บทที่ 10 ตู้อวิ๋นเซิงต้องการจะเจอเธอ
บทที่ 10 ตู้อวิ๋นเซิงต้องการจะเจอเธอ
ผานเยว่กุ้ยรู้สึกว่าตั้งแต่เซี่ยชิงหยวนจมน้ำ อีกฝ่ายก็ดูเหมือนกลายเป็นคนละคน
เธอต้องการจะตะโกนด่าอีกฝ่ายอย่างที่เคยทำ แต่แล้วก็เหลือบไปเห็นเสิ่นอี้โจวกำลังเดินมาทางนี้ผ่านหางตา ความหยิ่งผยองเมื่อครู่จึงหายไปทันที
เธอเอ่ยขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ความเย่อหยิ่งในตอนแรกได้หายไปแล้ว “ในเมื่อไม่อยากให้ ฉันจะไม่เอาก็ได้ อย่างกับฉันอยากได้มันนักล่ะ” เธอเม้มริมฝีปาก พลางหันกลับเตรียมจะจากไป
เมื่อชายหนุ่มเห็นเซี่ยชิงหยวนดูแข็งกร้าวแน่วแน่ขนาดนั้น เขาจึงรู้ว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์นี้ เขาแค่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และเดินไปที่สวนหลังบ้าน
ทว่าหลังจากผานเยว่กุ้ยเดินไปได้สองสามก้าว เธอก็เห็นหวังชุ่ยเฟินเดินเข้ามา
หวังชุ่ยเฟินยิ้มและกล่าวทักทาย “คุณป้าเยว่กุ้ย สวัสดีค่ะ”
ผานเยว่กุ้ยมีความประทับใจที่ดีต่อหวังชุ่ยเฟิน
อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ยังทักทายเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ไม่เหมือนกับเซี่ยชิงหยวน!
ดังนั้นเธอจึงตอบอีกฝ่ายอย่างกระตือรือร้นเช่นกัน “ชุ่ยเฟิน เธอมาหาชิงหยวนอีกแล้วเหรอ? แต่ตอนนี้อาจไม่ใช่เวลาที่เหมาะนัก เด็กคนนั้นกำลังโกรธฉันที่มาขอแบ่งเนื้อเล็กน้อยเพื่อไปทำอาหาร”
หวังชุ่ยเฟินรู้ว่าวันนี้เธอได้เห็นเรื่องสนุกแน่
จากนั้นเธอก็แสร้งทำเป็นประหลาดใจ “คุณป้าเยว่กุ้ย ต้องมีความเข้าใจผิดบางอย่างแน่ ชิงหยวนเป็นคนว่าง่ายมาก เธอไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกค่ะ”
จากนั้นเธอก็พูดกับเซี่ยชิงหยวน “ใช่ไหมชิงหยวน?”
เซี่ยชิงหยวนเห็นสองคนนี้เข้าขากันดีก็ได้แต่นึกตลกในใจ
ถ้าเป็นชีวิตที่แล้ว เธอคงอธิบายตัวเองจนเข้าทางอีกฝ่าย แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว!
ดังนั้นเธอจึงตะคอกกลับไปว่า “อะไรของเธอ? อยู่ ๆ มาถามว่าใช่ไหมอะไร?”
หลังจากพูด เธอก็ส่งเนื้อให้เสิ่นอี้หลิน “อี้หลินเอาเนื้อไปเก็บไว้ดี ๆ ไม่งั้นเดี๋ยวหมาจิ้งจอกที่ไหนไม่รู้จะมาแอบขโมยเนื้ออีก!”
เสิ่นอี้หลินไม่สามารถดีใจมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว!
ไม่สำคัญว่าพี่สะใภ้คนนี้จะสนิทกับเขาหรือไม่ ตราบใดที่เธอสามารถช่วยพวกเขาเก็บเนื้อเอาไว้ได้ เขาย่อมยินดีรับคำสั่งอย่างแข็งขัน
ดังนั้นเขาจึงตอบเสียงดัง “เข้าใจแล้ว พี่สะใภ้!”
เขารับเนื้อไปโดยไม่สนใจการขยิบตาอย่างต่อเนื่องของหลินตงซิ่วและตรงเข้าไปในครัว
หวังชุ่ยเฟินไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า เซี่ยชิงหยวนจะกล้าตะโกนแย้งตัวเองแบบนี้ แถมเมื่อสังเกตสีหน้าของอีกฝ่าย ชิงหยวนกลับไม่ได้แสดงท่าทีขอโทษเลยด้วยซ้ำ
เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยิ้มให้เพื่อแก้เก้อ
เธอหยิบครีมที่ซื้อเมื่อเช้าออกมา “วันนี้ฉันเข้าเมืองและเอาครีมกลับมาสองกล่อง ฉันคงใช้มันไม่หมด ฉันจะให้เธอหนึ่งกล่องนะ”
ทุกวันนี้มีคนในหมู่บ้านซีสุ่ยไม่มากที่ยินดีจ่ายเงินซื้อครีม และน้อยยิ่งกว่าสำหรับคนที่ยินดีซื้อมันมาแจกคนอื่น
ทว่าที่ผ่านมา เมื่อใดที่หวังชุ่ยเฟินให้ของแก่เซี่ยชิงหยวน มันจะหมายความว่าเธอต้องการบางอย่างแลกเปลี่ยนตลอด การให้โดยไม่หวังอะไรสำหรับคนคนนี้ก็ไม่ต่างกับดวงอาทิตย์ที่ขึ้นทางทิศตะวันตก
เซี่ยชิงหยวนไม่ตอบ
เธอก้มมองมือของอีกฝ่ายที่กำครีมไว้แน่นด้วยความประหม่า
การจ้องมองของหญิงสาวเลื่อนจากใบหน้าของหวังชุ่ยเฟินไปยังครีม จากนั้นกลับมาที่ใบหน้าของอีกฝ่ายอีกครั้ง
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “ไม่ล่ะ ต้องขอบคุณอี้โจวที่นำมันมาให้ฉันทุกครั้งที่เขากลับบ้าน ล่าสุดที่เขาเอากลับมาให้ฉันก็ยังมีอยู่เต็มบ้าน”
มันเป็นความจริงที่เสิ่นอี้โจวมักนำของกลับมาให้เธอ แต่นิสัยซื่อตรงแบบผู้ชายของเสิ่นอี้โจวนั้น…ยากที่จะอธิบายจริง ๆ
เมื่อได้ประโยคนั้น ใบหน้าของหวังชุ่ยเฟินก็แข็งค้าง
ระหว่างสองวันที่ผ่านมา เซี่ยชิงหยวนถูกผีเข้าสิงหรือไง?
แต่ละประโยคที่พูดออกมาทำร้ายจิตใจกันเหลือเกิน แถมยังพูดได้หน้าตาเฉยอีกต่างหาก
เธอต้องการที่จะเกลี้ยกล่อมเซี่ยชิงหยวนอีกครั้ง แต่ผานเยว่กุ้ยซึ่งจ้องมองมาที่เธอเป็นเวลานานแล้วคว้าครีมไปถือไว้ในมือยังไง้ยางอาย “ในเมื่อคนเขาไม่อยากได้ก็เอามาให้ป้า!”
หวังชุ่ยเฟินไม่ได้คาดคิดว่าป้าของเสิ่นอี้โจวจะทำแบบนี้เลย
ครีมนี้ได้รับการเติมส่วนผสมบางอย่างเป็นพิเศษ หากให้ผานเยว่กุ้ยไปแผนการทั้งหมดก็จะผิดพลาดหมดสิ
เธอรีบคว้ามันกลับคืนและยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “คุณป้าเยว่กุ้ย ถ้าคุณต้องการมัน ฉันยังมีมันอยู่ที่บ้านอีก เดี๋ยวจะเอาไปที่บ้านคุณให้ภายหลังนะคะ”
เมื่อของในมือถูกแย่งไปอีกรอบ ผานเยว่กุ้ยก็เริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง เธอคิดว่าอีกฝ่ายไม่อยากจะให้เลยหาข้ออ้างว่า จะเอามาให้อีกอันในภายหลัง
เธอคว้ากล่องครีมออกจากมือของหวังชุ่ยเฟินอย่างรวดเร็ว และรีบยัดมันลงในกระเป๋ากางเกงของเธอ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ป้าไม่อยากรบกวนหนูขนาดนั้น ป้าเอาอันนี้แหละ หนูจะได้ไม่ต้องกลับไปที่บ้านหลายรอบไงจ๊ะ”
จากนั้นเธอก็พูดกับเซี่ยชิงหยวนว่า “เรื่องนี้ หลานสะใภ้ไม่ขัดข้องใช่ไหม?”
เมื่อเห็นคนทั้งสองเปลี่ยนมาเล่นแง่กันเอง เซี่ยชิงหยวนก็อดขำไม่ได้
เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับครีมกระปุกนี้
เธอกำลังคิดหาวิธีกำจัดเผือกร้อนนี้เงียบ ๆ แต่ผานเยว่กุ้ยกลับเสนอหน้ามาทำแทน
ดังนั้นเธอจึงยิ้มอย่างเข้าใจ “ฉันไม่สนใจหรอกค่ะ แต่มันเป็นของชุ่ยเฟินดังนั้นคุณควรถามเธอ”
หลังจากนั้นเธอก็มองไปที่หวังชุ่ยเฟินด้วยรอยยิ้ม จากนี้มันก็ขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายว่าจะทำยังไงต่อ
ไม่ใช่ว่าผู้หญิงคนนี้ชอบทำเรื่องเลวต่าง ๆ เช่น หว่านความขัดแย้งหรือสุมไฟหรอกเหรอ?
ตอนนี้เธออยากดูว่าอีกฝ่ายจะจัดการกับเรื่องแบบนี้ด้วยตัวเองได้ยังไง?
หวังชุ่ยเฟินยังคงคาดหวังให้เซี่ยชิงหยวนพูดอะไรเพื่อเธอสักสองสามคำ แต่จู่ ๆ อีกฝ่ายกลับหันปืนมาทางเธออีกครั้ง
หญิงสาวลอบกัดฟันด้วยความเกลียดชังในใจ แต่เธอไม่สามารถแสดงความโกรธออกมาทางสีหน้าได้ จึงได้แต่ข่มอารมณ์และฝืนยิ้มออกไป
เธอจับจ้องไปที่กระเป๋ากางเกงที่นูนขึ้นของผานเยว่กุ้ยและด่าทอบรรพบุรุษของอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในใจ
แม่ทูนหัวคนนี้คิดจะใช้ประโยชน์จากเธอ!
จากนั้นเธอก็พูดว่า “คุณป้าเยว่กุ้ย คุณป้าควรจะคืนสิ่งนี้ให้ชิงหยวน อันที่จริงฉันยังมีน้ำมันหอมออสมันตัสที่เจี่ยเจินนำกลับมาจากในเมือง เดี๋ยวฉันเอามันมาให้คุณดีกว่า”
เจี่ยเจินเป็นพี่สะใภ้ของหวังชุ่ยเฟินที่แต่งงานและอาศัยอยู่ในเมือง
อันที่จริง น้ำมันใส่ผมอันเก่าของเธอ เธอใช้ไปเกือบหมดแล้ว
แต่ไม่ว่ายังไง การได้ของกลับมาคือสิ่งสำคัญที่สุด
เมื่อผานเยว่กุ้ยได้ยิน แน่นอนว่าเธอรู้สึกประทับใจ
แต่ของดีแบบนั้นอีกฝ่ายจะให้เธอจริงหรือไม่?
เซี่ยชิงหยวนพูดอย่างไม่เร่งรีบ “น้ำมันหอมออสมันตัสนี้กำลังขาดตลาด คุณป้าคุณโชคดีจริง ๆ ฉันจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เจี่ยเจินกลับมามันก็หลายเดือนแล้ว”
จากนั้นเธอหันไปหาหวังชุ่ยเฟิน “ฉันคิดว่าน้ำมันหอมของเธอน่าจะใช้ใกล้หมดแล้วรึเปล่า”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ผานเยว่กุ้ยก็ตระหนักถึงบางสิ่งได้ทันที
หวังชุ่ยเฟินคนนี้ไม่ต้องการมอบของให้เธอ!
ดังนั้นเธอจึงดึงหน้าตึง “ชุ่ยเฟิน ป้าไม่ใช่คนโลภหรอก ขอแค่นี้ก็พอ”
เมื่อพูดจบ เธอก็โบกมือแล้วเดินไปอย่างรวดเร็ว
หวังชุ่ยเฟินโกรธมากและรีบสาวเท้าตามไป “ป้าเยว่กุ้ย!”
เมื่อเห็นว่าร่างอ้วนของผานเยว่กุ้ยกลายเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ ในชั่วพริบตา ในที่สุดเธอก็อดไม่ได้ที่จะสบถ “บ้าเอ๊ย! แก่จะตายอยู่แล้วยังอยากจะทาครีมให้สวยไปเพื่ออะไร คิดว่าทาแล้วจะหน้าเหมือนฉันเหรอ!”
หลังจากบ่นต่ออีกสองสามคำ เธอก็เหลือบมองไปที่เซี่ยชิงหยวน “ชิงหยวน เธอก็เช่นกัน! ทำไมถึงไม่ช่วยเกลี้ยกล่อมป้าคนนั้น ทำไมเธอถึงไม่รับของ! เธอปล่อยให้ป้าเยว่กุ้ยเอาไปได้ยังไง!”
คู่สนทนาแกล้งทำหน้าตาประหลาดใจ “ฉันไม่ได้เป็นคนอนุญาตสักหน่อย เธอให้คนอื่นเองไม่ใช่เหรอ ฉันยังเห็นว่าเธอสองคนคุ้นเคยกันดี ฉันก็เลยคิดว่า ดีแล้วไม่ใช่เหรอที่ให้ของไปเพื่อที่ความสัมพันธ์ของเธอกับป้าเยว่กุ้ยจะได้ดีขึ้น”
เธอไม่เคยลืมว่า ตอนที่เธอแอบพบกับตู้อวิ๋นเซิงในชาติที่แล้ว เธอถูกชาวบ้านจับได้และคนที่ก้าวออกมาข้างหน้าคนแรกคือผานเยว่กุ้ย
เมื่อได้ยินแบบนี้ หวังชุ่ยเฟินก็สำลัก
เธอจำได้ว่ายังไม่ได้ทำธุระของตัวเองเลย หญิงสาวจึงทำได้เพียงกัดฟันแล้วกลืนมันลงท้อง
ส่วนครีมกระปุกนั้น เธอจะถามผานเยว่กุ้ยในภายหลัง
เธอแสร้งทำเป็นไม่สนใจ “ลืมมันไปเถอะ ไม่มีอะไรสำคัญหรอก อย่าให้มันมาทำลายมิตรภาพระหว่างเราเลย”
เธอดึงเซี่ยชิงหยวนไปด้านข้าง “ชิงหยวน ฉันมาที่นี่วันนี้เพราะฉันถูกใครบางคนขอให้มาหาเธอ”
เมื่อเห็นการแสดงออกที่คลุมเครือของหวังชุ่ยเฟิน เซี่ยชิงหยวนก็คาดเดาได้
เธอไม่เปลี่ยนสีหน้า “มีอะไรเหรอ?”
หวังชุ่ยเฟินพูดว่า “ตู้อวิ๋นเซิงต้องการจะพบเธอในคืนพรุ่งนี้”