บทที่ 35 กล่องสมบัติ
บทที่ 35 กล่องสมบัติ
แผ่นหลังของเสิ่นอี้โจวถูกกดลงกับพนักพิงเก้าอี้ ศีรษะของเขาเอนไปข้างหลังจนสุดและเหงื่อก็เริ่มไหลซึมออกมาจากหน้าผาก
หลังจากยืนยันว่าเธอนั่งอย่างปลอดภัย มือใหญ่ที่วางอยู่บนเอวบางก็ผละออกราวกับถูกไฟฟ้าช็อต
เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ลูกกระเดือกกลิ้งขึ้นลงไม่หยุด เสียงพูดของเขาแหบแห้งและทุ้มต่ำ “คุณลุกขึ้นก่อนเถอะ”
เซี่ยชิงหยวนจ้องลูกกระเดือกของอีกฝ่าย และตอบคำถามที่ไม่ตรงคำถามออกไป “อี้โจว ลูกกระเดือกของคุณน่ารักจัง”
หญิงสาวขยับเข้ามาใกล้มาก และเมื่อเธอพูด ลมหายใจร้อนชื้นของเธอรดใส่คอ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเสียวซ่าน
เสิ่นอี้โจว “!”
เขาต้องการจะยืนขึ้นและลุกออกไปซะตั้งแต่ตอนนี้
เซี่ยชิงหยวนยังคงนั่งอยู่บนตัวชายหนุ่ม และด้วยการเคลื่อนไหวนี้ เธอก็เอนล้มไปข้างหลังในทันที
เดิมทีเธอก็ไม่ได้ออกแรงมากนัก เมื่อหันเหสายตาไปทางอื่น ร่างก็เอนตามแรงผลักไปทางด้านหลัง “ว้าย!” และหญิงสาวกำลังจะล้มลงกับพื้น
การกระทำนี้ส่งผลให้เสิ่นอี้โจวเหยียดแขนยาวของเขาออกไปด้วยความตกใจ และจับเธอไว้ในอ้อมแขนและกอดเธอเต็มรัก
หัวใจที่เต้นแรงของเขารบกวนอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด
มุมริมฝีปากของเซี่ยชิงหยวนยกขึ้น หญิงสาวกอดคอของเขาแน่น ก่อนจะฝังศีรษะไว้ที่คอและพูดอย่างฉุนเฉียวว่า “คุณทำให้ฉันกลัวแทบตาย”
การสัมผัสแนบชิดขนาดนี้ทำให้เสิ่นอี้โจวขนลุกโดยไม่ได้ตั้งใจ
ด้วยแรงกระตุ้นดังกล่าว ชายหนุ่มจึงต้องการผลักเธอออกไปอีกครั้ง
ทว่าอีกฝ่ายกลับโพล่งขึ้นว่า “จะผลักฉันออกอีกแล้วเหรอคะ”
น้ำเสียงนั้นยังคงมีเสน่ห์ แต่กลับแฝงไปด้วยคำเตือน
ทันใดนั้น เสิ่นอี้โจวก็ไม่กล้าขยับ
เหงื่อกาฬบนหน้าผากของเขาหยดลงมาที่คางแล้ว ทว่ากลับไม่กล้าแม้แต่จะเช็ดออก เขาได้แต่หวังว่าเธอจะล่าถอยในไม่ช้า
เขาพยายามเมินอาการสั่นระริกของร่างกายตัวเอง และเอ่ยต่อรองอีกครั้ง “ชิงหยวน ลงมา”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ไม่”
เธอยื่นมือออกไปเพื่อทำลายใบหน้าที่เรียบเฉยของเขา หญิงสาวใช้นิ้วเรียวบีบคางของเขาเบา ๆ และพูดด้วยรอยยิ้ม “อี้โจว ทำไมคุณเหงื่อออกเยอะจัง ร้อนเหรอคะ”
เธอกับคนคนนี้รู้จักกันมาสองชาติแล้ว เขาเป็นคนใจเย็น และไม่มีสิ่งใดจะสั่นคลอนจิตใจของเขาได้
ชายหนุ่มเป็นแบบนั้นเสมอมา เขามักจะนั่งมองเธอจากบนที่สูงด้วยสายตาเย็นชาและเฉยเมยคู่นั้น
ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าหงุดหงิดใจที่สุดสำหรับคนเป็นภรรยา
เธอจึงต้องการดึงเขาลงมาจากแท่นสูงนั้นทีละขั้น เพื่อดูว่าคนคนนี้คลั่งไคล้เธอเพียงใด
หากเขายังคงไม่ไหวติง ก็หมายความว่าเซี่ยชิงหยวนได้สูญเสียสามีไปอย่างสิ้นเชิงแล้วในสองช่วงชีวิตที่ผ่านมา
หญิงสาววางมืออีกข้างบนหน้าอกซ้ายของอีกฝ่าย แนบหน้าฟังเสียงหัวใจของเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อี้โจว หัวใจของคุณเต้นเร็วจัง”
ขณะที่เสียงของเธอเงียบลง หน้าอกที่เธอทาบมือลงไปก็กระเพื่อมเร็วขึ้น
ขณะที่หญิงสาวกำลังจะขยับ เสียงของเสิ่นอี้หลินก็ดังขึ้น “พี่ชาย พี่สะใภ้แม่เรียกหาพวก…” ประตูที่แง้มอยู่เล็กน้อยถูกผลักเปิด และฉากที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้เด็กชายชะงักด้วยความตกใจทันที
เขาจ้องมองพี่ชายกับพี่สะใภ้อย่างเหม่อลอยก่อนจะเอามือปิดตาอย่างรวดเร็ว
“ผมไม่เห็นอะไรเลย พ…พวกพี่ทำต่อไปเถอะ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็หันหลังกลับและปิดประตูก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เซี่ยชิงหยวน “…”
แผนการล้มเหลวโดยไม่คาดคิด หญิงสาวรีบลุกขึ้นจากตักของเสิ่นอี้โจวก่อนจะสางผมของเธอด้วยความรู้สึกอึดอัด “อืม ฉันจะออกไปก่อน”
หลังจากพูดจบ เธอก็วิ่งออกจากห้องไปในชั่วพริบตา โดยไม่คำนึงถึงปฏิกิริยาของเสิ่นอี้โจวเลยแม้แต่น้อย
เสิ่นอี้โจวกลับโล่งใจอย่างมาก เขานั่งลงบนเก้าอี้และหายใจเข้าออกเพื่อสงบอารมณ์ว้าวุ่นของตน
เขามองตามแผ่นหลังของคนที่จากไป จากนั้นก็ถอนหายใจและนวดที่หว่างคิ้วเบา ๆ
อาหารตอนเที่ยงคือขาหมูที่ล้างจนสะอาด และทอดกับมันเทศที่เซี่ยชิงหยวนเก็บมา
แน่นอนว่ารสชาติของขาหมูที่ล้างแล้วนำมาทำใหม่ย่อมไม่ดีนัก แต่เสิ่นอี้หลินก็ยังกินมันอย่างเอร็ดอร่อย เขากัดเนื้อที่มีหนังหมูเหนียวนุ่มคำใหญ่ แล้วพูดอย่างร่าเริง “พี่สะใภ้ เนื้อที่พี่ทำอร่อยกว่าที่แม่ทำมากเลย”
เซี่ยชิงหยวนไม่หวงเครื่องปรุงและเคยทำงานในร้านอาหารเมื่อชาติที่แล้ว ดังนั้นอาหารที่เธอทำจะอร่อยก็ไม่แปลกนัก
แตกต่างกับหลินตงซิ่วที่คุ้นเคยกับการประหยัด เวลาทำอาหาร เธอจะใช้แค่ผ้าจุ่มน้ำมันแล้วเช็ดก้นหม้อ เครื่องปรุงก็มีแต่เกลือกับพริก แล้วมันจะไปอร่อยได้ยังไง?
เมื่อเห็นว่าเสิ่นอี้หลินชอบมัน เซี่ยชิงหยวนก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ดีแล้ว ถ้านายชอบ ถ้านายกับแม่ไปอยู่กับเราที่เตียนเฉิงเมื่อไหร่ นายอยากกินตอนไหน พี่สะใภ้คนนี้จะทำให้ทันทีเลยนะ”
พวกเขาได้คุยกันก่อนหน้านี้แล้วว่า เธอจะไปอยู่กับเสิ่นอี้โจวที่เมืองเตียนเฉิงก่อน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หากหลินตงซิ่วเก็บเกี่ยวพืชผลในหมู่บ้านซีสุ่ยเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอจึงจะพาเสิ่นอี้หลินตามไปอยู่ที่เมืองเตียนเฉิงด้วย
เดิมทีผู้เป็นแม่สามีไม่เต็มใจที่จะไป เพราะเธออาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้มาเกือบทั้งชีวิตและคุ้นเคยกับทุกอย่างที่นี่แล้ว ดังนั้นการย้ายออกไปก็เท่ากับเธอต้องปรับตัวในสถานที่แห่งใหม่อีกครั้ง
ต่อมาเซี่ยชิงหยวนจึงได้ยกประเด็นการศึกษาที่เมืองเตียนเฉิงขึ้นมาเล่าให้อีกฝ่ายฟัง หลินตงซิ่วได้ใคร่ครวญเกี่ยวกับมันก่อนจะตกลง และค่อยตามไปอยู่ที่นั่นด้วยกัน
เสิ่นอี้หลินพยักหน้าอย่างมีความสุข “ได้ มันเป็นข้อตกลงของเราแล้ว!”
ขณะที่พูด เขามองไปที่เซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวด้วยดวงตาสดใส จากนั้นก็ก้มหน้ากินข้าวของตัวเอง
แน่นอนว่า เซี่ยชิงหยวนอ่านสายตาของเด็กน้อยคนนี้ออกทันที เนื่องจากเธอกับอี้โจวถูกเขาพบในท่วงท่าที่แนบชิดกัน หากจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องน่าอายก็กระไรอยู่ หญิงสาวไม่พูดอะไร ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวของตัวเองต่อไปเงียบ ๆ
เสิ่นอี้โจวกระแอมไอเล็กน้อยพลางเคาะโต๊ะเบา ๆ ก่อนจะพูดกับอี้หลินว่า “กินดี ๆ สิ”
เสิ่นอี้หลินแลบลิ้นใส่พี่ชาย ก่อนจะยกยิ้มอีกครั้งและกินอาหารดี ๆ อย่างเชื่อฟัง
หลินตงซิ่วย่อมสังเกตเห็นบรรยากาศที่ดีระหว่างเสิ่นอี้โจวกับเซี่ยชิงหยวน และเมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างลูกชายกับลูกสะใภ้ที่เริ่มดีขึ้นทุกวัน หญิงวัยกลางคนก็ไม่สามารถระงับรอยยิ้มที่มุมปากของตนไว้ได้
เธอหยิบเนื้อชิ้นใหญ่จากชามให้เสิ่นอี้โจวกับเซี่ยชิงหยวนและพูดว่า “พวกลูกเป็นคนหนุ่มสาวต้องทำงานหนัก กินเนื้อซะบ้างจะได้ชดเชยแรงกายที่เสียไป”
เซี่ยชิงหยวนเกือบสำลักน้ำลายของตัวเอง
ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าแม่สามีดูจะแฝงความหมายบางอย่างในคำพูด?
จากนั้นเธอมองกลับไปยังเสิ่นอี้โจวซึ่งคีบเนื้อให้หลินตงซิ่วโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “แม่ทำงานหนักมามากเช่นกัน ดังนั้นแม่ควรกินมากกว่านี้นะครับ”
หลังอาหารกลางวัน เซี่ยชิงหยวนเริ่มเก็บข้าวของของเธอ
ผู้หญิงมีข้าวของมากมายในบ้านและมีเสื้อผ้ามากกว่าผู้ชาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและอื่น ๆ
เสิ่นอี้โจวเรียกเธอไปที่ร้านขายของชำในหมู่บ้านเพื่อซื้อของบางอย่าง และไปที่บ้านของเลขาธิการพรรคในตอนกลางคืน
ส่วนเรื่องที่ว่าครอบครัวของหวังชุ่ยเฟินไม่ได้มาขอโทษ เซี่ยชิงหยวนก็ไม่ได้ติดตามเรื่องนี้อีกต่อไป
หญิงสาวได้ยินจากเจี่ยต้าฮวาว่า หวังชุ่ยเฟินถูกคนที่เซี่ยวอวิ๋นพามาแก้ผ้า ก่อนจะถูกทุบตีอย่างรุนแรง ตอนนี้เธอยังคงนอนอยู่ในสถานพยาบาล
ถ้าไม่ให้คนในโรงพักมาไกล่เกลี่ยเกรงว่าคงโดนทุบตีรุนแรงมากกว่านั้น
ทางด้านตระกูลเจี่ยก็ไม่เต็มใจที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาล และพวกเขาก็กำลังโต้เถียงกับครอบครัวของหวังชุ่ยเฟินเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด
เสิ่นอี้โจวไม่ได้กลับมาจนกระทั่งฟ้ามืดสนิท
เขาหยิบจอบ เดินไปทางผนังหลังห้องครัวแล้วเอาห่อขนาดเล็กออกมา
ท่ามกลางแสงสลัว เมื่อเสิ่นอี้โจวเปิดกล่องเหล็กขนาดเล็กที่ยังเปื้อนดินอยู่ เซี่ยชิงหยวนเกือบตาบอด มันคือทองคำ!