ตอนที่ 205 ร่วมมือด้วยดี
“ข้าไม่มีทางดำ!”
เยียนอวิ๋นเกอพูดอย่างหนักแน่น
นางเป็นหญิงสาวที่รักในความงามเช่นเดียวกัน นางรู้หลักการความขาวปิดบังความอัปลักษณ์
เซียวอี้พูดอย่างจริงจัง “ก็แค่ผิวดำ เหตุใดต้องกังวล ผ่านไปอีกสักพักก็กลับมาขาวได้”
เยียนอวิ๋นเกอกลอกตาใส่เขา
นางยืนกรานที่จะสงสัยทุกคำที่เขาพูด โดยเฉพาะคำว่า “ดำ”
เซียวอี้รินสุรา “เนื้อตุ๋นที่นี่ทำได้ไม่เลว ฝีมือตกทอดมาจากบรรพบุรุษ สุราก็ใช้ได้ มีสุราผลไม้หมักสองสามชนิดที่อร่อย เจ้าคงจะชอบ”
เยียนอวิ๋นเกอหยิบจอกสุราหนึ่งขึ้นมา วางไว้ที่ปลายจมูกพลางสูดดม นางไม่รีบร้อนที่จะดื่ม
นางพูด “ปีนี้เกิดภัยแล้ง การเก็บเกี่ยวไม่ดี คุณภาพของสุราผลไม้หมักก็ไม่อาจรับประกันได้”
“เจ้าวางใจ นี่เป็นสุราผลไม้หมักของเมื่อปีที่แล้ว รสชาติจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”
เยียนอวิ๋นเกอจิบอย่างระมัดระวัง ลิ้มรสสุราผลไม้หมักอย่างละเอียด
ไม่ทำให้นางผิดหวังเสียจริง
นางพยักหน้า “รสชาติของสุราผลไม้หมักไม่เลว โรงสุราขนาดเล็กที่อยู่ห่างไกลเพียงนี้ เจ้าหาเจอได้อย่างไร”
เซียวอี้พูดด้วยรอยยิ้ม “เพียงแค่มีใจย่อมหาเจอ ลองชิมเนื้อตุ๋นของที่นี่ เนื้อวัวตุ๋นควรค่าแก่การรอคอยที่สุด”
อ่อ!
เยียนอวิ๋นเกอคีบเนื้อวัวตุ๋นแผ่นบางขึ้นมาลองชิมตามคำบอก
อืม รสชาตินี้ถูกต้อง
อร่อยยิ่งกว่าเนื้อตุ๋นในแคว้นซ่างกู่เสียอีก
โรงสุราเล็กแห่งนี้ไม่เป็นที่รู้จักนัก ไม่มีแม้แต่ชื่อที่จริงจัง แต่ก็มีฝีมือที่ดีเช่นนี้ได้ สมกับเป็นฝีมือที่ถ่ายทอดมาจากตระกูลเสียจริง
ฝีมือที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษไม่มีสิ่งใดติเตียนได้ หวังว่าจะสามารถสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นตลอดไป
เมื่อเห็นว่านางพอใจกับสิ่งที่ตนเองนำเสนอ ดวงตาของเซียวอี้ก็เปล่งประกายความภาคภูมิใจ
เยียนอวิ๋นเกอกินไปเพียงเล็กน้อยก็วางตะเกียบลง นางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมุมปากอย่างเบามือ
“ข้าให้คนมาส่งข่าวให้เจ้า ไม่รู้เจ้าคิดเห็นอย่างไร”
เซียวอี้ถือจอกสุราด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เจ้าอยากขุดเหมือง ได้! พวกเราร่วมมือกัน”
เยียนอวิ๋นเกอพูดด้วยท่าทางจริงจัง “ร่วมมืออย่างไร ในมือของเจ้ามีแหล่งเหมืองจริงหรือ”
เซียวอี้มองนาง “ข้าได้ยินมาว่าเรือนพักร่ำรวยของเจ้าขาดทุนอย่างหนักในปีนี้ แทบไม่มีรายได้ เวลานี้เจ้าลงทุนหาเหมืองขุดเหมือง มีความเสี่ยงเกินไป อีกทั้งเหมืองใหม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก นอกจากนี้ เจ้ายังเป็นมือใหม่ด้านเหมืองแร่ เกรงว่ายังไม่ทันได้ขุดเหมือง เงินก็หมดไปเสียก่อน”
เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้ว “เจ้าคิดว่าข้าควรทำอย่างไร”
เซียวอี้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “ข้ามีเหมืองอยู่ในมือ สามารถขุดได้ทันที แต่ว่าเจ้าก็เห็นแล้ว ข้าตัวคนเดียว ไม่มีกำลังเหลือไปดูแล สู้พวกเราร่วมมือกันขุดเหมือง เจ้าร่วมหุ้นดูแลเหมืองแทนข้า รับผิดชอบด้านการซื้อและขาย ส่วนข้าช่วยเจ้าจัดการกับสำนักราชการในท้องถิ่น นั่งรอเงินปันผลสิ้นปี เจ้ายินดีหรือไม่” โนเวล-พีดีเอฟ
เยียนอวิ๋นเกอถามทันที “แบ่งหุ้นอย่างไร”
เซียวอี้เลิกคิ้วยิ้ม “เงินสิบก้วนต่อหุ้นหนึ่งส่วน”
เยียนอวิ๋นเกออยากจะตะโกนด่าเขาว่าปล้นเงิน
โชคดีที่นางควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้
นางเลิกคิ้วยิ้ม “เงินสิบก้วนต่อหุ้นหนึ่งส่วนใช่ว่าจะไม่ได้ แต่เจ้าบอกข้ามาก่อน ในมือของเจ้ามีเหมืองอันใด”
เซียวอี้เล่นจอกสุรา “มีเหมืองทองแดง เหมืองเหล็ก พอใจหรือไม่”
โอ๊ะ มีเหมืองทองแดงด้วย
เมื่อมีเหมืองทองแดงก็สามารถผลิตเงินได้เอง
นางพินิจอีกฝ่าย “เจ้ากำลังแอบผลิตเงินเอง?”
เซียวอี้หัวเราะ “เจ้าคิดว่าข้ามีเวลาว่างหรือ”
เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้าช้าๆ “ในมือของเจ้าย่อมต้องมีคนที่เชื่อถือได้ เจ้าไม่มีกำลังเหลือมาดูแลก็สามารถส่งคนไปดูแลเรื่องเหล่านี้แทน อีกทั้งเจ้ายังสามารถขุดเหมืองได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องร่วมมือแบ่งกำไรกับข้า เหตุใดจึงช่วยข้า”
เซียวอี้พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ช่วยเจ้าก็คือช่วยตัวข้าเอง ภัยแล้งไม่มีทางคงอยู่ตลอดไป แต่เสบียงกลับขาดแคลนไม่ได้ เสบียงเป็นรากฐานที่แท้จริง เมื่อรอภัยแล้งสิ้นสุด สภาพอากาศดีขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นข้ายังต้องการให้เจ้าขายเสบียงให้ข้า เวลานี้ช่วยเหลือเจ้า คราวหน้าเจ้าเอาเสบียงในส่วนของตระกูลหลิงให้ข้า วางใจ ข้าไม่ให้เจ้าขาดทุน เช่นนี้ เงินหนึ่งแสนแปดหมื่นก้วน หุ้นร้อยละยี่สิบ”
ลดราคาให้นางร้อยละสิบ ใจกว้างเสียจริง
เยียนอวิ๋นเกอหวั่นไหวเล็กน้อย “เหมืองทองแดงและเหมืองเหล็กมีปริมาณการผลิตต่อปีเท่าใด”
อย่ารอจนลงทุนเงินเข้าไป สุดท้ายสิ้นปีก็ยังต้องขาดทุน การค้านี้ก็ทำไม่ได้แล้ว
ต้องทำความเข้าใจสถานการณ์ในทุกด้าน เป็นคนร้ายก่อนเป็นบุรุษ มันถึงจะเป็นท่าทีของการทำการค้า
ส่วนการมอบเสบียงส่วนของตระกูลหลิงให้เซียวอี้ก็ทำได้!
ภัยแล้งทั่วแผ่นดิน ตระกูลหลิงไม่เคยส่งคนมาถามนางแม้แต่น้อย
สำหรับปัญหาที่เยียนอวิ๋นเกอกังวล เซียวอี้มีเตรียมการไว้แล้ว
เขาหยิบบัญชีปีที่แล้วออกมา “ไม่ว่าข้าจะพูดโอ้อวดไว้ดีเพียงใดก็ไม่น่าเชื่อถือเท่าบัญชี นี่คือเล่มบัญชีของปีที่แล้วกับครึ่งปีแรกของปีนี้ เจ้าดูก่อน ข้ายังมีงานที่ต้องจากไปทำสักพัก หนึ่งชั่วยามหลังจากนี้ ข้าจะกลับมา”
เยียนอวิ๋นเกอโบกมือ ไปเถิด ไปเถิด…
บัญชีน่าดูกว่าบุรุษอย่างมาก
บุรุษที่งดงามเพียงใดก็ไม่อาจมีแรงดึงดูดเท่าเล่มบัญชี
เซียวอี้เสียใจอย่างมาก
เล่มบัญชีน่าดูกว่าเขาหรือ
สายตาใดกัน!
วันอื่นต้องให้ไต้ฟูมาตรวจตาให้เยียนอวิ๋นเกอ ระวังตาเข
เยียนอวิ๋นเกอพลิกดูบัญชีอย่างรวดเร็ว นางพลางพลิกดูบัญชีพลางถือลูกคิด
ในลานเล็กได้ยินแต่เสียงดีดลูกคิดดังก้อง
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม เซียวอี้กลับมายังลานเล็ก เยียนอวิ๋นเกอยังกำลังดีดลูกคิดอยู่
เขาไม่รบกวนนาง เพียงแค่มองและฟังอย่างเงียบๆ
ส่วนเยียนอวิ๋นเกอ นอกจากเหลือบมองเขาตอนกลับมาแล้ว นางก็จดจ่ออยู่กับการคำนวณ
ในที่สุดก็คำนวณเสร็จสิ้น
สามารถร่วมมือขุดเหมืองได้
ต่อมาก็คือขั้นตอนต่อรองราคา
เยียนอวิ๋นเกอไม่เกรงใจกับเซียวอี้ นางเอ่ยปากต่อราคาทันที “หนึ่งแสนห้าหมื่นก้วน หุ้นร้อยละสี่สิบ”
พู่ว!
เซียวอี้กระอักเลือด
ต้องโหดเหี้ยมเช่นนี้หรือ
ฝ่ายหนึ่งเรียกราคาสูง อีกฝ่ายต่อราคาต่ำ
ต่อหน้าเงินทอง ทั้งสองฝ่ายไม่ยอมกันแม้แต่น้อย
ทั้งสองฝ่ายหารือกัน สุดท้ายตกลงที่หนึ่งแสนแปดหมื่นก้วน หุ้นร้อยละยี่สิบห้า
เมื่อเทียบกับเงินหนึ่งแสนก้วนได้หุ้นร้อยละสิบในตอนแรกก็ถูกลงไม่น้อย
พวกเขาลงนามสัญญาทันที
สามวันต่อมา เยียนอวิ๋นเกอต้องการจ่ายเงินลงทุนครั้งเดียวหนึ่งแสนแปดหมื่นก้วน
ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันอย่างสันติ
เยียนอวิ๋นเกอจากไปรวบรวมเงินอย่างว่องไว
เซียวอี้ลูบจมูกของตนเอง “แม้แต่น้ำชายังไม่ยอมดื่ม รีบร้อนเพียงนี้จริงหรือ หรือว่าข้าอัปลักษณ์ นางจึงไม่หลงใหลในความงามของข้าแล้ว”
ฮือๆๆ …
ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก
…
เยียนอวิ๋นเกอมีเงินหรือ
มี!
แต่เงินของนางกระจัดกระจายอย่างมาก
มีเงินจำนวนหนึ่งใช้สำหรับกักตุนสินค้าและเสบียง
เพียงแค่ผ้าผืนที่วางอยู่ในโกดังของเรือนพักร่ำรวยก็กินเงินทุนจำนวนมากแล้ว
อีกทั้งยังมีเสบียง ยิ่งเป็นจำนวนตัวเลขมหาศาล
หนึ่งแสนแปดหมื่นก้วนไม่ใช่จำนวนน้อย เงินมาจากที่ใด
ร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ยมีกระแสเงินสดจำนวนมาก
นางไม่ได้เบิกเงินเก็บของร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ยติดต่อกันมาสองปี
คราวนี้นางเบิกออกมาทั้งหมด แก้ไขปัญหาใหญ่ของนางได้
ยังขาดอีกเล็กน้อย
นางจำได้ว่าตนเองฝากเครื่องเงินเครื่องทองลังหนึ่งไว้ที่มารดา
ตอนนั้นเป็นเงินมัดจำที่เซียวอี้นำมาใช้ซื้อเสบียง
นำเครื่องเงินเครื่องทองแลกเปลี่ยนเป็นเงิน
จากนั้นเจียดเงินออกมาจากทางนี้เล็กน้อย ทางนั้นอีกเล็กน้อย ในที่สุดก็รวบรวมเงินลงทุนได้หนึ่งแสนแปดหมื่นก้วน ชำระตามกำหนด
นับแต่วันนี้ เยียนอวิ๋นเกอก็เป็นหญิงสาวที่มีเหมืองแล้ว
ฮ่าๆๆ …
นางยืนอยู่บนหลังคามองออกไปไกลอย่างอารมณ์ดี
อาเป่ยยืนอยู่ในลาน ตะโกนบอกนาง “คุณหนูรีบลงมา นายน้อยรองมาถึงนอกเมืองแล้ว ท่านหญิงให้บ่าวมาถามคุณหนูว่าจะไปรับนายน้อยรองที่ประตูเมืองหรือไม่เจ้าคะ”
“พี่สองมาถึงแล้วหรือ มาถึงแล้วจริงหรือ”
“จริงแท้แน่นอนเจ้าค่ะ มาถึงแล้ว คุณหนูรีบลงมาเถิดเจ้าค่ะ!”
เยียนอวิ๋นเกอตื่นเต้นอย่างมาก
เรื่องมงคลมาเป็นคู่
เพิ่งได้หุ้นเหมืองแร่ พี่รองเยียนอวิ๋นถงก็มาถึงเมืองหลวงพอดี
ดูท่านางกำลังจะมีโชคดีแล้ว
นางกระโดดลงจากหลังคา ทำให้สาวรับใช้อาเป่ยตกใจแทบตาย
“คุณหนูเจ้าคะ อย่างน้อยท่านระวังความปลอดภัยเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะ หากแขนขาหักขึ้นมาจะทำอย่างไรเจ้าคะ”
“หากหักขึ้นมาจริง ก็แสดงว่าข้ายังฝึกฝนไม่เพียงพอ เป็นของหิ้ว”
สิ่งใดคือของหิ้ว
ก็คือผู้ที่มีความสามารถไม่เพียงพอ
เยียนอวิ๋นเกออธิบายต่อสาวรับใช้อาเป่ย
นางเปลี่ยนชุดวิ่งไปพบเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดาที่ห้องตำรา
เซียวฮูหยินตำหนิ “วิ่งจนเหงื่อตก ไร้ความสงวนท่าทีของหญิงสาวแม้แต่น้อย ที่ผ่านมาเจ้าอายุน้อย ข้าจึงปล่อยเจ้า เวลานี้เจ้าเติบใหญ่แล้ว ข้าไม่อาจตามใจเจ้าได้อีก ต่อจากนี้อยู่ในจวน อย่าได้สวมชุดขี่ม้ายิงธนู อย่างน้อยก็แต่งกายให้เหมือนคุณหนูเสียบ้าง”
เยียนอวิ๋นเกอก้มหน้ามองเครื่องแต่งกายของตนเอง ชุดขี่ม้ายิงธนูเหมือนเดิมตลอดปี ดีมาก!
รัดรูป สะดวก กระฉับกระเฉง…
สามารถเน้นรูปร่างสูงโปร่งของนางได้อย่างดี
เซียวฮูหยินพูดอย่างเด็ดขาด อย่างไรต่อจากนี้ไม่อาจแต่งกายเช่นนี้ในจวนได้
เยียนอวิ๋นเกอยิ้มพลันถาม “ท่านแม่หมายความว่าไม่อาจแต่งกายเช่นนี้ในจวน แต่ออกจากจวนก็สามารถแต่งได้ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“หากเจ้าไปเรือนพัก แต่งกายเช่นนี้สะดวก แต่หากไปเป็นแขกในจวนอื่น ไม่อาจแต่งกายเช่นนี้ได้”
เยียนอวิ๋นเกอทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก
อย่างมากนางก็ไม่ออกไปเป็นแขกในจวนอื่น
จากมุมมองของนาง การเข้าร่วมงานเลี้ยงไม่น่าสนใจ
บรรดาคุณหนูที่แต่งกายงดงามรังเกียจนาง
นางก็รังเกียจบรรดาคุณหนูที่แต่งกายงดงาม
ทั้งสองฝ่ายต่างรังเกียจกันมาหลายปี ยังต้องรังเกียจกันต่อไป
หากนางสวมชุดกระโปรงไปเข้าร่วมงานเลี้ยง ต้องถูกคนหัวเราะเยาะอย่างแน่นอน
นางต้องกลายเป็นเรื่องน่าขันหนึ่งในสิบของเมืองหลวง
นางไม่อยากลำบาก จึงรีบเปลี่ยนประเด็น “พี่สองมาถึงเมืองหลวงแล้ว ข้าไปรับเขา”
นางนำกำลังคนออกจากจวนไปอย่างรีบร้อน
นอกเมือง พี่น้องที่ไม่ได้พบหน้ากันมาหลายปี ในที่สุดก็ได้พบกัน
เยียนอวิ๋นถงใบหน้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น “น้องสี่ตัวสูงขึ้นแล้ว เติบโตเป็นสาวแล้ว อีกทั้งยังงดงามมากขึ้นด้วย”
“พี่สองก็สูงขึ้นรูปงามขึ้น”
พี่น้องสองคนต่างเยินยอกัน ทันใดนั้นก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมา
ความเหินห่างที่เกิดขึ้นตอนพบหน้ากันหายไปทันที
พวกเขาต่างพบกับความคุ้นเคย จังหวะที่คุ้นเคย
เยียนอวิ๋นถงตัวสูงใหญ่ เขาไม่รังเกียจรถม้าคันเล็ก มุดเข้าไปนั่งในรถม้ากับน้องสาวเพื่อเข้าเมืองด้วยกัน
“ยินดีกับพี่สองที่จะได้ภรรยาที่งดงาม”
เยียนอวิ๋นถงหัวเราะด้วยสีหน้าได้ใจ “พี่สะใภ้เจ้ายังต้องเดินทางอีกหนึ่งวันถึงจะมาถึงเมืองหลวง ข้าจะพาเจ้าไปพบนาง”
เอ๊ะ?
ประโยคนี้เปิดเผยอย่างมาก
———————————————-