกว่าจิตวิญญาณของตู๋กูซิงหลันไหลผ่านฝ่ามือพุ่งเข้าสู่หว่างคิ้วไปแล้ว
จากนั้นอาคมผนึกชิ้นนั้นก็ถูกจิตของนางโอบล้อมเอาไว้ และเผาทำลายทิ้งไปในชั่วพริบตา
เพียงชั่วแวบเดียว ก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่านจนหมดสิ้น
คราวนี้ ฉู่เจียงถึงกับตกตะลึงอยู่กับที่ไปแล้ว
อาคมผนึกในร่างกายถูกเผาทำลาย ทั่วร่างของเขาพลันรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายขึ้นมา
ที่ผ่านมาเขารู้สึกเหมือนร่างกายมีภูเขาทับอยู่มาโดยตลอด ตอนนี้ภูเขาก้อนนั้นได้สลายกลายเป็นหมู่เมฆไปแล้ว
ตอนนี้เขาแทบอยากจะโบยบินไปทั่วโลก ให้คนทั้งใต้หล้าได้รู้ว่าเขา ฉู่เจียง เป็นอิสระแล้ว!
อาคมที่กักขังมานานถึงพันปี ….อยู่ๆก็ถูกแม่ตุ๊กตาตัวน้อยผู้นี้ถอนออกไป?
ที่ยิ่งกว่าความยินดีนั้น ฉู่เจียงพลันรู้สึกประหลาดใจมากกว่า
สายตาเขาหันกลับมาที่ร่างของตู๋กูซิงหลัน แทบจะอยากมองดูนางให้ทะลุ แต่มิว่าจะมองซ้ายมองขวาอย่างไร ก็ไม่รู้สึกว่าแม่ตุ๊กตาผู้นี้จะมีส่วนใดที่เหมือนกับชาวสวรรค์เลยสักนิด
นางมีไอหยินเข้มข้น ตลอดร่างเปี่ยมไปด้วยไอหยินจากหยกสรรพชีวิต แม้แต่พลังจิตที่ใช้ส่งผ่านเข้าไปในร่างของเขาเมื่อครู่ ก็ยังเย็นเฉียบ แล้วเมื่อครู่นางสามารถถอนอาคมในร่างของตนได้อย่างไร?
ฉู่เจียงรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ
มือของตู๋กูซิงหลันยังคงวางอยู่บนหน้าผากของเขา
พอเห็นสายตาที่สับสนของฉู่เจียง นางก็ลูบคลำปลายคางตนเอง “อย่าได้มองดูเราเช่นนั้น มันจะทำให้เรารู้สึกว่าตนเองเก่งกาจเกินไปแล้ว”
นี่เรียกว่าอะไรนะ แมวตาบอดเจอหนูตาย….เดิมทีนางแค่คิดจะลองดู
เพราะเดิมทีนางก็มีความรู้เรื่องยันต์และคำสาปมาอยู่บ้าง
…………………………………