กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 49 จูบ

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 49 จูบ

แต่เขาทำไม่ได้

หญิงสาวเป็นคนขี้แย หากเขาทำตามใจตัวเองในตอนนี้ เธอจะต้องร้องไห้อีกแน่ในอนาคต

ร้องไห้จนจะขาดใจ

แม้เธอจะโถมตัวเข้าใส่อ้อมกอดของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า และพร่ำบอกคำรักเรื่อยมา กระนั้นเขาก็ยังควบคุมตัวเองให้ใจเย็นได้

แต่พอถึงเวลาที่เธอยอมแพ้ในตัวเขา และต้องการเลิกรากับเขาจริง ๆ เสิ่นอี้โจวกลับทนไม่ไหวแล้ว

เขาขอทำตามหัวใจของตัวเองอีกสักครั้ง…

อีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น…

เขาก้มศีรษะลง จับใบหน้าด้านข้างของเธอไว้ในมือข้างหนึ่ง สอดนิ้วเรียวแทรกผ่านเส้นผมยาว และจูบริมฝีปากของเธออย่างแรง

ผิวหนังบริเวณปลายนิ้วของเขาในตอนนี้เปราะบางมาก ซึ่งเป็นผลจากการจับปากกาในทำการทดลองตลอดทั้งปี

เมื่อมันไล้ผ่านใบหน้าของเซี่ยชิงหยวน เธอกลับรู้สึกคันยิบ ๆ

ริมฝีปากนั้นแตกต่างจากบุคลิกที่เย็นชาของเจ้าตัวอย่างสิ้นเชิง มันทั้งอบอุ่นและเต็มไปด้วยอารมณ์เก็บกด

ชายหนุ่มกักขังเธอไว้ในอ้อมแขน โอบรัดเอวบางแน่นด้วยแรงที่ไม่หนักหรือเบานัก แข็งแรงทว่าอ่อนโยน

เซี่ยชิงหยวนยังคงดิ้นรนในทีแรก แต่เมื่ออากาศในอกของเธอว่างเปล่า หญิงสาวก็ค่อย ๆ สูญเสียเรี่ยวแรงไป

ดวงตาฟีนิกซ์ที่เฉี่ยวคมของเสิ่นอี้โจวมีของเหลวใสไหลออกมาจากหางตา

เซี่ยชิงหยวนตกใจ เสิ่นอี้โจวร้องไห้…

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นน้ำตาของเขา

เซี่ยชิงหยวนในตอนนี้สูญเสียความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดและหลงลืมไปว่าทั้งสองกำลังโต้เถียงกันอยู่

หญิงสาวหลับตาลงช้า ๆ ดื่มด่ำกับรสจูบที่อีกฝ่ายมอบให้

จูบนี้เป็นดั่งคำสารภาพที่ล่วงเลยมานานหลายปี มันเปิดโอกาสให้คนทั้งสองได้แสดงความรู้สึกทั้งหมดออกมา

เซี่ยชิงหยวนไม่สามารถยืนได้อีกต่อไป และร่างกายของเธอก็ทรุดลงในอ้อมแขนของชายหนุ่ม

เขาอุ้มเธอขึ้นมาอีกครั้ง จับเธอนั่งลงบนโต๊ะทางข้างหลัง

ด้วยท่านี้ เซี่ยชิงหยวนจึงทำได้เพียงแค่เงยหน้าขึ้นและถูกบังคับให้รับรสจูบเป็นเวลานาน ก่อนที่เขาจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระ

เขากดหน้าผากแนบกับเธอและถามขึ้นว่า “คุณยังอยากจะหย่ากับผมอยู่ไหม”

แก้มของเซี่ยชิงหยวนแดงระเรื่อ เธอหายใจหอบ และเอียงอายกับท่าทางนี้ จากนั้นหญิงสาวก็ซบลงบนอกของผู้เป็นสามี

เธอไม่ได้คล้อยตามเขาและตอกกลับไปว่า “คุณบอกว่าจะหย่ากับฉันตั้งแต่อยู่ที่หมู่บ้าน และจะมอบสินสอดทั้งหมดให้ฉัน!”

เสิ่นอี้โจว “…”

ในที่สุดเขาก็ตระหนักแล้วว่าการโยนหินใส่เท้าตัวเองหมายความว่ายังไง

เขาหยุดชะงักไปชั่วครู่แล้วจึงพูดขึ้นว่า “ผมผิดไปแล้ว”

เขากดปลายจมูกของเขาลงบนปลายจมูกของเธอ “ยกโทษให้ผมนะ ตกลงไหม”

เซี่ยชิงหยวนพ่นลมหายใจ “ฉันจะเก็บเอาไปพิจารณา!”

บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลง แต่หญิงสาวยังคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการคิดถึงรายงานผลตรวจที่ได้รับในวันนี้ได้

เธอเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย “ฉันไปตรวจสุขภาพกับเซวียไฉ่เฟิ่งและเจียงเพ่ยหลานเมื่อวานนี้ และหมอบอกว่าท่อนำไข่ของฉันอุดตัน”

หญิงสาวหยิบใบผลตรวจสุขภาพออกมาจากกระเป๋า และต้องการจะส่งให้เสิ่นอี้โจว

เสิ่นอี้โจวรับมันมาแต่ไม่คิดจะอ่านดู

ชายหนุ่มยังคงโอบกอดเธอเอาไว้ โดยวางคางอยู่บนศีรษะของอีกฝ่าย ดวงตาลึกล้ำของเขาสงบลง “ชิงหยวน ที่ผมบอกว่าสิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญ ผมหมายความตามนั้นจริง ๆ”

เขามองเธอ “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าวิทยาการทางการแพทย์มีความก้าวหน้าอยู่ตลอด หรือแม้จะไม่สามารถรักษาให้หายได้จริง ๆ เราก็ไปหาเด็กมารับเลี้ยงก็ได้”

เซี่ยชิงหยวนพยายามโต้แย้ง “แต่…”

“ไม่มีแต่” เสิ่นอี้โจวขัดจังหวะและจูบกระหม่อมของเธอเบา ๆ “ไม่ต้องพูดเรื่องที่ว่าครอบครัวของผมจะไม่มีผู้สืบทอด คุณลืมไปแล้วเหรอว่ายังมีเสิ่นอี้หลินอยู่อีกคน”

เขากุมแก้มของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่คู่นั้น ดวงตาของเขาอ่อนโยนแต่มั่นคง “คุณไม่ต้องคิดเกี่ยวกับมันอีกแล้ว เพราะผมจะพิจารณาเรื่องพวกนี้และหาทางแก้ปัญหาให้คุณเอง ตกลงไหม?”

เซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าคำพูดของอีกฝ่ายมีพลังบางอย่างที่ทำให้หัวใจของผู้คนรู้สึกอบอุ่น

ราวกับมีพลังเวทมนตร์ที่ทำให้คนเชื่อเขาโดยไม่อาจเถียงได้

ภายใต้การจ้องมองของฝ่ายชาย เธอพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ตกลงค่ะ”

เมื่อเห็นรอยยิ้มของหญิงสาว เสิ่นอี้โจวก็รู้สึกเหมือนหินก้อนใหญ่ในหัวใจของเขาถูกยกออกไปในที่สุด

เขากอดเธอไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง “ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในอนาคต อย่าลังเลที่จะบอกผมเลยนะ จงจำไว้ว่าถึงฟ้าจะถล่ม ผมก็จะแบกมันไว้เพื่อคุณ”

เซี่ยชิงหยวนกอดเอวเขา “นอกจากแบกความรับผิดชอบไว้บนบ่าของคุณแล้ว ฉันยังต้องการให้คุณแบกขาของฉันทุกวัน”

เมื่อได้ยินแบบนั้น เสิ่นอี้โจวก็หันศีรษะก่อนจะตระหนักได้ว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร

รอยแดงลามจากใบหูไปจนถึงลำคอแกร่ง และเขาคิดจะผลักเธอออกในวินาทีถัดมา

ทว่าอีกฝ่ายกลับกอดเอวสอบของเขาแน่นอย่างกับรู้ทัน “กระทั่งคำขอแค่นี้ คุณจะทำให้ฉันไม่ได้จริง ๆ เหรอ?”

เสิ่นอี้โจวหลั่งเหงื่อเย็น ก่อนที่เขาจะเบือนหน้าหนี “เราค่อยคุยเรื่องนี้กันวันหลังเถอะนะ”

เขาจับเอวบางแล้วยกตัวอีกฝ่ายลงจากโต๊ะ “ผมขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะ อยู่บ้านคนเดียวก็อย่าคิดมากล่ะ”

หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังกลับ เปิดประตูและออกไปในทันที

ชายหนุ่มลนลานเกินไปจนเกือบจะสะดุดธรณีประตู

เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง

เมื่อถูกหัวเราะใส่ เสิ่นอี้โจวก็ยิ่งเดินเร็วขึ้น

เมื่อเห็นว่าเสิ่นอี้โจวจากไปแล้ว เซวียไฉ่เฟิ่งซึ่งซ่อนตัวอยู่ในบ้านของเธอก็ออกมาทันที

เธอปรี่เข้ามาถามเซี่ยชิงหยวนว่า “ชิงหยวน…เสิ่นอี้โจวไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม”

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นชายหนุ่มโกรธมากขนาดนี้ และคิดว่าอาจจะเกิดสงครามระหว่างเขากับเซี่ยชิงหยวน

ดังนั้นเธอจึงนั่งแอบฟังอยู่ที่ประตูเป็นเวลานาน หญิงสาวได้ยินเพียงเสียงคุยแว่วมา แต่กลับฟังไม่ชัดสักนิด!

เซี่ยชิงหยวนมองสีหน้าซึ่งดูจะสอดรู้สอดเห็นมากกว่ากังวลใจของเซวียไฉ่เฟิ่ง และถามกลับไปว่า “เขาจะทำอะไรฉันทำไมล่ะ?”

จากนั้นเซวียไฉ่เฟิ่งก็ตระหนักได้ว่า เซี่ยชิงหยวนไม่มีร่องรอยบาดแผลบนร่างกายเลย ยกเว้นดวงตาที่บวมแดง

โดยเฉพาะริมฝีปากอิ่มที่มีสีแดงสดและบวมเจ่อ

เซวียไฉ่เฟิ่งมองไปยังคอเสื้อของอีกฝ่ายอีกครั้ง ขณะที่ครุ่นคิดว่าทั้งสองคนเข้าไปในบ้านเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะออกมา จากนั้นเธอพลันเข้าใจขึ้นมา

อืม… ถ้านับการเล้าโลมเข้าไปด้วย ครึ่งชั่วโมงก็ดูจะถมเถไป

เซี่ยชิงหยวนไม่ได้สนใจสิ่งที่เซวียไฉ่เฟิ่งคิด

เธอเพียงเดินผ่านอีกฝ่ายและมุ่งไปทางห้องครัว

เซวียไฉ่เฟิ่งเม้มปากเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “จะหยิ่งไปถึงไหนกัน ฉินซูอวี้กลับมาแล้ว ในอนาคตเธอจะได้ร้องไห้แน่!”

ตอนที่เสิ่นอี้โจวรีบกลับมาจากบ้านพัก โจวหยางก็เพิ่งอภิปรายรายงานครึ่งแรกของเขาเสร็จ

เมื่อเห็นเสิ่นอี้โจว ความเศร้าหมองบนใบหน้าของชายหนุ่มก็เลือนหายไปทันที

เขาส่งสัญญาณให้อีกคนด้วยสายตา เพื่อให้เข้ามาควบคุมการรายงานแทน

แม้ว่าเขาจะติดตามกระบวนการทั้งหมดของโครงการวิจัย แต่เขาจะเทียบกับเสิ่นอี้โจวได้ยังไงกัน

เมื่อเผชิญกับคำถามจากหัวหน้าระดับสูง เขาก็ไม่ควรจะตื่นตระหนกเกินไป แต่คนระดับสูงพวกนี้ดูจะรีบมาก

ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่เกือบทุกคนในสถาบันต่างรู้สึกราวกับต้องแสงตะวันเมื่อเห็นเสิ่นอี้โจวปรากฏตัว

ชายหนุ่มเดินเข้ามาเงียบ ๆ เขารับเสื้อคลุมสีขาวที่ฉินซูอวี้มอบให้แล้วไปยืนอยู่ข้างกายของโจวหยาง

เขาโค้งให้หัวหน้าและเพื่อนร่วมงานในห้องประชุม จากนั้นค่อยกล่าวว่า “เรียนหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานทุกคน หัวข้อต่อจากนี้ผมจะเป็นคนรายงานเองครับ”

ด้วยความสงบนิ่งและรัศมีอันน่าเกรงขามของเขา ทำให้ผู้คนที่อยู่ห้องประชุมอดไม่ได้ที่จะจ้องมองชายหนุ่ม ราวกับเมื่อปัญหาทั้งมวลอยู่ตรงหน้าเขา พวกมันจะได้รับการแก้ไขอย่างง่ายดาย

เขาเปล่งประกายมากเมื่ออยู่บนเวที

ฉินซูอวี้ยืนอยู่ใต้เวที ขณะจ้องมองไปยังเสิ่นอี้โจว ดวงตาของเธอฉายแววเทิดทูนออกมา

ผู้ชายยอดเยี่ยมแบบนี้ควรเป็นของเธอ!

เธอยกแผ่นเอกสารขึ้นเพื่อปิดบังปากตัวเองและกระซิบกับโจวหยางที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “โจวหยาง นายจะมารวมตัวกันหลังเลิกงานตอนบ่ายวันนี้ไหม เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จของโครงการของเรา”

หญิงสาวรู้ว่า ถ้าเธอเชิญเสิ่นอี้โจวเพียงลำพัง เขาคงปฏิเสธเธอแน่

เพราะอย่างนั้น หากมีคนอื่นเข้าร่วมด้วยความกระตือรือร้น เขาก็จะปฏิเสธไม่ได้

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท