กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 28 เสิ่นอี้โจวดื้อด้าน

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 28 เสิ่นอี้โจวดื้อด้าน

บทที่ 28 เสิ่นอี้โจวดื้อด้าน

เซี่ยชิงหยวนกำลังเก็บมันเทศใส่ในตะกร้าที่เธอนำมา

เดิมที หญิงสาวคิดว่าเสิ่นอี้โจวจะพูดปลอบโยนเธอบ้างเมื่อเขาเดินมาถึง แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะยังคงเงียบเช่นเคย

ใช่แล้ว ในชีวิตที่แล้วก็เป็นแบบนี้ เธอจะหวังให้เขาทราบในตอนนี้ได้อย่างไร

เมื่อคิดได้ดังนั้น เซี่ยชิงหยวนก็เผลอออกแรงมากขึ้น จนใบมันเทศขาดวิ่นอยู่ในมือของเธอ

“ใบมันเทศยั่วโมโหคุณหรือไง”

เสิ่นอี้โจวส่งเสียงขึ้นอย่างไม่คาดคิด ทำให้เธอตกใจมาก

หญิงสาวหันกลับมาและจ้องมองเขาอย่างดุดัน

คิ้วหนาเลิกขึ้นบนดวงตาที่เคร่งขรึมตามปกติของอีกฝ่าย ชายหนุ่มมองเธอด้วยแววตาอ่อนโยน

เมื่อคิดว่าท่าทางของเขาในตอนนี้เป็นเหมือนการดูเด็ก ๆ เล่นกัน เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกรำคาญและส่งเสียง “ฮึ่ม” หนัก ๆ แล้วก้มหน้าเก็บผักต่อไป

ทันใดนั้น ร่างหนาก็เดินเข้ามา และเสิ่นอี้โจวก็มายืนอยู่ข้างหลังเธอ

เขาหยิบตะกร้าผักและจับข้อมือของเธอไว้ พร้อมพูดน้ำเสียงที่คล้ายทำอะไรไม่ถูก “ชิงหยวน อย่าโกรธเลยนะครับ”

เมื่อได้ยินประโยคนั้นของอีกฝ่าย เซี่ยชิงหยวนก็ยืนนิ่งและไม่หันไปมองเขาอีก

ชายหนุ่มกล่าวต่ออีกว่า “เมื่อคืนเป็นความผิดของผมเอง คุณจะตีผมหรือด่าผมก็ได้ แต่อย่าเก็บมันไว้ในใจเลยนะ ความโกรธจะทำร้ายร่างกายของคุณเองนะครับ”

เซี่ยชิงหยวนพอใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนี้

เธอหันกลับมาจ้องตาเขา “บอกฉันสิว่าคุณทำอะไรผิด”

ขนตาของอีกฝ่ายไหวระริก ดวงตาเต็มไปด้วยความหม่นหมอง เขาหยุดชะงักไปก่อนจะพูดว่า “ผมไม่ควรปฏิบัติต่อคุณแบบนั้นหรือพูดคำพวกนั้นออกไปจนทำให้คุณเสียใจ ผมจะไม่พูดมันอีก”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเสิ่นอี้โจว เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกได้ว่าเขายังรักเธออยู่

แต่แน่นอนว่าเธอจะไม่ใจอ่อนและปล่อยเขาไปง่าย ๆ

เธอมองเขาด้วยความกรุ่นโกรธ และตัดสินใจจะกระตุ้นเขาอีกสักหน่อย “หยุดพูดเรื่องไร้สาระเถอะ ถ้าฉันอยากได้ความสุข คุณจะให้ความสุขฉันได้เหรอ?” ทันใดนั้น เธอก็เห็นความเจ็บปวดที่ฉายอยู่ในดวงตาของเสิ่นอี้โจว

ชายหนุ่มหรี่ตาบดบังนัยน์ตาคมกริบของเขา จนเธอเห็นเพียงขนตายาวสั่นไหวเหมือนพัดขนาดเล็ก

เมื่อเงยศีรษะขึ้นอีกครั้ง เขาก็กลับมามีท่าทางที่ไม่แยแสเหมือนปกติ

เขามองเธออย่างลึกซึ้ง ทว่ากลับลังเลที่จะพูดอะไรบางอย่าง “ชิงหยวน ผม…”

เซี่ยชิงหยวนแทบระเบิดอารมณ์ออกมาเมื่อเห็นท่าทีแบบนี้ของอีกฝ่าย

เธอรู้จักเสิ่นอี้โจวดีเกินไป และเมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา เธอก็รู้ว่าคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดต่อไปอีก

ขนาดเห็นเธอโกรธแบบนี้เขายังไม่พูดอะไร ใครจะสนใจว่าเหตุผลของเขาคืออะไรกัน?

เธอผลักเขาออก ก่อนจะพูดว่า “เสิ่นอี้โจว คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกแล้ว! ในเมื่อคุณให้ความสุขฉันไม่ได้ งั้นคุณก็อยู่กับงานหรือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงให้ได้ซะ เพราะเมื่อแต่งงานใหม่ ฉันจะได้ไม่ต้องห่วงอะไรอีก!”

หลังจากพูดจบ เธอก็คว้าตะกร้าผักคืนจากมือของเขาและจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก

เธอเดินไปตามเส้นทางกลับบ้านด้วยฝีก้าวเร็วไว มุมปากแข็งเกร็งเพราะกลัวว่าเธอจะเปิดเผยอารมณ์ออกมา

ใครบอกว่าเสิ่นอี้โจวเป็นคนฉลาดและมีน้ำใจกัน?

ในความคิดของเธอเขาดื้อด้านเหมือนลา!

เธออยากเห็นว่าเขาจะทำอะไรบ้างเพื่อความสุขของเธอ!

เธอกลับบ้านด้วยความโกรธเคือง และก่อนจะไปถึงหน้าประตูบ้าน เธอก็ได้ยินเสียงร้องของเสิ่นอี้หลิน

มันเป็นเสียงโหยหวนเต็มไปด้วยความคับแค้นใจและความโกรธเคือง โดยมีเสียงสาปแช่งของสวีไหลตี้แว่วมาด้วย

พวกมันมาบุกบ้านเธออีกแล้ว!

เซี่ยชิงหยวนวิ่งตรงเข้าไป

เมื่อมาถึงประตูลานบ้าน หญิงสาวก็เห็นเสิ่นอี้หลินนั่งร้องไห้เสียงดังอยู่บนพื้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำตาและน้ำมูก ทั้งบนใบหน้ามีรอยแดงเด่นชัดประทับอยู่

สวีไหลตี้ยืนอยู่ข้าง ๆ เด็กชาย หญิงสาวใช้มือข้างหนึ่งเท้าสะโพก ส่วนอีกข้างชี้ไปที่เสิ่นอี้หลินและหลินตงซิ่ว ก่อนจะสบถออกมาอย่างรุนแรง

ในขณะเดียวกัน หลินตงซิ่วที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กลับยืนกุมมือและก้มศีรษะลงด้วยใบหน้าที่ดูเศร้าสร้อยและเป็นทุกข์

ในขณะเดียวกันเด็กชายเสิ่นจวินตัวอ้วนก็ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ถือขวดน้ำสีเขียวทหารไว้ในอ้อมแขน โดยมีดาวห้าแฉกสีแดงปักอยู่บนสายรัด

นั่นคือขวดน้ำของเสิ่นอี้หลิน!

หญิงสาวเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในทันที เลือดของเธอเดือดพล่านอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบวิ่งตรงเข้าไป

เธอตบมือของสวีไหลตี้และจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง “เธอกำลังทำอะไร!”

สวีไหลตี้สาปแช่งอีกฝ่ายอย่างแรง แต่เมื่อจู่ ๆ ก็มีบางอย่างมาตบที่มือและมันดูจะเป็นการตบที่เจ็บปวดมาก

เธอแสยะยิ้มพลางเป่ามือ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือเซี่ยชิงหยวน หญิงสาวก็กล้าขึ้นเสียงอีกครั้ง “น้องสะใภ้ ทำไมถึงตีฉันแรงแบบนี้? นี่เธอกำลังรังแกฉันเหรอ?”

เซี่ยชิงหยวนเพิกเฉยต่ออีกฝ่าย ก่อนอื่นเธอช่วยให้เสิ่นอี้หลินลุกขึ้น แต่เมื่อเห็นรอยเลือดบนใบหน้าของเขาและรอยฝ่ามือสีแดงสด เธอก็โกรธขึ้นมาจนหัวแทบระเบิด

หญิงสาวพยายามระงับความโกรธของตนและถามขึ้นว่า “นายเป็นอะไรไหม”

เสิ่นอี้หลินยังคงสับสนกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเซี่ยชิงหยวน เขาต้องการจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้แล้ว มันแย่เกินไปจริง ๆ ทั้งตอนนี้เขาก็ยังร้องไห้อยู่ด้วย

“พี่สะใภ้ ขาหมูของฉันหายไปหมดแล้ว… ฮือ…”

เซี่ยชิงหยวนพบว่ามีชามขาหมูตุ๋นตกอยู่บนพื้นโคลนของลานบ้าน น้ำซุป ชิ้นเนื้อ และถั่วปะปนอยู่เต็มไปหมด สกปรกจนไม่น่ากิน

และเศษชามเซรามิกสีขาวขนาดใหญ่ที่เธอวางบนเตาสำหรับใส่ขาหมูนั้นก็ร่วงอยู่บนพื้นและแตกเป็นชิ้น ๆ

ภาพนี้ทำร้ายจิตใจเธอเป็นอย่างมาก

เสิ่นอี้หลินสะอื้นไห้และพูดว่า “ผมเชื่อฟังพี่แล้วนะ ผมไม่ได้บอกพวกเขาเลยว่าเราจะกินอะไรเป็นมื้อเที่ยง”

“เสิ่นจวินเป็นคนพาแม่ของเขามาที่บ้านเพื่อมาเอาขวดน้ำของฉันไป พอฉันเห็นเข้า พวกเขาก็ยังพูดว่าจะนำอาหารไปให้ลุงกับป้า ถ้าฉันไม่ให้พวกเขาจะเป็นคนเอามันไปเอง ฮือ ฮือ ฮือ…” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ความเสียใจก็ทำให้เสิ่นอี้หลินเริ่มร้องไห้อีกครั้ง

ทว่าสวีไหลตี้ยังคงอยู่ข้างลานบ้านและพูดอย่างฉุนเฉียวว่า “ต่อให้เราจะคว้าอะไรไป เด็กนี่ก็ไม่ควรจะพูดแบบนี้ ฉันก็ไม่ได้อยากจะพูดมากหรอกนะ แต่เด็กคนนี้ต้องได้รับการสั่งสอนซะบ้าง! อายุน้อยแค่นี้แต่กลับทำตัวหยาบคายไร้น้ำใจ เสิ่นจวินชอบขวดน้ำของแกแค่นี้ ทำไมถึงให้เขาไม่ได้? ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เป็นคุณธรรมอย่างหนึ่งเข้าใจไหม ขาของลุงแกอาการไม่ดีและแกก็เป็นเด็กไม่คิดจะเคารพเขาหรือไง?”

เมื่อได้ยินตรรกะอันเหลวไหลของอีกฝ่าย ความโกรธที่พลุ่งพล่านในอกก็กำลังแผดเผาเธอ มันทำให้หญิงสาวเดือดพล่านไปทั้งตัว

อารมณ์ที่ถูกเสิ่นอี้โจวกระตุ้นขึ้นมาก่อนหน้านี้ปะทุขึ้นทันที

เธอยื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาของเสิ่นอี้หลินและพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จนมันทำให้เธอรู้สึกตัวสั่น “ไม่เป็นไร พี่สะใภ้จะทำให้นายใหม่ในวันพรุ่งนี้”

หลังจากพูดจบ เธอก็เงยหน้าขึ้นจ้องมองสวีไหลตี้ด้วยสายตาเฉียบคมและเย็นชา “ไร้ยางอาย”

“อะไรนะ?” สวีไหลตี้งุนงงไปชั่วขณะ

เซี่ยชิงหยวนกล้าพูดยอกย้อนเธอแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

ก่อนหน้านี้ แม่ยายของเธอเล่าให้ฟังแล้วว่า หลังจากตกน้ำเซี่ยชิงหยวนก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ชั่วร้ายกว่าเดิมมาก ตอนแรกเธอไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นความจริง

หญิงสาวตวาดใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างรุนแรง

“ทำไม? หรือเธอฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือยังไง? การเอาไปโดยไม่ได้ขอก่อนคือการขโมย การเอาไปโดยคนอื่นไม่ยินยอมคือการปล้น เธอมันเป็นโจร! คานบนไม่ตั้งตรงและคานล่างคดเคี้ยว เสิ่นสิงกับผานเยว่กุ้ยมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ตอนที่เสิ่นอี้เทาได้แต่งงานกับคนชั่วช้าอย่างเธอก็ไม่น่าแปลกใจ แม้แต่หลานชายก็ยังหน้าด้านด้วย!”

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท