บทที่ 39 เสิ่นอี้โจวกับความปรารถนาที่จะหลุดพ้น
บทที่ 39 เสิ่นอี้โจวกับความปรารถนาที่จะหลุดพ้น
โจวหยางก็มองตามสายตาของเซี่ยชิงหยวนที่กำลังมองไปยังเตียงในห้องนอนใหญ่
เดิมที เตียงมีขนาดประมาณเมตรครึ่ง แต่เนื่องจากแผ่นไม้หายไปจึงเหลือเพียงเมตรกว่า ๆ เท่านั้นที่สามารถใช้นอนได้
เขาเกาหัวอย่างเขินอาย “เพราะเวลามันค่อนข้างกระชั้นชิด กระดานเตียงนี้จึงไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไหร่และยังขาดไปอีกแผ่นหนึ่ง พี่สะใภ้ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ”
นอกจากนี้ เขายังต้องรื้อเตี่ยงเดี่ยวของเสิ่นอี้โจวเพื่อนำมาต่อเตียงจำนวนมากอีกด้วย
เซี่ยชิงหยวนโบกมือ “ไม่เป็นไรค่ะ”
เธอกวาดมองรอบห้องหนหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าบ้านหลังนี้ได้รับการทำความสะอาดมาก่อนแล้ว ตอนนี้มันจึงสะอาดสะอ้านอย่างไร้ที่ติทีเดียว
ส่วนเฟอร์นิเจอร์นั้น นอกจากเตียง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะ เก้าอี้แล้ว ก็ไม่ได้มีอย่างอื่นมากนัก
และที่สำคัญที่สุดคือมันไม่มีเก้าอี้โยกและโซฟา
เซี่ยชิงหยวนพอใจมาก
เสิ่นอี้โจวไม่รู้เลยว่าภรรยาของเขากำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเขาจึงพูดออกไปว่า “ผมจะออกไปดูทีหลังว่ามีกระดานไม้อยู่ที่ไหนบ้างและจะซื้อมันกลับมา”
แน่นอนว่า เซี่ยชิงหยวนหยุดเขาไว้ทันที “ไม่ เรานอนกันแบบนี้ก่อนก็ได้รอให้อะไร ๆ เข้าที่เข้าทางก่อนค่อยไปหาซื้อ”
หากเตียงเปลี่ยนจากเมตรกว่า ๆ กลับเป็นเมตรครึ่งแผนการของเธอก็จะไม่สำเร็จเอาน่ะสิ
ชายหนุ่มไม่ได้คิดสงสัยเลยว่าผู้เป็นภรรยากำลังวางแผนอะไรอยู่ เขาพยักหน้าและพูดว่า “คุณพักผ่อนก่อนเถอะ ผมจะจัดการที่เหลือต่อเอง”
ขณะกล่าว เขาก็หยิบผ้านวมกับเสื่อที่ตากไว้ก่อนกลับหมู่บ้านซีสุ่ยออกมาจากตู้เสื้อผ้า กางแผ่บนเตียงแล้วปูผ้าปูสีเขียวทับด้านบน
เซี่ยชิงหยวนจำผ้าปูที่นอนผืนนี้ได้ มันเป็นของที่ครอบครัวซื้อให้เมื่อตอนพวกเขาแต่งงานกัน
โจวหยางยืนอยู่ข้าง ๆ เมื่อเห็นเสิ่นอี้โจวกำลังจัดของอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เขาก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ “พี่เสิ่นช่างรักภรรยามากจริง ๆ”
เมื่อต้องเผชิญกับมุขตลกของโจวหยาง หญิงสาวยังคงยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ
เสิ่นอี้โจวเหลือบมองเขาอย่างเย็นชาและพูดว่า “นายว่างนักหรือไง หลังจากเสร็จนี่แล้วก็ไปซื้อของกับฉันซะ”
ก่อนหน้านี้เขาอาศัยอยู่ในหอพักเดี่ยวและมีสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันเพียงชุดเดียว เมื่อเซี่ยชิงหยวนมาอยู่ด้วย เขาก็ต้องซื้อเพิ่ม
โจวหยางกลับไม่หวั่นกลัวเสิ่นอี้โจวเลยแม้แต่น้อยและยังตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่มีปัญหาครับผม”
หลังจากชายหนุ่มพาโจวหยางออกไป เซี่ยชิงหยวนก็เปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าลำลองตัวสะอาดแทน แล้วนอนลงบนเตียง
เธออยากนอนในรถมาก แต่พอตอนนี้กลับนอนไม่หลับเสียอย่างนั้น
หญิงสาวกวาดมองรอบ ๆ ห้องครอบครัวที่เธอไม่เคยอาศัยอยู่มาก่อน อิฐทุกก้อน โต๊ะและเก้าอี้ทุกตัว คือสถานที่ซึ่งเธอกับเสิ่นอี้โจวจะอาศัยอยู่ร่วมกันในอนาคต
ที่นี่พวกเขาจะมีลูกที่น่ารักด้วยกัน
เมื่อคิดถึงเด็กน้อย ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนก็หม่นแสงลง
พวกเธอจะมีลูกของตัวเองไหมนะ?
เธอหลับตาและบอกตัวเองว่าอย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องนี้
มันเป็นการดีที่สุดสำหรับเธอที่จะได้อยู่กับเสิ่นอี้โจวและมีโอกาสตอบแทนพ่อแม่ของเธอ
เสิ่นอี้โจวกับโจวหยางก็กลับมาพร้อมกันในตอนเย็น
ทั้งสองคนถือทั้งถุงใบใหญ่และใบเล็ก โจวหยางปฏิเสธคำเชิญของเสิ่นอี้โจวที่จะเลี้ยงอาหารค่ำให้แก่เขา เจ้าตัวเพียงวางสิ่งของลงและจากไปทันที
หลังจากนั้น เซี่ยชิงหยวนก็ผล็อยหลับไปด้วยความเพลียก่อนจะตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงดังขึ้น
ทันทีที่เปิดประตู เธอก็เห็นเสิ่นอี้โจวก้มตัวและจัดการบางอย่างอย่างระมัดระวัง
แสงยามเย็นส่องลอดเข้ามาจากประตูและหน้าต่าง ตกกระทบบนร่างของเขาราวกับประกายรัศมีจาง ๆ อยู่ทั่วกายของเขา
เม็ดเหงื่อเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและโปร่งแสงภายใต้แสงที่สาดส่อง ไหลจากหน้าผากของเขาไปยังสันกรามได้รูป และในที่สุดก็ตกลงสู่พื้น
เมื่อพบว่าเธอตื่นแล้ว เสิ่นอี้โจวก็วางของในมือลงและพูดเสียงเบาแผ่วว่า “คุณตื่นแล้ว”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ค่ะ”
เสิ่นอี้โจวรีบเก็บข้าวของในมืออย่างรวดเร็วและพูดว่า “มีโรงอาหารอยู่ในหน่วย คุณจะไปกับผมไหมหรือจะให้ผมเอากลับมาให้กินที่นี่ดี?”
ตอนมาถึงที่นี่ พวกเขาก็ตกเป็นเป้าสนใจของผู้คนมากมายทีเดียว ดังนั้นตอนนี้ข่าวก็น่าจะแพร่กระจายไปทั่วแล้ว
ตอนนี้เธอยังรู้สึกไม่สบายตัวอยู่ จึงยังไม่อยากจัดการกับเรื่องยุ่งยากทั้งหลายในตอนนี้ หญิงสาวจึงตอบกลับว่า “เอากลับมาให้ฉันหน่อยก็แล้วกัน วันนี้ฉันไม่อยากออกไปข้างนอก”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้าและหยิบกล่องข้าวไปสองกล่อง “งั้นคุณรอผมที่บ้านนะ ผมจะรีบกลับมา”
พูดจบ เขาก็ออกไปอีกครั้ง
เซี่ยชิงหยวนมองน้ำต้มที่เย็นชืดบนโต๊ะ เธอต้มมันไว้ก่อนเข้านอน แต่เพราะเร่งรีบออกไป เสิ่นอี้โจวจึงยังไม่ได้ดื่มมัน
เธอถือแก้วน้ำไว้ในมือ เดินไปที่ประตูและตะโกนเรียกเสิ่นอี้โจวที่เพิ่งเดินจากไปเพียงไม่กี่เมตรว่า “อี้โจว มาดื่มน้ำก่อน แล้วค่อยไปสิคะ”
ฝีเท้าของเสิ่นอี้โจวหยุดลง จากนั้นชายหนุ่มก็หันกลับมาและพบว่าผู้เป็นภรรยากำลังถือแก้วน้ำไว้และมองมาที่เขาพร้อมด้วยรอยยิ้ม
จู่ ๆ ภายในอกของเขาก็ถูกเติมเต็มด้วยอะไรบางอย่างที่ทั้งร้อนผ่าวและพองโต
เขาหันกลับมาและเดินมาหาเธอด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก “อืม”
เสิ่นอี้โจวยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเธอ หยิบแก้วจากมือของเธอ แล้วดื่มอึกใหญ่
เมื่อเขาแหงนหน้าขึ้น เซี่ยชิงหยวนจึงได้เห็นลูกกระเดือกของเขาเด่นชัดมาก มันขยับขึ้นลงในขณะที่อีกฝ่ายดื่มน้ำ
เซี่ยชิงหยวนหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาอีกผืนจากกระเป๋า จากนั้นก็เขย่งเท้าเช็ดเหงื่อที่คอของชายหนุ่ม
เสิ่นอี้โจวซึ่งกำลังดื่มน้ำเกือบจะสำลักออกมา เพราะการกระทำของผู้เป็นภรรยา ก่อนที่เขาจะก้าวถอยโดยไม่รู้ตัว
เซี่ยชิงหยวนดูจะคาดเดาสิ่งนี้ได้อยู่แล้ว เธอจึงคว้าคอเสื้อเขาไว้และเช็ดเหงื่อให้อีกฝ่ายต่อ
เธอขยับเข้ามาใกล้ ๆ ชายหนุ่ม สีหน้าดูรำคาญระคนขบขัน ก่อนจะกระซิบว่า “แค่เช็ดเหงื่อเอง ทำไมคุณถึงประหม่าจังคะ? ถ้าฉันอาบน้ำให้คุณในอนาคต คุณจะไม่มุดดินหนีเลยเหรอ”
เมื่อพูดจบ เสิ่นอี้โจวก็ไม่อาจกลั้นได้อีกต่อไป เขาจึงพ่นน้ำออกมาทั้งหมด
โชคดีที่เขาหันหน้าไปทางอื่น ไม่อย่างนั้นหญิงสาวจะต้องป่วยแน่
“ฮ่า ๆๆๆ” เสียงหัวเราะของผู้หญิงดังมาจากทางด้านข้าง “หัวหน้าแผนกเสิ่นเกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย ไหงสำลักน้ำอย่างนั้นล่ะคะ”
เซวียไฉ่เฟิ่งยืนพิงประตูห้องครัวในบ้านของพวกเขา กอดอกและมองมาด้วยรอยยิ้ม
ตอนนั้นเองที่เซี่ยชิงหยวนตระหนักได้ว่า พวกเขากลายเป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว
เธอ…อยากด่าแม่ของผู้หญิงคนนี้จริง ๆ
หลังจากจัดการเรื่องราวในครอบครัวที่หมู่บ้านซีสุ่ยเสร็จแล้ว พอมาถึงเมืองเตียนเฉิง เธอยังต้องจัดการกับคนคนนี้อีกเหรอ?
ตอนที่เสิ่นอี้โจวกำลังจะหันไป เซี่ยชิงหยวนก็เอื้อมมือไปจับใบหน้าของเขาก่อนจะฉีกยิ้มสดใส “ฉันหิวแล้ว รีบไปเถอะ”
ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าเป็นอะไร แต่เขาปรารถนาที่จะออกไปจากตรงนี้โดยไว จึงได้ตอบรีบ ๆ ว่า “ครับ”
จากนั้นเขาจึงหยิบกล่องข้าวและเดินผ่านเซวียไฉ่เฟิ่งโดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองด้วยซ้ำ
เมื่อชายหนุ่มเดินผ่าน เซวียไฉ่เฟิ่งจงใจยืดเอวของเธอให้ตรงเพื่อให้หน้าอกของเธอยื่นเด่นยิ่งขึ้น
แต่ใครจะรู้ เสิ่นอี้โจวกลับไม่ได้เหลียวมองเธอเลยเหมือนที่เขาทำมานับครั้งไม่ถ้วนในอดีต
หญิงสาวไม่พอใจเท่าไหร่ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เช่นกัน
เธอยืนตัวตรง ขณะกระชับเสื้อให้เข้าที่ และแสร้งทำเป็นไม่สนใจ
แต่เซี่ยชิงหยวนที่ยืนอยู่ตรงประตู กำลังมองมาทางเธอด้วยรอยยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้ม
ใบหน้าสงบนิ่งและแววตาเย็นชาคู่นั้นเหมือนจะมองเห็นทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง