“ท่านอ๋องฉู่เจียงกับเสี่ยวไป๋ออกไปด้วยกัน พี่สาวคงจะต้องรอสักพัก ตอนนี้ยังเช้าอยู่มาก ไม่รู้ว่าพวกเขาจะกลับมาเมื่อไหร่”
เหลียงเซิงเซิงเหลือบมองดูนอกหน้าตาแวบหนึ่ง นับจากที่เขาฝูซางซานได้รับการชำระวิญญาณจนหมดจด แสงอาทิตย์ก็สามารถส่องผ่านใบไม้ลงมาได้แล้ว
พอใกล้เวลาช่วงเที่ยง นางก็ต้มน้ำชาร้อนๆมาใหม่อีกกาหนึ่ง “พอดีเลยข้าพึ่งเชือดไก่เสร็จ จะได้ย่างให้พี่สาวกิน”
นางยิ้มออกมาจนหัวคิ้วโค้งมน น่าดูอย่างที่สุด
คุณหนูที่จวนจวิ้นอ๋องประคองเอาไว้ในฝ่ามือ ตอนนี้ไม่ว่าอะไรก็ล้วนทำได้แล้ว ตู๋กูซิงหลันอดจะมองดูนางอีกหลายๆครั้งไม่ได้ พอพึ่งจะเบนสายตาออกไป ก็เห็นต้นไม้ในสวนปรากฏกลุ่มหมอกสีแดงเลือดขึ้นมากลุ่มหนึ่ง
พอหมอกเลือดสลายตัว ใต้ต้นไม้ก็มีเงาร่างในชุดสีแดงเลือดเดินออกมา
เส้นผมสีเงินของคนผู้นั้นพลิ้วไปด้านหลัง บนศีรษะมีผ้าคาดสีแดงอยู่เส้นหนึ่ง แสงแดด
ส่องผ่านต้นท้อลงมายังใบหน้าที่งดงามของเขา บางทีอาจเป็นเพราะแสงแดดเป็นเหตุ ทำให้ใบหน้าที่เดิมติดจะโหดเ**้ยม เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมา
ในมือของเขามีสัตว์ที่ล่ามาหลายตัว ด้านหลังยังมีสุนัขสีขาวที่ใหญ่ถึงครึ่งตัวคนเดินตามมาอีกหนึ่งตัว ขนของมันหนาและยาวดูน่ารักน่าเอ็นดู ดูตรงข้างกับฉู่เจียงที่เ**้ยมโหดอย่างที่สุด
เดิมทีบนใบหน้าของฉู่เจียงยังมีรอยยิ้ม แต่พอได้เห็นตู๋กูซิงหลัน รอยยิ้มนั้นก็แข็งค้างไปในทันที
เขาหรี่ดวงตาลงเล็กน้อย เดินก้าวใหญ่ๆเข้าไป วางสิ่งของในมือลงบนโต๊ะ
เขานั่งลงบนเก้าอี้โยกในห้องยกขาขึ้นมาไขว่ห้าง ด้วยท่าทางที่แฝงความอหังการเอาไว้ไม่น้อย
“ฮ่องเต้หญิง มีธุระหรือ?”
มารดาเลี้ยงตัวน้อยของจีเฉวียนได้ครอบครองแผ่นดินโบราณนี้ทั้งหมด กลายเป็นจักรพรรดินีที่สูงส่งเกินใครเทียบ เรื่องนี้แม้แต่ฉู่เจียงที่ฝังตัวอยู่บนเขาฝูซางของเขตกู่เย่วก็ยังทราบดี
ฉู่เจียงจดจ้องนางอย่างล้อเลียน ไม่พบหน้ากันพักหนึ่ง เขาสัมผัสได้ว่าพลังของหยกสรรพชีวิตในร่างกายของนางยิ่งทียิ่งแข็งแกร่งขึ้น ทำให้คนอดคิดถึงช่วงที่ผ่านมาไม่ได้
ตู๋กูซิงหลันลดถ้วยชาในมือลง กวาดสายตาลงบนร่างของฉู่เจียงแวบหนึ่ง จากนั้นก็จิบชาร้อนในมือตามสบายอีกครั้ง ค่อยเอ่ยตอบเขาอย่างจริงจัง “ ข้ามาหาเจ้า เพราะมีเรื่องบางประการ เรื่องสำคัญ”
คนอย่างนางแต่ไหนแต่ไรก็ไม่ชอบการพูดจาอ้อมค้อมวกไปวนมาเสียเวลา นางไม่สนใจว่าเหลียงเซิงเซิงอยู่ข้างๆ ก็เปิดฉากเอ่ยหัวข้อว่า “หมิงอ๋องหายสาบสูญแล้ว เขา ‘ตาย’ ในน้ำมือของชาวสวรรค์ ข้าต้องการให้เจ้ามาช่วยตามหายมราชอีกเจ็ดคน ฟื้นฟูเผ่าหมิงขึ้นมาใหม่….”
นางไม่สนใจว่าฉู่เจียงจะตื่นตะลึงแค่ไหน ก็กล่าวย้ำต่อไปว่า “สังหารแดนสวรรค์”
พอเอ่ยคำนี้ออกมา ฉู่เจียงก็สูดลมหายใจเย็นๆเข้าไปด้วยความเหน็บหนาว
เขายังไม่ทันได้ตอบสนองคำพูดของตู๋กูซิงหลันที่ว่า หมิงอ๋อง ‘ตาย’ แล้ว?
ตุ๊กตาหญิงตัวน้อยผู้นี้คิดจะฟื้นฟูเผ่าหมิง ขึ้นไปสังหารชาวสวรรค์?
เขาเงียบงันไปชั่วขณะ ในที่สุดค่อยเอ่ยปากขึ้นมาว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าตนเองพูดอะไรออกมา?”
ตู๋กูซิงหลัน “ข้าย่อมเข้าใจแจ่มแจ้ง”
“ฉู่เจียง เจ้าคือหนึ่งในสิบยมราช คือแม่ทัพใต้บัญชาของหมิงอ๋อง การฟื้นฟูเผ่าหมิง เป็นหน้าที่ที่เจ้าไม่อาจผลักภาระออกไปได้”
หลังจากที่ตู๋กูซิงหลันกลายเป็นฮ่องเต้หญิง ก็ยิ่งเพิ่มพูนภาพลักษณ์ของความเป็นผู้นำ ทุกถ้อยคำทำให้คนยากจะปฏิเสธ
ฉู่เจียงมองดูนาง สองขาที่ไขว้กันอยู่ลดลงมา ท่วงท่าเปลี่ยนเป็นเอาจริงเอาจังขึ้นมา
แววตาของเหลียงเซิงเซิงมองสลับไปสลับมาระหว่างคนทั้งสอง นางยังคงไม่ค่อยเข้าใจว่าพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่
ท่านอ๋องฉู่เจียง….มิได้เป็นปีศาจที่งดงามที่สุดในภูเขาฝูซางซานหรอกหรือ?
แล้วทำไมถึงกลายเป็นสิบยมราชไปได้?
สิบยมราช……คือตัวอะไร?
นางไม่เข้าใจ จึงไม่กล้าพูดอะไรไร้สาระออกไป เพียงแต่มองไปมองมาระหว่างคนทั้งสองเท่านั้น
ฉู่เจียงเห็นท่าทางที่อยู่ไม่สุขของนาง ก็ขยับมือวูบหนึ่ง ลมหอบหนึ่งพัดตัวเหลียงเซิงเซิงลอยเข้ามา จับนางนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็กข้างกาย
“ข้าผู้เป็นอ๋องกับฮ่องเต้หญิงสนทนาเรื่องสำคัญกัน เจ้านั่งลงอย่างเชื่อฟังอยู่ที่นี่”
ว่าแล้ว ก็ชี้นิ้วไปยังสัตว์ที่ล่ามากองใหญ่ “หากว่าหิวแล้ว ก็ไปย่างกระต่ายมากินสักตัว เจ้ากินเองคนเดียวก็พอแล้ว”
หากเปรียบเทียบกับตัวเขาที่ก่อนหน้าที่สุดแสนจะเย็นชาแล้ว ฉู่เจียงที่อยู่เบื้องหน้าเหลียงเซิงเซิงในตอนนี้ยังอ่อนโยนกว่ามาก
ขนาดตู๋กูซิงหลันได้ยินแล้ว ยังอดที่จะรู้สึกขนลุกชันไม่ได้เลย
เจ้าตัวร้ายผู้นี้ใช่ว่าพอจับน้องสาวของนางกินจนเรียบร้อย ก็ตั้งตัวเปลี่ยนเป็นคนรักที่คอยอบรมสั่งสอนตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงใช่หรือไม่?
ตู๋กูซิงหลันอดไม่ได้ที่จะมองออกไปดูดอกท้อที่พลิ้วไปตามลมด้านนอกหน้าต่าง….
ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่า ทำไมฉู่เจียงถึงได้ปลูกต้นท้อที่เป็นปรปักษ์กับธาตุหยินเอาไว้บนเขามากมาย
น่าจะเป็นเพราะว่า …..น้องสาวผู้นี้ชื่นชอบแน่นอน
เหลียงเซิงเซิงเชื่อฟังอย่างยิ่ง นางส่ายศีรษะ “ข้ายังไม่หิว พวกท่านคุยกันไป ถึงอย่างไรข้าก็ไม่เข้าใจ ไม่รบกวนพวกท่านอยู่แล้ว”
ว่าแล้ว นางก็หาวกว้างออกมา โค้งเอวลงไป สองมือพาดลงไปบนตักของฉู่เจียง ซุกศีรษะลงไปอย่างรวดเร็ว พอปิดตาลงก็หลับไปแล้ว
กริยาของนางแสนจะว่าง่ายเชื่อฟัง ฉู่เจียงหลุบตาลง แววตาปรากฏความรักใคร่โปรดปรานออกมา
โอ้…..
ตู๋กูซิงหลันถึงกับเคอะเขินแทนแล้ว
ขอโทษที ผู้อื่นหลบมาใช้ชีวิตปลีกวิเวกอยู่ในป่าท้อ นางไม่ควรมารบกวน ขอโทษที ตอนนี้นางพึ่งกลายเป็นคนโสดที่สูญเสียชายคนรัก ในใจจึงอิจฉาแทบระเบิดแล้ว!
หากว่ามิได้เกิดเรื่องร้ายเช่นตอนนั้นขึ้นมาละก็ นางกับเสี่ยวเฉวียนเฉวียนก็คงจะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน
อืม ใต้แสงแดดยามบ่ายที่น่าสบาย ให้เสี่ยวเฉวียนเฉวียนเอนตัวลงนอนบนตักของนาง แค่นี้ก็พอใจแล้ว
…………………………..
ครู่ต่อมา ฉู่เจียงก็เงยหน้าขึ้น สองตาจ้องไปที่ร่างของตู๋กูซิงหลัน “หมิงอ๋อง เขา…จากไปแล้วจริงๆ?”
“ข้าก็หวังว่าจะไม่ใช่ความจริง” ตู๋กูซิงหลันบอก
แน่นอนว่า ฉู่เจียงไม่อยากให้มันเป็นจริง เขาสอบถามเรื่องราวอีกครั้ง ตู๋กูซิงหลันก็เล่ารายละเอียดให้ฟังอีกรอบอย่างไม่มีอะไรตกหล่น
ฉู่เจียงรับฟังอย่างตั้งใจ จนสุดท้ายค่อยถอนหายใจออกมา “คิดไม่ถึงว่าหลายปีมานี้ เขาจะไปอยู่ที่โลกใบโน้น….มิน่าเล่า ตอนนั้นข้าค้นหาไปทั่วหกภพภูมิ ก็ตามหาเขาไม่เจอ…..หมิงอ๋อง เขาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ไม่มีทางที่จะหายสาบสูญไปได้ง่ายๆอย่างแน่นอน….”
เขาพึมพำกับตนเอง น้ำเสียงแฝงความมั่นใจอยู่ไม่น้อย “เขาจะต้องกลับมา…..จะต้องกลับมา”
ตู๋กูซิงหลันไม่ได้กล่าวอะไร จากการแสดงออกของฉู่เจียง นางดูก็รู้ว่า เขาให้ความเคารพต่อท่านอาจารย์อย่างยิ่ง
จากนั้น ฉู่เจียงก็พิจารณาดูนางอย่างละเอียดลออ “ครั้งแรกที่ได้พบกัน ข้าก็สัมผัสได้ถึงพลังของหยกสรรพชีวิตในกายของเจ้าแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่า เจ้าจะเป็นศิษย์ที่หมิงอ๋องทรงรับเอาไว้ในโลกใบโน้น…..เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมานานแสนนาน เขาไม่เคยรับศิษย์มาก่อนเลย”
เขาอยากจะรู้จริงๆว่า สาวน้อยผู้นี้มีที่ใดไม่เหมือนกับผู้อื่น ถึงได้สามารถทำให้หมิงอ๋องยอมรับนางเป็นศิษย์ ทั้งยังมอบหยกสรรพชีวิตให้กับนาง
เพราะสิ่งของชิ้นนี้….ตอนที่เง็กเซียนฮ่องเต้เสด็จมาขอด้วยพระองค์เอง หมิงอ๋องแม้ตายก็ไม่ยกให้
แต่กลับยกให้เด็กสาวผู้นี้อย่างง่ายๆ?
……………………………………………………………………….