กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 13 เซี่ยชิงหยวนกำลังคิดถึงตู้อวิ๋นเซิง

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 13 เซี่ยชิงหยวนกำลังคิดถึงตู้อวิ๋นเซิง

บทที่ 13 เซี่ยชิงหยวนกำลังคิดถึงตู้อวิ๋นเซิง

เสิ่นอี้โจวหันไปมองพลางขมวดคิ้ว แววตาของเขาดูซับซ้อนจนไม่อาจคาดเดาความคิดได้ ราวกับทะเลสาบที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนา

เขาพยักหน้า “ไปกันเถอะ”

เมื่อได้ยินการตอบรับจากอีกฝ่าย หัวใจที่หนักอึ้งของเซี่ยชิงหยวนก็ผ่อนคลายลงได้บ้าง จากนั้นหญิงสาวก็ตามผู้เป็นสามีไป

เมื่อเห็นการกระทำของทั้งสอง หลินตงซิ่วก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

เด็กชายรู้ว่าพี่สะใภ้แตกต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด พี่ชายจึงไม่หุนหันพลันแล่นเหมือนเมื่อก่อน

เสิ่นอี้หลินรู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่พี่ชายปล่อยชายคนนั้นไปง่าย ๆ

ตอนที่เขาเล่นกับเพื่อน ๆ เขามักจะบังเอิญได้ยินสิ่งที่ผู้ใหญ่พูดกันอย่างเลี่ยงไม่ได้

เพื่อนบางคนจึงถามเขาว่า “พี่สะใภ้ของนายเป็นชู้กับครูตู้จริงเหรอ?”

เพราะแบบนี้เขาจึงทะเลาะกับเพื่อนหลายครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งเขากลับบ้านไปในสภาพที่กางเกงตัวใหม่ก้นขาดวิ่นจากการวิวาท

ตอนนั้นเซี่ยชิงหยวนหัวเราะเยาะเขาเมื่อกลับไปถึงบ้าน โดยบอกว่าทุกคนเห็นผิวก้นของเขาหมดแล้ว

ดังนั้นเด็กชายจึงคาดหวังว่าพี่ชายของเขาจะทุบตีครูตู้คนนั้น

โอ้ ช่างน่าเสียดายจริง ๆ

จากนั้นพวกเขาก็เดินไปที่ทุ่งนากันต่อ โดยที่แต่ละคนมีความคิดในหัวมากมาย

ตอนนี้เป็นเดือนพฤษภาคมแล้ว ถึงเวลาปลูกต้นกล้า

ระดับความสูงของพื้นที่ในภาคตะวันตกเฉียงใต้นั้นสูงกว่าภาคอื่น ๆ ส่งผลให้แสงดวงอาทิตย์ที่ส่องลงมาแผดเผาแรงมาก ดังนั้นทุกคนจึงมาที่นี่แต่เช้าและกลับก่อนเที่ยง

มิฉะนั้นจะเป็นโรคลมแดดได้ง่ายเหมือนเซี่ยชิงหยวนเมื่อคราวที่แล้ว

เมื่อพวกเขามาถึง มีผู้คนอยู่ในทุ่งนาอยู่บ้างแล้ว

เมื่อเห็นพวกเขามาถึงพร้อมกัน ชาวบ้านต่างก็หันมามองด้วยความแปลกใจ

เซี่ยชิงหยวนยืนทำตามเสิ่นอี้โจวอยู่ข้าง ๆ เธอถอดรองเท้าและถลกขากางเกงขึ้น

ทันทีที่เธอถอดรองเท้า เท้าเล็ก ๆ ของเธอก็เผยออกมา

รูปทรงของเท้าเรียวยาว แม้แต่เล็บเท้าก็เงางามและชุ่มชื้น ซึ่งมันงดงามมากทีเดียว

จากนั้นหญิงสาวก็ม้วนขากางเกงขึ้น ตามความสูงที่ทุกคนทำกันซึ่งก็คือถลกขึ้นเหนือหัวเข่า

คราวนี้ยิ่งหลบสายตาของผุู้คนได้ยาก

น่องขาเรียวเนียนขาวละเอียดแบบนั้น คนทำไร่ทำนาที่ไหนจะมีบ้างเล่า

เกรงว่าเธอจะมีผิวที่ดีกว่าสาว ๆ ในเมืองเสียอีก!

ในเวลานี้ ป้าที่อยู่ด้านข้างพลันพูดติดตลกขึ้นมา “ชิงหยวน ผิวขาวเนียนอย่างนี้ อี้โจวคงเหนื่อยแย่เลยใช่ไหม”

เมื่อมีคนเริ่ม คนอื่น ๆ ก็เริ่มพูดเสริมเช่นกัน “ใช่แล้ว เมียสวยขนาดนี้ เข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อก่อนถึงไม่ปล่อยให้ออกมาทำนา”

บางคนถึงกับพูดตรง ๆ “อี้โจวแข็งแรงมาก ไม่รู้ว่าชิงหยวนจะรับมือได้นานไหม”

เซี่ยชิงหยวนหน้าแดงทันที

เธอมองไปที่ชายหนุ่มซึ่งอยู่ห่างออกไป เขากำลังสอนเสิ่นอี้หลินให้ถอนวัชพืช

เขายืดตัวขึ้นตามเสียงนั้นและมองมาทางหญิงสาว ดวงตาของเขาดูงุนงง

อาจเป็นเพราะเขาได้ยินไม่ชัด คิ้วของเขาจึงขมวดเป็นปม

เมื่อเห็นเสิ่นอี้โจวมองมา ป้าทุกคนก็หัวเราะ

“อี้โจวไม่รู้ว่าเรากำลังพูดถึงภรรยาของเขา!”

“กลัวอะไร ต่อให้เขารู้ เขาก็ยังกินเธอต่อจริงไหม?”

“ถูกต้อง ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ยังพาชิงหยวนกลับไปกินเหมือนเดิม!”

ด้วยเพราะถูกคนหมู่มาก ‘แซว’ เซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าแก้มของเธอกำลังไหม้

“พวกคนแก่นี่หน้าไม่อายกันจริง ๆ!” ขณะที่เซี่ยชิงหยวนกำลังรู้สึกเขินอาย หลินตงซิ่วก็ขัดจังหวะพวกชาวบ้านด้วยความโมโห

มีแม่สามีคนไหนบ้างที่ชอบให้คนอื่นพูดจาลามกกับลูกสะใภ้ของตัวเอง?

หลินตงซิ่วชี้ไปที่พวกเขาและถลึงตาใส่ “อย่ารังแกชิงหยวน เธอเพิ่งเป็นภรรยาที่แต่งเข้ามาใหม่นะ!”

คนเหล่านี้มักจะคุ้นเคยกับหลินตงซิ่ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่โกรธและทำเพียงยิ้มให้กันแล้วเรื่องนี้ก็จบลง

มีเพียงเซี่ยชิงหยวนที่มักจะมองไปทางเสิ่นอี้โจวโดยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม

ชายหนุ่มไม่เพียงมีรูปร่างสูงใหญ่และแข็งแรงเท่านั้น แต่ยังมีใบหน้าที่หล่อเหลาสะอาดสะอ้าน สมเป็นนักวิจัย แค่เพียงสองจุดนี้ก็ไม่มีใครสามารถเทียบเคียงกับเขาได้แล้ว

เมื่อแขนทั้งสองออกแรง กล้ามเนื้อก็จะปูดนูนขึ้น กล้ามเป็นมัด ๆ นั้นเรียบและพอเหมาะพอเจาะ ผู้คนจึงอดคิดไม่ได้ว่าหากถูกอ้อมแขนแข็งแกร่งนั้นโอบกอดจะเป็นยังไง?

ดังนั้นเมื่อมองไปที่เซี่ยชิงหยวน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ผู้หญิงในหมู่บ้านจะรู้สึกอิจฉาริษยาและอยากเป็นศัตรู

เธอไม่ได้มีเพียงแค่ใบหน้าที่สวยงาม แต่ยังมีสามีที่สมบูรณ์แบบนี้แบบนี้ได้

ส่วนพวกผู้ชายก็มองหญิงสาวโดยไม่ละอายใจ

ผู้หญิงบ้านนอกปกติจะมีจุดดำหรือรอยบนใบหน้าไม่มากก็น้อย นอกจากการขาดสารอาหารที่ครบถ้วนแล้ว เสื้อผ้าในยุคนี้และการทำงานภายใต้แสงแดดตลอดทั้งปี ส่งผลให้ผิวของเธอคล้ำและหยาบกร้านไปโดยปริยาย

แต่เซี่ยชิงหยวนนั้นแตกต่างออกไป

ผิวทั่วเรือนร่างขาวละเอียดราวกับไข่ที่กะเทาะเปลือกออกมา

นอกจากนี้เธอยังสวยสด หน้าอกอวบอิ่ม บั้นท้ายกลมกลึง และเอวที่เพรียวบาง…

แล้วใครจะไม่ถอนหายใจกันล่ะที่เสิ่นอี้โจวได้แต่งงานกับผู้หญิงที่สวยงามขนาดนี้?

ทว่าความสนใจของเซี่ยชิงหยวนไม่ได้อยู่ที่การมองของคนรอบข้างเลย เพราะขณะที่กำลังเรียนรู้วิธีปลูกข้าวกับหลินตงซิ่วอยู่ หญิงสาวก็กำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับแผนการในค่ำคืนนี้เช่นกัน

เสียงของผานเยว่กุ้ยดังมาจากด้านข้างหู เธอจึงต้องหันไปมอง

ผานเยว่กุ้ยเพิ่งมาถึง เธอยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง ขณะกำลังพูดและหัวเราะกับผู้คนรอบตัวเสียงดัง

แต่สิ่งหนึ่งที่แปลกประหลาดไปคือ ขณะที่ผานเยว่กุ้ยกำลังคุยกับคนอื่น ๆ เธอเกาแก้มตัวเองอย่างผิดปกติ มีรอยผื่นแดงปรากฏให้เห็นบนใบหน้าอย่างเด่นชัด

เซี่ยชิงหยวนจึงเยาะเย้ยอีกฝ่ายอยู่ในใจ

ดูเหมือนหวังชุ่ยเฟินจะไม่ได้รับของคืนไปสินะ

และตามนิสัยของผานเยว่กุ้ย แม้ว่าตอนนี้เธอจะคันหน้าคันตา แต่เธอก็คงยังไม่ได้คิดไปถึงครีมกระปุกนั้น

เพราะมันไม่ใช่ของถูก ๆ เลย ต่อให้เธอจะสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติกับมันจริง ๆ เธอก็คงไม่คิดจะทิ้งมันไปและยังใช้มันต่อ

เธอแค่ต้องรอดูต่อไป

รอจนกว่าใบหน้าของอีกฝ่ายจะบวมเป็นหัวหมู จากนั้นเธอคงนึกได้และไปหาหวังชุ่ยเฟินเพื่อชำระแค้น ซึ่งจากนั้นทุกคนจะได้เห็นละครสนุก ๆ แน่นอน

ทว่าสีหน้าที่ครุ่นคิดของเซี่ยชิงหยวนกลับทำให้คนอื่นที่สังเกตเธออยู่เข้าใจผิด

ทุกคนรู้ว่าหญิงสาวได้พบกับตู้อวิ๋นเซิงในตอนเช้า ดังนั้นทุกคนจึงคาดเดากันไปเองว่าเธอคงกำลังคิดถึงตู้อวิ๋นเซิงอยู่!

หลินตงซิ่วมองไปยังลูกชายของเธอ จากนั้นมองไปที่ลูกสะใภ้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหมองเศร้า

เธอต้องการที่จะเกลี้ยกล่อมเสิ่นอี้โจว แต่แววตาเย็นชาในดวงตาของอีกฝ่ายก็เพียงพอที่จะทำให้เธอล่าถอย

หลังจากกลับมาถึงบ้าน ในที่สุดเซี่ยชิงหยวนก็คว้าคอของเสิ่นอี้หลินที่กำลังจะวิ่งออกไปเล่นเอาไว้ และทั้งสองก็กระซิบคุยอะไรบางอย่าง

“พี่สะใภ้?” พฤติกรรมของอีกฝ่ายสามารถอธิบายได้ว่าเป็นการ ‘ประจบประแจง’ สำหรับเสิ่นอี้หลิน

แน่นอนว่าความประหลาดใจมีมากกว่าความยินดี

เขาตกตะลึงอยู่สองสามวินาที “พี่สะใภ้…พี่สะใภ้”

เซี่ยชิงหยวนโน้มตัวลงกระซิบข้างหูของเขา “นายจะออกไปเล่นตอนบ่ายนี้ไหม”

เสิ่นอี้หลินพยักหน้า “ใช่ครับ”

เธอพูดอีกครั้ง “ช่วยพี่สะใภ้คนนี้หน่อยได้ไหม”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เด็กชายก็มองเธออย่างสงสัย “มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ?”

เซี่ยชิงหยวนจับมือเขาราวกับว่าเธอจะไม่บอกเขาจนกว่าจะเดินตามมาด้วยกัน

เสิ่นอี้หลินไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเดินตามไปอย่างไม่เต็มใจ “ทำไม”

เซี่ยชิงหยวนกระซิบ “มีต้นไทรใหญ่อยู่ข้างลานตากข้าว นายรู้อยู่แล้วใช่ไหม”

เสิ่นอี้หลินพยักหน้า “รู้ครับ”

เธอพูดต่อ “วันนี้พอนายไปที่ลานตากข้าวในตอนบ่าย หลังจากเล่นเสร็จ นายช่วยขุดหลุมหลังต้นไทรให้พี่สะใภ้ทีนะ”

หลังจากพูดจบ เธอก็ทำไม้ทำมือให้น้องสามีของเธอดูว่า ควรขุดหลุมลึกประมาณสามหรือสี่เซนติเมตร และกว้างสามสิบเซนติเมตร

คิ้วของเสิ่นอี้หลินขมวด “คุณให้ผมขุดมันทำไมกันครับ?”

เขาเคยขุดหลุมมากมาย แต่ทำไมวันนี้พี่สะใภ้ถึงให้เขาไปขุดหลุมที่หลังต้นไทรใหญ่ล่ะ?

แน่นอนว่า เซี่ยชิงหยวนไม่สามารถบอกเขาได้ในตอนนี้

เธอหยิบลูกอมสองสามเม็ดออกมาจากกระเป๋า และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นายช่วยฉันทำงานให้เสร็จก่อน แล้วฉันจะแสดงโชว์ดี ๆ ให้นายดู ส่วนนี่คือรางวัลของนาย”

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท