กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 56 หมูถูกเชือด

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 56 หมูถูกเชือด

บทที่ 56 หมูถูกเชือด

เสิ่นอี้โจวไม่ได้ถูกโจวหยางลากออกไปทันที

เขาสะบัดมือของโจวหยางออกและพูดด้วยเสียงทุ้มว่า “ตอนนี้อาการบาดเจ็บของฉินซูอวี้เป็นยังไงบ้าง เรียกหมอหรือยัง”

สถาบันวิจัยของพวกเขามักจะทำการทดลองวิจัยและออกสำรวจภาคสนาม ดังนั้นจึงมีทีมแพทย์รองรับอยู่แล้ว

โจวหยางดูทำอะไรไม่ถูกเมื่อถูกถามคำถามนี้ก่อนจะตอบว่า “ผม…ผมรีบจนลืมเรียก…เอ่อ ตอนนี้พอผมคิดดูอีกทีแล้ว ดูเหมือนอาการบาดเจ็บของเธอจะไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น”

ตอนที่เขาเห็นเลือดที่มือของฉินซูอวี้เมื่อครู่ และอีกฝ่ายยังร้องเรียกเสิ่นอี้โจวด้วย เขาจึงตื่นตระหนกเสียจนลืมตัวทำตามสิ่งที่ฉินซูอวี้ร้องขอโดยไม่ได้ไตร่ตรอง

พอมาคิดดูอีกที มันก็ไม่เหมาะสมจริง ๆ

สีหน้าของเสิ่นอี้โจวมืดมนในทันที “โจวหยาง นายติดตามฉันมาตั้งแต่เรียนจบ นายน่าจะรู้จักฉันดี”

โจวหยางก้มหน้าลงด้วยความอับอาย

เสิ่นอี้โจวอธิบายกับเซี่ยชิงหยวนว่า “ฉินซูอวี้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผม ผมคงต้องไปดู คุณกลับบ้านก่อนแล้วผมจะรีบกลับ”

เซี่ยชิงหยวนเข้าใจข้อดีและข้อเสียของเรื่องนี้ได้เช่นกัน เธอพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เป็นไร คุณไปเถอะ”

ตอนนี้เป็นเวลาพัก ทว่าฉินซูอวี้กลับวิ่งไปที่ห้องทดลองเพื่อทำการทดลองและได้รับบาดเจ็บ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้เลย

อย่างไรก็ตาม เธอคิดว่าฉินซูอวี้ไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายจนถึงกับตกตายและโผล่ไปอยู่ในแม่น้ำเหลืองแน่นอน

แทนที่จะกังวลเกี่ยวกับเสิ่นอี้โจว เธอรอสมเพชฉินซูอวี้ดีกว่า

เมื่อมองใบหน้าของเสิ่นอี้โจวในตอนนี้ เขากำลังโกรธอย่างเห็นได้ชัด

เสิ่นอี้โจวมักจะไม่สนใจอะไร แต่เขาจะเข้มงวดมากเกี่ยวกับเรื่องงาน

เกรงว่าคราวนี้ฉินซูอวี้จะต้องเสียหน้ามากแน่

เซี่ยชิงหยวนเข็นรถสามล้อกลับบ้านพลางถอนหายใจ

เมื่อเสิ่นอี้โจวกับโจวหยางรีบไปที่ห้องทดลอง ฉินซูอวี้กำลังนั่งอยู่ที่นั่นด้วยใบหน้าขาวซีดดูน่าสงสาร

เมื่อเห็นพวกเขามา เธอก็ขมวดคิ้ว

เสิ่นอี้โจวเดินไปอย่างรวดเร็ว “เธอบาดเจ็บตรงไหน ขอฉันดูหน่อย”

ฉินซูอวี้เหยียดมือซ้ายของเธอ “เมื่อกี้นี้ฉันเผลอเปลี่ยนสัดส่วนของสาร หลอดทดลองจึงระเบิด ทำให้มือของฉันได้รับบาดเจ็บ”

เสิ่นอี้โจวสังเกตมือของอีกฝ่ายและพบรอยบาดยาวที่ฝ่ามือ

แต่เพราะเวลาผ่านไปสักพักแล้ว เลือดที่บาดแผลจึงเริ่มแข็งตัวเป็นก้อน

ทว่ายังมีร่องรอยคราบเลือดที่เคยไหลไปตามแขนของเธอ และเขาก็ได้กลิ่นยาจาง ๆ

เขาหันมองไปยังโต๊ะทำงานที่ยุ่งเหยิงอีกครั้ง และเข้าใจในทันที

ได้รับบาดเจ็บก็จริง แต่ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น

ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นและพูดกับโจวหยางว่า “โจวหยางพาเธอไปหาหมอที่ห้องพยาบาล”

หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังกลับและจากไป

เมื่อเห็นเสิ่นอี้โจวมาหา ฉินซูอวี้ก็รู้สึกมีความสุขเพราะคิดว่าอีกฝ่ายยังห่วงใยเธออยู่

แต่โดยไม่คาดคิด เพียงครู่เดียว เขาก็หันหลังกลับและจะจากไปซะแล้ว

เธอเรียกเขาโดยไม่รู้ตัว “อี้โจว”

เสิ่นอี้โจวหยุดและเหลือบมองเธอ

ดวงตาคู่นั้นซับซ้อนมาก มันเต็มไปด้วยความผิดหวังและอารมณ์บางอย่างที่เธอไม่สามารถเข้าใจได้

หัวใจของเธอว่างเปล่าทันทีราวกับว่าสิ่งสำคัญได้หายไปตลอดกาล

เธอไม่สนใจความเจ็บปวดที่มือของตัวเองอีกแล้ว และไล่ตามเขาไปด้วยน้ำตา “คุณจะทิ้งฉันไว้คนเดียวเหรอ”

เสิ่นอี้โจวถอนหายใจ ดวงตาของเขายังคงเย็นชา “ซูอวี้ เธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว ควรรู้ว่ามีหลายสิ่งที่ไม่อาจเป็นไปตามใจตัวเองได้”

พูดจบเขาก็จากไปโดยไม่หันกลับมามอง

ฉินซูอวี้มองตามแผ่นหลังของชายหนุ่ม เธอร้องไห้อย่างควบคุมไม่ได้

ความภาคภูมิใจในตัวเองของเธอรั้งไม่ให้เธอไล่ตามเขาไป

หญิงสาวมองโจวหยางที่อยู่ทางด้านข้าง “บอกฉันสิ เขาจะเลิกกับฉันจริง ๆ เหรอ!?”

โจวหยางไม่รู้จะตอบยังไง

มันไม่ใช่การ ‘เลิก’ เพราะเสิ่นอี้โจวไม่เคยมีความคิดอื่นใดกับฉินซูอวี้มาตั้งแต่แรก แม้กระทั่งตัวเขาเองก็เห็นได้ชัด

ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าการใช้คำว่า ‘เลิก’ มันไม่สมเหตุสมผล

แต่หลังจากนี้เสิ่นอี้โจวจะหลบเลี่ยงฉินซูอวี้มากกว่าเดิมแน่นอน

เขาไม่ตอบและพูดเรื่องอื่น “ไปที่ห้องพยาบาลก่อนเถอะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ฉินซูอวี้มองที่มือของตัวเองแล้วร้องไห้ “ฉันไม่ต้องการให้นายมากังวลเรื่องฉันสักหน่อย!”

หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็วิ่งออกจากห้องทดลองพลางร้องไห้

เมื่อเห็นฉินซูอวี้เป็นแบบนี้ โจวหยางก็ไม่อยากสนใจเธออีกต่อไป

แต่เขาก็ไม่สามารถโกรธผู้หญิงคนนี้ได้จริง ๆ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ไล่ตามเธอไป

เซี่ยชิงหยวนเข็นรถสามล้อกลับบ้านและผลักมันเข้าไปในสนาม

จากนั้นเธอก็ทำความสะอาดหม้อและกระทะที่เธอซื้อมาใหม่ และเริ่มทำสลัดเย็น

อาหารเย็นส่วนใหญ่เป็นผักและส่วนใหญ่ต้องทำในวันเดียวกัน

แต่สลัดเย็นนั้นแตกต่างออกไป มันสามารถเตรียมล่วงหน้าแล้วค่อยผสมทีหลังได้

เธอใช้โถพลาสติกคุณภาพสูงสำหรับสลัดเย็น และฝาปิดที่สามารถปิดได้แน่นเพื่อไม่ให้น้ำสลัดหกออกมา

เธอเริ่มจากหยิบกะละมังเซรามิกใบใหญ่ออกมา ใส่บะหมี่ พริกไทย และผงพริกป่นลงไป จากนั้นนำงาขาวลงไปผัดในกระทะร้อนแล้วเทงาที่คั่วแล้วใส่ลงในกะละมัง

นอกจากนี้เธอยังหยิบมะแข่น กระเทียมสับและต้นหอมสับละเอียด ใส่ลงในกระทะ

เทน้ำมันถั่วลิสงลงในกระทะอีกครั้ง และหลังจากน้ำมันร้อนแล้วเธอก็เทน้ำมันร้อนลงบนวัตถุดิบที่เตรียมไว้ในกะละมัง

ขณะที่เทน้ำมันร้อน ๆ ลงบนวัตถุดิบที่เตรียมไว้ ก็มีเสียง ‘ฉ่า’ ในไม่ช้า กลิ่นหอมฟุ้งก็อบอวลไปทั่วทั้งห้องครัวและลอยหายไปกับอากาศ

เซี่ยชิงหยวนยังใส่เกลือ น้ำตาล น้ำส้มสายชู ซอสถั่วเหลือง และผงชูรสลงไปแล้วผสมให้เข้ากัน

ด้วยวิธีการทำทั้งหมดนี้ สลัดเย็นอเนกประสงค์ของเธอก็พร้อมแล้ว

เธอนำตะเกียบที่เพิ่งใช้ผัดมาแตะที่ปลายลิ้นของเธอเพื่อชิมรส มันอร่อยมากจนเธอแทบจะกลืนลิ้นของตัวเองลงไป

เซี่ยชิงหยวนพอใจกับสลัดเย็นที่เธอทำมาก

“เอ๊ะ? คุณกำลังทำอะไรอยู่น่ะ กลิ่นหอมมากเลย”

เสียงของเซวียไฉ่เฟิ่งดังมาจากประตู เธอเดินตามกลิ่นมาจนถึงห้องครัวแล้วสูดจมูกอย่างแรง

เมื่อเห็นหม้อใบใหญ่บนเตา เธอจึงรีบเดินไปดู “อา พริกหม้อใหญ่จริง ๆ !”

แต่เมื่อพิจารณาจากสีและกลิ่นแล้วดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่พริก

เธอต้องการจะเอื้อมมือไปสัมผัสดู แต่ก็กลัวความร้อนจึงชักมือออก

เซี่ยชิงหยวนไม่ได้คิดจะเก็บเป็นความลับ “ส่วนผสมสำหรับน้ำสลัดเย็นน่ะ”

หลังจากพูดจบ เธอก็นำโถไปวางที่โต๊ะข้าง ๆ แล้วปิดด้วยฝาพลาสติกใส

เมื่อได้ยินดังนั้น ท่าทีของเซวียไฉ่เฟิ่งจึงเปลี่ยนจากดูแคลนเป็นความอิจฉา

เธอเองก็ทำสลัดเย็นที่บ้านอยู่เสมอเช่นกัน แต่เธอจะกล้าใส่ส่วนผสมแบบนี้ได้ยังไง?

แค่เห็นชั้นน้ำมันนี่ก็ปวดใจแล้ว

เธอเม้มปาก “นี่มันต้องเสียเงินเยอะมากแน่ ๆ ไม่รู้ว่าต้องขายเท่าไหร่ถึงจะได้ทุนคืน”

เซี่ยชิงหยวนกลับตอบเรียบ ๆ ว่า “แน่นอน การทำธุรกิจย่อมต้องใช้เงิน”

หลังจากนั้น เซวียไฉ่เฟิ่งก็เพิ่งเห็นรถสามล้อของเซี่ยชิงหยวนจอดอยู่ในสนาม เธอจึงดูประหลาดใจอีกครั้ง “หา เธอจะขายสลัดเย็น แต่ก็ยังซื้อรถสามล้ออีกเหรอ”

เธอเดาะลิ้นสองครั้ง “ชิงหยวน เธอแค่ทำในสิ่งที่เธอพูดก็พอ แต่ราคารถสามล้อคันนี้ไม่ถูกแน่”

เซี่ยชิงหยวนลอบกลอกตา “มันก็ไม่เลวร้ายนะ”

เซวียไฉ่เฟิ่งกล่าวอีกครั้ง “ฉันได้ยินมาจากสามีว่า หัวหน้าแผนกเสิ่นให้โบนัสแก่เธอมากมายใช่ไหม? รถสามล้อคันนี้ซื้อมาด้วยเงินโบนัสนั่นรึเปล่า?”

หลี่กวงหัวอยู่ในแผนกเดียวกันกับเสิ่นอี้โจว ดังนั้นเขาจึงได้รับส่วนแบ่งเงินโบนัสเช่นกัน แต่มันก็แค่ห้าสิบหยวนเท่านั้น

ทว่าเสิ่นอี้โจวมีส่วนร่วมอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงได้รับโบนัสมากที่สุด

เมื่อเผชิญกับคำถามนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ไม่ได้สนใจมากนักและพูดว่า “โบนัสแจกจ่ายตามการมีส่วนร่วมของแต่ละคน ฉันไม่รู้รายละเอียดเรื่องนั้นหรอก ส่วนรถสามล้อคันนี้ฉันก็ซื้อมันด้วยเงินที่ฉันเก็บออมไว้”

ใช่ เธอไม่ได้โกหก โบนัสทั้งหมดที่เสิ่นอี้โจวให้มาถูกเก็บไว้ และเงินสำหรับซื้อรถสามล้อนั้นมาจากที่ครอบครัวของเธอให้มา

เมื่อฟังคำพูดของเซี่ยชิงหยวน เซวียไฉ่เฟิ่งกลับคิดว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องนี้กับตน

แต่การกลับไปแบบนี้ไม่ใช่นิสัยของเธอแน่ ๆ

เมื่อนึกถึงเมื่อคืนที่เธอกับหลี่กวงหัวมีช่วงเวลาดี ๆ ด้วยกันจนมีเสียงดังออกมา ซึ่งมันก็น่าจะดังไปถึงบ้านข้าง ๆ แน่นอน แล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหนือกว่า

เธอสะบัดผมและพูดว่า “เมื่อคืนนี้บ้านฉันสร้างความรำคาญให้หรือเปล่า มันเป็นความผิดของกวงหัวคนเดียวเลย ฉันบอกเขาว่าอย่าส่งเสียงดังแต่เขาก็ไม่ฟัง”

เซี่ยชิงหยวนรู้สึกระอาใจ

การร่วมรักระหว่างสามีภรรยาแบบนี้ อีกฝ่ายกลับหยิบยกขึ้นมาพูดได้อย่างน่าไม่อาย

หญิงสาวจึงตอบกลับไปอย่างเฉยเมยว่า “ไม่เป็นไร ฉันได้ยินเสียงไม่ชัดเท่าไหร่หรอก อันที่จริง ฉันคิดว่ามันเป็นเสียงฆ่าหมูที่ไหนสักแห่งด้วยซ้ำ”

ใบหน้าของเซวียไฉ่เฟิ่งกลายเป็นน่าเกลียดทันที

เธอจงใจส่งเสียงนั้น แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่ามันฟังดูเหมือนเสียงเชือดหมู?

นี่มันเหมือนกับอีกฝ่ายไม่ได้กินองุ่นแต่กลับบอกว่าองุ่นเปรี้ยว!

เธอพูดอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “เธอรู้อะไรไหม นั่นเรียกว่าความสนุก ผู้หญิงจะส่งเสียงอย่างนั้นก็ต่อเมื่อมีความสุขมากเท่านั้น”

แม้ในตอนนั้นเธอจะแสดง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเอามาใช้อวดตอนนี้ไม่ได้

จากนั้นเซวียไฉ่เฟิ่งก็นึกถึงบางสิ่งและมองไปที่เซี่ยชิงหยวน “ฉันก็ไม่ได้อยากจะพูดมากหรอกนะ แต่หัวหน้าแผนกเสิ่นของเธอมักจะดูหมอง ๆ และฉันก็ไม่ได้ยินเสียงใด ๆ จากฝั่งบ้านเธอในตอนกลางคืนเลย ทำไมเขาถึงไม่ทำมันบ้างล่ะ?”

ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อถูกอีกฝ่ายถาม

หลังจากรู้สึกตัวอีกทีเธอก็รู้สึกโกรธมาก

หากพูดจาไร้สาระกับเธอยังพอทน แต่ไม่ควรลามปามถึงเสิ่นอี้โจว!

เซี่ยชิงหยวนยืดหลังตรงและพูดเสียงดัง “ใครบอกว่าเขาไม่ได้ทำ? เราทำกันเจ็ดครั้งต่อคืน!”

เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะนึกถึงเรื่องตลกที่เธอได้ยินเมื่อไปทำงานทางใต้เมื่อชาติที่แล้ว “ฉันถูกเขาปิดปากไว้ ไม่อย่างนั้นคงจะได้ยินทั้งบางแล้ว!”

ทว่าหลังจากพูดจบประโยค เซี่ยชิงหยวนก็ได้ยินเสียงกระแอมเบา ๆ จากทางประตู

เซี่ยชิงหยวนหันศีรษะไปและพบว่าเสิ่นอี้โจวกลับมาแล้ว!

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท