ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 527 เราก็คิดว่าตนเองเก่งกาจเหมือนกัน

ตอนที่ 527 เราก็คิดว่าตนเองเก่งกาจเหมือนกัน

“นี่ไม่ใช่ความบังเอิญหรอกหรือ? วาสนาละมั้ง?” ตู๋กูซิงหลันลูบไล้เส้นผม “อาจารย์เห็นเราแล้วถูกชะตา ก็เลยรับเราไว้เป็นศิษย์”

 

 

จากนั้นนางก็เปิดหัวข้อสนทนาต่อไป “ตอนนี้อย่าได้พูดเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์อีกเลย เรื่องสำคัญที่ข้าบอกกับเจ้า เจ้าคิดเห็นเช่นไร? ติดตามเราไปก่อการให้เลื่องลือสักครั้ง  ภายหน้าย่อมต้องมีผลประโยชน์ให้เจ้าไม่น้อย”

 

 

ว่าแล้ว ตู๋กูซิงหลันก็ลุกขึ้นเดินมาตรงหน้าฉู่เจียง ตบไหล่เขาเบาๆ “พี่น้อง ขุนนางผู้มีคุณูปการฟื้นฟูเผ่าหมิง จะขาดเจ้าได้อย่างไร”

 

 

ฉู่เจียง “….” ทำไมถึงได้รู้สึกเหมือนกำลังโดนเด็กหญิงตัวน้อยๆหลอกใช้อยู่นะ?

 

 

เขาขมวดคิ้วแน่น “ไม่ใช่อะไร แต่ข้าเห็นว่าเจ้ายังอายุน้อย หากแค่จะฟื้นฟูเผ่าหมิง ไม่จำเป็นต้องขึ้นไปทำสงครามกับแดนสวรรค์  เจ้ามองเรื่องราวทั้งหลายเรียบง่ายไปแล้ว”

 

 

“หากว่าแค่คิดก็ยังไม่กล้า เช่นนั้นผู้คนมีชีวิตอยู่ในโลกยังจะมีความหมายใดอีก?”

 

 

“ในโลกหล้านี้ไม่มีเทพไท้ ตำนานใดที่ไม่อาจเอาชนะได้ ชาวสวรรค์แม้แข็งแกร่งเพียงไร ก็จะต้องมีจุดอ่อน แค้นของอาจารย์ หากว่าข้าไม่ได้ชำระ คงต้องทุกข์ใจไปชั่วชีวิต”

 

 

ร่างของสาวน้อยยืนหยัดอย่างทรนง คำพูดนี้ของนางทำเอาแม้แต่ฉู่เจียงก็ยังรู้สึกประหลาดใจ

 

 

สาวน้อยตรงหน้าผู้นี้ นางพึ่งจะมีอายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น

 

 

นางต้องผ่านประสบการณ์เช่นไรมากัน ถึงได้สามารถเอ่ยคำเช่นนี้ออกมาได้?

 

 

มุมปากของฉู่เจียงถึงกับกระตุก ชั่วขณะนั้นเอง เขาได้ถูกตู๋กูซิงหลันกระตุ้นเลือดร้อนระอุที่เก็บงำเอาไว้มานานขึ้นมา

 

 

เขาถูกกักขังอยู่ที่เขาฝูซางซานมานานถึงพันปีแล้ว เลือดที่ร้อนระอุนั้นในตอนแรกก็เดือดดาลอยู่หรอก แต่พอผ่านเวลาเนิ่นนานเข้า ก็ลายเป็นคนที่เดินสายกลาง ละวางไปนานแล้ว

 

 

“น่าเสียดาย…. ตอนนี้ข้าผู้เป็นอ๋องถูกกักอยู่แต่ในเขาฝูซางซาน อย่างมากก็เคลื่อนไหวได้เพียงแค่รอบเขตของกู่เย่ว ถึงแม้มีใจจะช่วยเหลือเจ้า แต่ก็จนใจที่ไร้กำลัง”

 

 

คำพูดนี้ไม่ใช่ว่าเขาจงใจสาดน้ำเย็นใส่ตู๋กูซิงหลัน

 

 

“ตอนนั้นผู้ที่กักขังเจ้าคือใคร?” ตู๋กูซิงหลันจดจ้องไปที่เขา ช่วงเวลาเช่นนี้นางต้องการความช่วยเหลือจากฉู่เจียงจริงๆ

 

 

พี่ใหญ่จะใช่ซือหนานหรือไม่ นั่นก็ยังไม่แน่ชัด

 

 

นี่เท่ากับว่าอย่างน้อยๆมียมราชอีกเจ็ดคนที่หลบเร้นอยู่ที่ใดก็ไม่รู้ หากว่านางไปตามหาแต่เพียงลำพัง ก็ต้องเสียเวลามากเกินไปแล้ว

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น นางเองก็ไม่รู้ว่าควรจะไปตามหาได้ที่ไหน

 

 

แต่ฉู่เจียงกลับไม่เหมือนกัน เขาและยมราชคนอื่นๆต่างก็เป็นคนเผ่าหมิงหากให้เขาเป็นคนตามหา เรื่องย่อมง่ายดายกว่ากันมาก

 

 

“คนของเผ่าสวรรค์” ฉู่เจียงนวดขมับ ช่วงที่ผ่านมา เขาพึ่งพาการดูดซับไอทิพย์จากเหลียงเซิงเซิง พละกำลังจึงฟื้นฟูขึ้นมาไม่น้อย เดิมทีเขาคิดว่า ทอดเวลานานออกไป สักวันหนึ่งย่อมมีวันที่สามารถไปจากที่นี่ได้

 

 

“ตอนที่หมิงอ๋องหายสาบสูญไปนั้น ข้าเดินทางไปทั่วทั้งหกภพภูมิเพื่อตามหาเขา เพราะไม่ทันระวังจึงบังเอิญปะทะเข้ากับเทพสงครามของสวรรค์ ซื่อเป่ย …..เจ้าเคยเจอเขาแล้วนิ คนผู้นี้ไม่สนใจเหตุผล  ข้าต่อสู้กับเขา ถูกเขาทำร้ายบาดเจ็บ แต่เขาก็ไม่สามารถฆ่าข้าได้สำเร็จ จึงได้แต่กักขังข้าผู้เป็นอ๋องเอาไว้ในที่นี้ เจ้าว่าคนผู้นั้นชั่วร้ายหรือไม่?”

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “ย่อมชั่วร้ายยิ่ง”

 

 

ฉู่เจียงตบตักดังฉาด คิดจะร่วมเป็นร่วมตายกับตู๋กูซิงหลันในทันที

 

 

คนเราพออารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมา ถึงกับลืมไปว่ายังมีสาวน้อยไร้เดียงสาหลับอยู่บนตัก ฝ่ามือนั้นพอฟาดลงมา ก็ตบลงไปบนใบหน้าของเหลียงเซิงเซิง

 

 

เสียง ‘ฉาด’ ดังสดใส

 

 

ดวงหน้าที่ขาวใสของลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยบวมขึ้นเป็นรอยฝ่ามือห้านิ้วในทันที

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “อ้ายยะ…”

 

 

นี่จะว่าอย่างไรดีนะ?

 

 

 ที่บอกว่า รักหวานชื่น มักจบเห่เร็ว!

 

 

คำพูดนี้ก็คงหมายถึงคนอย่างฉู่เจียงนี่ละ!

 

 

ฝ่ามือนี้ไม่เบาเลย! ต่อให้น้องสาวผู้นี้เป็นคนจิตใจดีเพียงไร เกรงว่ารอบนี้ยังไรก็ต้องลุกเป็นเพลิงแน่?

 

 

ว่าแล้ว เหลียงเซิงเซิงก็ยู่หน้า สีหน้าเจ็บช้ำ นางกำลังจะเอ่ยปากขึ้นมาก็เห็นฉู่เจียงยื่นมือออกไป พลิกฝ่ามือเป็นสันดาบสับหลังคอนางจนสลบลงไป

 

 

เหลียงเซิงเซิงยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรสักคำ ก็ถูกเขาซัดจนสลบ นอนตัวอ่อนอยู่ในอ้อมแขนของเขา ท่าทางเหมือนตายไปแล้ว

 

 

ท่าทางที่ร้อนรนจนมือเท้าสับสนของฉู่เจียงเมื่อครู่ ตู๋กูซิงหลันล้วนเห็นอยู่ในสายตาทั้งหมด

 

 

นางกอดอกขึ้นมา ด้วยท่าทางของผู้ชมดูด้านข้างที่เห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน เอ่ยช้าๆว่า “เอาชนะเมียไป ก็ย่ามใจได้เพียงชั่วคราว พริบตาที่ต้องงอนง้อ ยาวนานถึงเผาผี”

 

 

ฉู่เจียง “พูดจาไร้สาระอันใด ข้าเป็นถึงยมราช ย่อมไม่มีทางหวั่นไหวใจเพราะสตรีนางหนึ่งอยู่แล้ว”

 

 

เขาโอบกอดเหลียงเซิงเซิงเอาไว้ในอก เหมือนกับกลัวว่าตนเองจะทำคนหล่นโดยไม่รู้ตัว

 

 

เมื่อครู่….ก็แค่ไม่รู้ว่าจะอธิบายลูกตบเมื่อครู่ให้นางฟังอย่างไรดีเท่านั้น ก็เลยปล่อยเลยตามเลยตบให้สลบไปเสียดีกว่า

 

 

สตรี ช่างเป็นตัวยุ่งยาก

 

 

ตู๋กูซิงหลันเห็นเขาปากแข็งไม่ยอมรับ ทำขึงขังกลบเกลื่อนไปเรื่อยได้อีกก็ทำเป็นมองข้ามเรื่องไป “เช่นนั้นพวกเราก็กลับมาที่หัวข้อสำคัญ”

 

 

ว่าแล้ว นางก็มองออกไปที่นอกหน้าต่าง “เขตเมืองกู่เย่วและภูเขาฝูซางซานล้วนดูปกติดี เช่นนี้อาคมของซือเป่ยคงต้องอยู่กับตัวเจ้าแล้ว ให้ข้าตรวจสอบดูสักหน่อย”

 

 

ว่าแล้ว นางก็ไม่รอให้ฉู่เจียงได้ตอบตกลง ชิงวางฝ่ามือลงสัมผัสลงบนหน้าผากของเขา

 

 

พอปิดตาลง ใช้ดวงจิตสัมผัสดูก็พบว่ามีข่ายอาคมสายหนึ่งอยู่ภายในร่างกายของเขา

 

 

พอตรวจสอบลึกลงไป ก็พบว่าเป็นยันต์แผ่นหนึ่ง ยันต์ที่มีความสลับซับซ้อน โยงใยกันอยู่ภายในร่างกายจนกลายเป็นอักษรคำว่า ‘ผนึก’

 

 

“นี่เป็นอาคมกักขังที่ซือเป่ยสกัดกัดเจ้าเอาไว้?” ตู๋กูซิงหลันใช้พลังจิตตรวจสอบดูอย่างละเอียด

 

 

“เป็นสิ่งนี้เอง” ฉู่เจียงไม่ได้ผลักไสนางออกไป เขาเองก็เป็นถึงยมราช ย่อมมีความแข็งแกร่งและเก่งกาจอยู่แล้ว ในร่างกายของตนเองมีสิ่งใดอยู่ ตนเองย่อมกระจ่างดี

 

 

“ผนึกอาคมนี้ชาวสวรรค์เป็นผู้ลงมือ จึงต้องให้ชาวสวรรค์เป็นผู้ถอดถอน สาวน้อยอย่างเจ้าไม่มีทางที่จะถอน….”

 

 

คำว่า ‘ได้’ ยังไม่ทันจะพูดออกมา เขาก็รู้สึกว่าจิตวิญญาณของตู๋กูซิงหลันไหลผ่านฝ่ามือพุ่งเข้าสู่หว่างคิ้วไปแล้ว

 

 

จากนั้นอาคมผนึกชิ้นนั้นก็ถูกจิตของนางโอบล้อมเอาไว้ และเผาทำลายทิ้งไปในชั่วพริบตา

 

 

เพียงชั่วแวบเดียว ก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่านจนหมดสิ้น

 

 

คราวนี้ ฉู่เจียงถึงกับตกตะลึงอยู่กับที่ไปแล้ว

 

 

อาคมผนึกในร่างกายถูกเผาทำลาย ทั่วร่างของเขาพลันรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายขึ้นมา

 

 

ที่ผ่านมาเขารู้สึกเหมือนร่างกายมีภูเขาทับอยู่มาโดยตลอด ตอนนี้ภูเขาก้อนนั้นได้สลายกลายเป็นหมู่เมฆไปแล้ว

 

 

ตอนนี้เขาแทบอยากจะโบยบินไปทั่วโลก ให้คนทั้งใต้หล้าได้รู้ว่าเขา ฉู่เจียง เป็นอิสระแล้ว!

 

 

อาคมที่กักขังมานานถึงพันปี ….อยู่ๆก็ถูกแม่ตุ๊กตาตัวน้อยผู้นี้ถอนออกไป?

 

 

ที่ยิ่งกว่าความยินดีนั้น ฉู่เจียงพลันรู้สึกประหลาดใจมากกว่า

 

 

สายตาเขาหันกลับมาที่ร่างของตู๋กูซิงหลัน แทบจะอยากมองดูนางให้ทะลุ แต่มิว่าจะมองซ้ายมองขวาอย่างไร ก็ไม่รู้สึกว่าแม่ตุ๊กตาผู้นี้จะมีส่วนใดที่เหมือนกับชาวสวรรค์เลยสักนิด

 

 

นางมีไอหยินเข้มข้น ตลอดร่างเปี่ยมไปด้วยไอหยินจากหยกสรรพชีวิต แม้แต่พลังจิตที่ใช้ส่งผ่านเข้าไปในร่างของเขาเมื่อครู่ ก็ยังเย็นเฉียบ แล้วเมื่อครู่นางสามารถถอนอาคมในร่างของตนได้อย่างไร?

 

 

ฉู่เจียงรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ

 

 

มือของตู๋กูซิงหลันยังคงวางอยู่บนหน้าผากของเขา

 

 

พอเห็นสายตาที่สับสนของฉู่เจียง นางก็ลูบคลำปลายคางตนเอง “อย่าได้มองดูเราเช่นนั้น มันจะทำให้เรารู้สึกว่าตนเองเก่งกาจเกินไปแล้ว”

 

 

นี่เรียกว่าอะไรนะ แมวตาบอดเจอหนูตาย….เดิมทีนางแค่คิดจะลองดู

 

 

เพราะเดิมทีนางก็มีความรู้เรื่องยันต์และคำสาปมาอยู่บ้าง

 

 

…………………………………

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Status: Ongoing

ตู๋กูซิงหลัน ปรมาจารย์ไสยศาสตร์ลับผู้เลอโฉมแห่งต้าโจวต้องกลายเป็นไทเฮาแม่ม่ายด้วยวัยเพียงสิบห้าปี และถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นด้วยข้อหา ‘งดงามจนทำให้อดีตฮ่องเต้ตกพระทัยตาย’ ด้วยเหตุนี้นางจึงตกเป็นที่รังเกียจของ จีเฉวียน ฮ่องเต้องค์ใหม่และเหล่าสนมทั้งสามพันนางของเขา ขณะกำลังคิดหาหนทางประจบฮ่องเต้องค์ใหม่เพื่อให้ชีวิตของนางได้อยู่สุขสบายขึ้นมาบ้าง บรรดาลูกสะใภ้ที่หวั่นใจกลัวว่าแม่เลี้ยงสาวจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนข้างหมอนก็พากันตบเท้าเข้ามาหาเรื่องนางมิขาดสาย ไหนจะอดีตคนรักอย่าง จีเย่ว์ ที่มาขอคืนดีด้วยอีก คราวนี้ตู๋กูซิงหลันจึงต้องรับศึกหนักทั้งซ้ายและขวา อีกทั้งยังต้องหาทางฟื้นพลังเพื่อตามหาหยกสรรพชีวิตไปด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางปีนออกนอกกำแพงวังได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท