กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 55 เสิ่นอี้โจว ผมอยู่นี่

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 55 เสิ่นอี้โจว? ผมอยู่นี่

บทที่ 55 เสิ่นอี้โจว? ผมอยู่นี่

เดิมทีเซี่ยชิงหยวนต้องการรอให้เสิ่นอี้โจวเข้ามาหา เพื่อที่เธอจะได้ขอโทษเขากับการกระทำที่หุนหันพลันแล่นของเธอ

แต่ในขณะเดียวกันหญิงสาวก็รู้สึกว่าเขากับเธอสองคนเป็นสามีภรรยากัน การพูดคุยและทำสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก

เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเสิ่นอี้โจวถึงหลบเลี่ยงเรื่องพวกนี้นัก

หญิงสาวพยายามนึกถึงเหตุการณ์การเกิดใหม่ของตนเอง และพบว่าการเปลี่ยนแปลงของเสิ่นอี้โจวดูเหมือนจะเริ่มต้นจากการเกิดใหม่ของเธอเช่นกัน

เสิ่นอี้โจวซ่อนบางอย่างจากเธอหรือเปล่า?

หรือการเกิดใหม่ของเธอจะทำให้เกิดปรากฏการณ์ผีเสื้อขยับปีก?*[1]

แม้จะครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ในใจ แต่หญิงสาวก็ไม่สามารถต้านทานความง่วงงุนได้ และผล็อยหลับไปในที่สุด

เสิ่นอี้โจวเปิดประตูจากห้องนั่งเล่นแล้วเดินออกไปนอกบ้าน

เขานั่งเงียบ ๆ ในสนาม ไม่กล้าออกไปไกลมากนัก

เพราะกังวลว่าเซี่ยชิงหยวนจะมองหาเขาไม่เจอ

ชายหนุ่มมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เขารู้สึกเศร้าโศกอย่างยิ่ง

หลังจากรู้ว่าตัวเองได้เกิดใหม่สมใจปรารถนาแล้ว เขาก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่พระเจ้าได้ยินคำอธิษฐานสิบปีของเขา และให้โอกาสนี้แก่เขาอีกครั้ง

ทว่าหลังจากประหลาดใจกับการได้กลับมาเกิดใหม่ของตนเอง เขาก็ตกอยู่ในความเศร้าโศกอย่างหนัก

เพราะถ้าเขาดำเนินชีวิตซ้ำรอยเดิมกับชาติที่แล้ว เขาคงไม่สามารถรักเธอได้เหมือนเดิม

มีผู้ชายมากกว่าผู้หญิงในสถาบันวิจัยทางธรณีวิทยา และเมื่อผู้ชายมารวมตัวกันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พวกเขาจะพูดอะไรที่น่ารังเกียจ

บางคนบอกว่าวิธีที่ง่ายที่สุดในการเอาชนะใจผู้หญิง คือเริ่มต้นด้วยการเป็นผู้ชายของเธอ

แม้เขาจะไม่เห็นด้วยกับประโยคนี้อยู่ก่อนแล้ว แต่เขาก็ไม่มีโอกาสแม้เพียงเล็กน้อยที่จะทำร้ายเธอ

ส่วนแผนการนั้น เขาต้องเร่งทำให้เร็วกว่าเดิม

อาการคันในลำคอทำให้เขาเกือบจะไอออกมา ชายหนุ่มรีบปิดปากอย่างรวดเร็วจนใบหน้าหล่อเหลาของเขาแดงก่ำ และมีเส้นเลือดปูดออกมา

หลังจากเขาหายคันสักพัก ชายหนุ่มก็กล้าเอามือออก

เขากลืนกลิ่นคาวหวานในลำคอและหัวเราะเยาะตัวเอง “เสิ่นอี้โจวทั้งหมดนี้เป็นเพราะนายโลภเกินไป ดังนั้นพระเจ้าจึงลงโทษนาย”

ความต้องการจะเอาชนะใจเธอนั้น มันกลับเป็นไปได้ในชีวิตนี้ แต่เขาก็ไม่มีโอกาสจะได้สานต่อ

เมื่อเซี่ยชิงหยวนตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น ก็พบว่าเสิ่นอี้โจวได้ทำอาหารเช้ารอไว้แล้ว

เซี่ยชิงหยวนต้องการใช้โอกาสนี้อธิบาย แต่ชายหนุ่มกลับส่งยิ้มมาให้เสียก่อน “หลังอาหารเช้าผมจะพาคุณไปรถซื้อสามล้อ”

หญิงสาวถามอย่างยินดีว่า “คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ? ไม่สิ ทำไมคุณถึงรู้ว่าฉันต้องการซื้อรถสามล้อ?”

เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “วันนี้เป็นวันอาทิตย์ สถาบันหยุดน่ะ และผมก็คิดกับตัวเองว่าถ้าคุณจะขายอาหาร การมีรถของตัวเองจะสะดวกกว่า”

สีหน้าของเขาดูจะขอโทษ “ชิงหยวน ผมขอโทษนะ เพราะผมไม่ทำงานให้หนักพอเลยทำให้คุณต้องเหนื่อย”

เซี่ยชิงหยวนโบกมือ “อย่าพูดอย่างนั้น ในหมู่บ้านซีสุ่ยมีใครไม่อิจฉาฉันที่มีผู้ชายดี ๆ อย่างคุณบ้าง แม้แต่ตอนที่พ่อแม่ พี่ชายของฉัน และคนอื่น ๆ ในครอบครัวออกไปข้างนอก พวกเขามักจะมีใบหน้าที่สดใสนั่นก็เพราะมีเขยที่ดีอย่างคุณนะคะ”

เสิ่นอี้โจวมองใบหน้ายิ้มแย้มของเซี่ยชิงหยวนอย่างมึนงงก่อนจะพูดราวกับให้คำสัญญาออกมา “ชิงหยวน ผมจะทำให้คุณมีชีวิตที่ดีอย่างแน่นอน”

เมื่อเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ เสิ่นอี้โจวและเซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้ ตั้งแต่ฉันแต่งงานกับคุณ ฉันไม่เคยประสบกับความยากลำบากใด ๆ แต่นั่นไม่รวมเรื่องที่ฉันต้องอยู่คนเดียวในห้องว่าง ๆ บ่อยครั้งหรอกนะ”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เธอก็พบว่าตัวเองเผลอพูดบางสิ่งที่ทำให้พวกเขาทั้งสองฝ่ายลำบากใจ เมื่อรู้ตัว เซี่ยชิงหยวนก็รีบกล่าวแก้ตัวว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิคุณนะคะ อีกอย่างตอนนี้เราก็อยู่ด้วยกันแล้ว ปัญหาพวกนั้นมันได้ถูกแก้ไขและจะไม่มีอีกแล้ว”

ดวงตาของเสิ่นอี้โจวเหมือนมีน้ำตาคลอซึม จากนั้นเขาก็พยักหน้า “คุณพูดถูก วันที่ดีกว่ากำลังรอเราอยู่ในอนาคต”

ก่อนที่ทั้งสองจะออกไป เสิ่นอี้โจวก็หยิบซองจดหมายออกมาจากกระเป๋าของเขาและส่งให้หญิงสาว

เซี่ยชิงหยวนรับมันและพูดอย่างงุนงงว่า “นี่อะไร”

เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “ผมได้รับรางวัลจาการทำรายงานการวิจัยไม่ใช่เหรอ? มันเป็นโจทย์งานวิจัยที่เราพยายามแก้กันมาหลายปีแล้ว เมื่อมันถูกแก้ได้แล้วในตอนนี้ ทางจังหวัดจึงมอบรางวัลให้เรา”

เซี่ยชิงหยวนรีบเปิดซองออกมานับเงินอย่างรวดเร็ว รวมทั้งหมดแปดร้อยหยวน

หญิงสาวอ้าปากค้างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามด้วยความประหลาดใจ “เยอะขนาดนี้เลยเหรอ”

เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “สองร้อยจากสถาบัน หกร้อยจากทางจังหวัด”

แม้เซี่ยชิงหยวนจะผ่านประสบการณ์มามากมายเมื่อชาติที่แล้ว แต่เมื่อได้ถือเงินมากขนาดนี้ก็อดมือสั่นไม่ได้เช่นกัน

เงินจำนวนนี้พอ ๆ กับเงินเดือนของเสิ่นอี้โจวหนึ่งปีรวมกันเลยนะ!

เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “หลังจากนี้เราค่อยไปฝากเงินที่ธนาคารกัน หรือถ้าคุณอยากเอาไปใช้ในธุรกิจ คุณก็สามารถจัดการได้ตามสะดวกเลย”

เซี่ยชิงหยวนมีความสุขมาก “แน่นอน ฉันจะเก็บมันไว้”

อันที่จริง เธอสามารถเริ่มธุรกิจเสื้อผ้าได้เลยด้วยเงินจำนวนนี้ แล้วหลังจากนั้นเงินก็จะหลั่งไหลเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว

แต่เงินเดือนของคนที่อยู่ในสถาบันนี้จะมีเท่าไหร่กัน?

อีกอย่างการซื้อวัสดุมาทำเสื้อผ้าก็ใช่ว่าจะง่ายดาย แถมยังต้องพยายามขายให้ออกโดยเร็วที่สุดเพื่อเอาทุนคืน ไม่งั้นก็จะไม่มีทุนทำธุรกิจต่อไป

ยิ่งกว่านั้น หากเธอใช้เงินทั้งหมดซื้อวัสดุ มันจะทำให้ชายหนุ่มสงสัยอย่างแน่นอน

เธอมีความสุขมากที่เสิ่นอี้โจวให้การสนับสนุนและเงินทุนในการทำธุรกิจแบบนี้ ส่วนแผนการที่เหลือเธอจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไปก็แล้วกัน

ดังนั้นพวกเขาจึงนำเงินแปดร้อยหยวนและทองคำแท่งเหล่านั้นไปฝากไว้ในธนาคาร ซึ่งชื่อบัญชีธนาคารยังคงเป็นเซี่ยชิงหยวน

เซี่ยชิงหยวนพูดติดตลกว่า “คุณให้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของคุณแก่ฉัน คุณไม่กลัวว่าฉันจะเอาเงินหนีไปเหรอคะ”

เสิ่นอี้โจวเผยสีหน้าอ่อนโยนออกมา “ผมเคยบอกไปแล้วว่าของทั้งหมดของผมเป็นของคุณ แล้วทำไมผมต้องกังวลเกี่ยวกับมันล่ะ”

ถ้าเธอทำแบบนั้นจริง ๆ เขาก็จะยิ่งคลายกังวล

แม้แต่พนักงานที่เคาน์เตอร์ธนาคารก็ยังอิจฉาและพูดพร้อมด้วยรอยยิ้มว่า “คุณผู้หญิงโชคดีมากที่ได้มีสามีที่รักคุณขนาดนี้”

เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มอย่างเขินอายเมื่อได้ยินประโยคนี้

เสิ่นอี้โจวยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนจะนิ่งเงียบไป

ต่อมาพวกเขาซื้อรถสามล้อโดยใช้เงินมากกว่าสองร้อยหยวน

หัวใจของหญิงสาวรู้สึกเจ็บปวดมาก เมื่อเธอคิดว่าจะต้องขายอาหารกี่จานถึงจะได้ทุนค่ารถทั้งหมดคืนมา

เสิ่นอี้โจวยิ้มและพูดว่า “เงินมีไว้จับจ่าย คุณแค่ใช้มันแล้วปล่อยให้ผมมีหน้าที่ในการหาก็พอ”

เซี่ยชิงหยวนค่อนข้างมีความสุขในตอนแรก แต่เธอไม่ค่อยเชื่อประโยคครึ่งหลังเท่าไหร่ “คอยดูสิ ฉันจะมีรายได้มากกว่าคุณแน่นอน ฉันจะเปิดบริษัทเสื้อผ้าและกลายเป็นผู้ค้าอัญมณีหยก แล้วก็จะกลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในมณฑลอวิ๋น!”

เสิ่นอี้โจวมองเธอตาใส รอยยิ้มพลันปรากฏที่ริมฝีปากของเขา

ภาพลักษณ์ที่เต็มไปด้วยมั่นใจและสูงส่งแบบนี้ เขาไม่เคยพบในตัวเซี่ยชิงหยวนเมื่อชาติก่อน

เขาหวังว่าเธอจะจดจำสิ่งที่เธอเป็นในวันนี้ได้ตลอดไป และไม่ลืมความตั้งใจเดิมของเธอ และทำงานหนักเพื่อมัน

ถึงตอนนั้นแม้ไม่มีเขา เธอก็จะมีชีวิตที่ดี

จากนั้นเซี่ยชิงหยวนก็พบว่า เสิ่นอี้โจวกำลังจ้องมองมาที่ตนอย่างเหม่อลอยโดยที่ดวงตาของเขามีน้ำตาคลออยู่

เธอยื่นมือออกไป โบกมือตรงหน้าเขาและถามว่า “คุณเป็นอะไรไป ทำไมคุณมองฉันเหมือนมองลูกสาวที่กำลังแต่งออกเรือนเลยล่ะ?”

เมื่อได้ยินแบบนั้น เสิ่นอี้โจวก็กลับมามีสติอีกครั้ง

เขาจับมือเธอและพูดด้วยรอยยิ้ม “ขึ้นไปนั่งบนรถสิ ผมจะขับมันพาเรากลับบ้านเอง”

เซี่ยชิงหยวนครุ่นคิดเกี่ยวกับคำว่า ‘กลับบ้าน’ เธอรู้สึกหวานล้ำในหัวใจขึ้นมา

หญิงสาวแย้มยิ้มสดใส “อื้ม กลับบ้านกัน”

เซี่ยชิงหยวนปีนขึ้นไปบนเบาะหลังของรถสามล้อ ขณะที่เสิ่นอี้โจวก้าวขึ้นไปนั่งบนที่นั่งคนขับของรถสามล้อ สายลมพัดผ่านแก้มของเธอ พัดเอาผมเส้นเล็กที่ปิดแก้มออกไป

เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้น มองไปที่ท้องฟ้าสีฟ้าด้วยรอยยิ้มพึงพอใจบนริมฝีปาก

เธอเรียกเบา ๆ “เสิ่นอี้โจว?”

เสิ่นอี้โจวตอบต่อหน้า “หืม?”

เซี่ยชิงหยวนเรียกอีกครั้ง “เสิ่นอี้โจว?”

เสิ่นอี้โจว “ผมอยู่นี่”

“เสิ่นอี้โจว?”

“ผมเอง”

บรรยากาศที่กลมเกลียวและหวานชื่นระหว่างทั้งสองคนยังคงอยู่จนกระทั่งพวกเขากลับบ้าน

ทันทีที่เขาก้าวลงจากรถ โจวหยางก็วิ่งเข้ามาอย่างกระวนกระวาย

เมื่อเห็นเสิ่นอี้โจว สีหน้าของเขาก็ผ่อนคลายมากขึ้น “พี่เสิ่น ซูอวี้ประสบอุบัติเหตุตอนที่เธอใช้งานเครื่องมือในห้องทดลอง!”

จากนั้นเขาก็จับมือเสิ่นอี้โจว “รีบไปดูเร็ว!”

[1] ทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก หรือ Butterfly Effect ซึ่งหมายถึงเหตุการณ์เพียงเหตุการณ์หนึ่ง สามารถส่งผลกระทบอันซับซ้อนหรือสร้างปรากฎการณ์ใหญ่อีกอย่างขึ้นมาได้ คล้าย ๆ กับวลี “เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว”

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท