กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 61 ใครอนุญาตให้คุณเข้ามาที่นี่

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 61 ใครอนุญาตให้คุณเข้ามาที่นี่

บทที่ 61 ใครอนุญาตให้คุณเข้ามาที่นี่

ด้านหลังรถสามล้อของเซี่ยชิงหยวนเต็มไปด้วยผัก จากนั้นเธอก็วกกลับมายังบริเวณขายเนื้อสัตว์กับผักสดอีกครั้ง

เธอเหมือนจะได้ยินเสียงเสิ่นอี้โจวไอเมื่อคืน เขาต้องรู้สึกไม่สบายแน่เลย

เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ต้องต่อคิวซื้อเนื้อด้วยตั๋วอาหารก่อนฟ้าสาง

เวลาเจ็ดโมงกว่าเข้าไปแล้ว แผงขายเนื้อสัตว์ยังมีเนื้อเหลืออยู่ และมีกระทั่งปลาที่ว่ายไปมาในกะละมังอย่างมีความสุขที่แผงขายปลา

เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แม้ตอนนี้ผู้คนส่วนใหญ่จะยังยากจน แต่ชีวิตหลังจากนี้ของผู้คนจะดีขึ้นเรื่อย ๆ

เถ้าแก่ส่วนใหญ่ที่ขายเนื้อหมูนั้นมีรูปร่างอ้วนท้วมทว่าดูแข็งแรง เมื่อเห็นหญิงสาวสวยหุ่นบอบบางเช่นเซี่ยชิงหยวนยืนอยู่หน้าแผงขายเนื้อ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะลดเสียงลง

เถ้าแก่ร้านขายเนื้อคนหนึ่งยิ้ม “พี่สาว เอาเนื้อกลับบ้านไปสักหน่อยไหม”

เมืองเตียนเฉิงถูกล้อมรอบด้วยภูเขา นอกจากชนกลุ่มน้อยแล้ว ชาวฮั่นจำนวนมากก็อาศัยอยู่บนภูเขาเช่นกัน ทว่ามันยังคงไม่มีถนนในหลายพื้นที่

ดังนั้นผู้คนจึงเดินทางลงมาจากภูเขาทุก ๆ สองถึงสามวันและใช้เงินที่เก็บออมไว้นำมาซื้อเนื้อ

เมื่อซื้อเนื้อไปเก็บไว้ พวกเขาก็จะซื้อไปหลาย ๆ จิน

หลังจากซื้อไปแล้ว ผู้คนก็มักจะนำเนื้อมาหั่นแบ่งตัวเนื้อหมูกับส่วนที่ไม่ติดมัน จากนั้นค่อยนำไปหมักด้วยเกลือสักพักหนึ่ง

หลังหมักเนื้อแล้ว จากนั้นก็ใส่มะแข่น โป๊ยกั๊ก ขี้เถาจีน และส่วนผสมอื่น ๆ ลงในหม้อ แล้วคนให้เข้ากัน

ในที่สุด ไขมันก็ถูกทอดจนเกรียมและเนื้อก็สุกจนแข็ง

จากนั้นจึงใส่เนื้อพร้อมกับส่วนผสมน้ำมันและโป๊ยกั๊ก แล้วแช่ในถ้วยเซรามิกขนาดใหญ่หรือหม้อดินเผา

เนื้อสัตว์ที่แช่น้ำมันจะเก็บไว้ได้นาน

ถ้าจะกินก็ให้เอาช้อนตักเนื้อออกมา แล้วเอาไปตุ๋นพร้อมกับผักจนนิ่ม อร่อยเหาะสุด ๆ

หวังผิงมักจะทำเช่นนี้ในหมู่บ้านซิ่งฮวามาก่อน

ในเวลานั้นเซี่ยจิ่งเฉินจะเป็นผู้นำในการขโมยอาหาร

เธออายุน้อยที่สุดและด้วยการมีช่องว่างระหว่างวัยค่อนข้างมาก เธอจึงมักจะถูกตำหนิว่าขโมยอาหารอยู่เสมอ

โดยไม่คิดจะสืบสาวราวเรื่องใด ๆ หวังผิงก็หยิบแท่งฟืนขึ้นมาและทุบตีเธอ

เซี่ยโยว่หมิงจะวิ่งออกจากบ้านมาเพื่อปกป้องเธอด้วยไหล่ของเขาเสมอ

ส่วนหัวหน้าโจรอย่างเซี่ยจิ่งเฉินหัวเราะราวกับไม่รู้สึกรู้สาอยู่ทางด้านข้าง

บางทีอาจจะเป็นเพราะแบบนี้ เธอจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเซี่ยจิ่งเยว่ตั้งแต่เธอยังเด็ก

อันที่จริง เธอในตอนนั้นยังเด็กมาก และไม่แม้กระทั่งจะเอื้อมหยิบขวดน้ำมันบนตู้ได้แม้จะเขย่งเท้าแล้วก็ตาม ด้วยเหตุนี้ เธอจะโขมยของได้อย่างไร

หลังจากเสียงเรียกร้องของเถ้าแก่ขายเนื้อ เซี่ยชิงหยวนก็เริ่มรู้สึกตัว

เธอส่งยิ้มขอโทษให้เขา “เถ้าแก่ คุณมีหมูสามชั้นบ้างไหมคะ”

เดิมที เถ้าแก่ต้องการจะบอกว่าไม่ แต่เมื่อมองไปยังดวงตาสดใสของ เซี่ยชิงหยวน เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้

เขาพูดว่า “เดิมทีฉันจะเก็บไว้กินเองชิ้นหนึ่ง แต่ถ้าคุณอยากได้ ฉันจะขายให้แล้วกัน”

พูดจบ เขาก็หยิบหมูสามชั้นสีขาวอมชมพูออกมาจากตะกร้าข้างหลัง

“นี่คือชิ้นที่ใหญ่ที่สุดของวันนี้ที่ฉันเอามาขายเลย”

เมื่อมองไปยังความมันวาวของเนื้อหมูสามชั้น เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกว่าคุณภาพของมันน่าจะดีมาก แต่เธอก็ยังขอให้เถ้าแก่หั่นเพื่อดูเนื้อข้างในอีกครั้ง

เมื่อตรวจสอบแล้วเห็นว่าเนื้อไม่บวมและไม่มีรอย หญิงสาวจึงพูดขึ้นว่า “ช่วยห่อให้หน่อยค่ะ”

ในเวลานี้ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าควรกินอะไรจึงจะส่งผลดีต่อร่างกาย ยกเว้นซี่โครงหมูและตีนเป็ดที่มีราคาถูก และเนื้อหมูสามชั้นที่มีราคาหนึ่งหยวนสองเหมาต่อจิน

ด้วยปัจจัยทางด้านเวลา ราคาของซี่โครงจะพุ่งสูงกว่าเนื้อหมู และกลายเป็นส่วนที่มีราคาแพงที่สุดของเนื้อหมู

เนื้อหมูสามชั้นชิ้นนี้หนักสองจินกว่า ซึ่งถูกคิดเงินในราคาสองหยวนห้าสิบเฟิน เธอเพิ่งซื้อผักด้วยจำนวนเงินสองหยวน เมื่อรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็ประมาณสี่หยวนห้าสิบสองเฟิน

หญิงสาวรู้สึกเป็นทุกข์ทันที เธอหวังว่าสลัดเย็นนี้จะขายได้ดีในบ่ายวันนี้

เซี่ยชิงหยวนซื้อยาจีนสำหรับต้มซุปเป็นรายการสุดท้าย ก่อนจะรีบกลับบ้าน

เมื่อกลับมาถึงบ้าน หญิงสาวล้างเนื้อหมูสามชั้นอย่างประณีต จากนั้นใส่ลงในหม้อดินเผา พร้อมกับใส่วัตถุดิบยาจีน เช่น ดอกเก๊กฮวย มันแกว และเก๋ากี่ เธอตั้งใจที่จะนำเมนูหมูสามชั้นนี้บำรุงม้ามกับกระเพาะของเสิ่นอี้โจว

เขาทำงานหามรุ่งหามค่ำแบบนี้ หากปล่อยเอาไว้นาน ๆ เขาจะต้องรู้สึกปวดแสบที่ม้ามกับกระเพาะเป็นแน่

ถ้าม้ามกับกระเพาะทำงานได้ไม่ดี ร่างกายก็จะย่ำแย่ลงไปด้วย

หญิงสาวโยนฟืนลงในเตาแล้วจึงจัดเตรียมสลัด

พวกเขาซื้อฟืนมาเป็นจำนวนมากในวันที่มาถึงสถาบันวิจัย

พวกมันมีจำนวนเยอะพอที่จะใช้ได้อีกนาน

โชคดีที่ผักที่เธอซื้อมาในวันนี้มีจำนวนไม่มากนัก และจัดการค่อนข้างง่าย

เมื่อกำลังจะล้างผัก เธอจึงพบว่าผักที่อาเซียงขายนั้นสะอาดมาก ซึ่งช่วยประหยัดแรงของเธอไปได้มาก มันทำให้หญิงสาวมีความสุขจริง ๆ

หลังจากเซี่ยชิงหยวนทำงานเสร็จเรียบร้อย มันก็ใกล้จะถึงเวลาที่เสิ่นอี้โจวและคนอื่น ๆ จะต้องพักเที่ยง

ทว่าเธอรออยู่ที่บ้านเป็นเวลานาน แต่ยังไม่มีใครกลับมา

ตอนนี้เซี่ยชิงหยวนรู้สึกกังวล

เธอออกมาจากครัว ก่อนจะเดินไปหาหลี่กวงหัว

เธอไม่สนใจว่าเขาจะทำตัวน่ารังเกียจหรือไม่ในตอนนี้ ก่อนจะถามเขาว่า “ขอโทษนะคะ ช่วงนี้อี้โจวงานยุ่งมากเลยเหรอ?”

ตอนนี้มีเพียงพวกเธอสองคน หลี่กวงหัวคาบไม้จิ้มฟันไว้ในปากขณะจ้องมองเซี่ยชิงหยวนพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก

จากนั้นเขาก็พูดว่า “พี่เสิ่นเป็นกระดูกสันหลังของสถาบันธรณีวิทยา ดังนั้นงานของเขาจึงยุ่งมากไม่เหมือนกับพวกเราหรอกครับ”

เซี่ยชิงหยวนเมินสายตาที่หยาบโลนของอีกฝ่าย จากนั้นก็ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ถ้าอย่างนั้นเขาก็อยู่ในสำนักงานใช่ไหมคะ”

หลี่กวงหัวผงะไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เขาคงยังยุ่งอยู่นะครับ”

เซี่ยชิงหยวนขอบคุณชายตรงหน้า จากนั้นเธอก็หันหลังกลับ เดินไปที่ห้องครัว

หลี่กวงหัวมองตามแผ่นหลังของเซี่ยชิงหยวน และกัดไม้จิ้มฟันในปาก

“การปล่อยภรรยาสุดร้อนแรงไว้ที่บ้านคนดียวแบบนี้ มันช่างน่าเสียดายจริง ๆ ถ้าเป็นฉัน…”

ดวงตาของเขามืดมน และไม่ได้พูดต่อ

เซี่ยชิงหยวนหยิบกล่องข้าวในบ้านออกมาสองกล่อง กล่องหนึ่งใส่หมูสามชั้นตุ๋นนุ่ม ๆ กับซุปขาวข้น และอีกกล่องใส่ข้าวกับสลัดผัก นำกล่องใส่ตะกร้าแล้วรีบไปที่สำนักงาน

เมื่อหญิงสาวไปถึงอาคารสำนักงาน เธอจึงพบว่ายังมีเจ้าหน้าที่ซึ่งยังคงปฏิบัติงานอยู่ ณ เวลานี้

เธอคิดกับตัวเองว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้นจึงเร่งฝีเท้าและเดินเข้าไปในสำนักงาน ทว่าไม่มีใครอยู่ในห้องทำงานของเสิ่นอี้โจวเลย

เซี่ยชิงหยวนคว้าตัวเจ้าหน้าที่ซึ่งเดินผ่านไปมา และขอให้พวกเขาพาไปหาชายหนุ่ม หลังจากนั้นเธอจึงพบว่าเขาอยู่ในห้องสังเกตการณ์ที่อยู่ทางด้านหลัง

จากนั้นเธอก็ไปที่ห้องสังเกตการณ์อีกครั้ง

หลังจากเปิดประตูกระจก ภายในห้องปูพื้นเคลือบเงาสีเขียว สองข้างทางเดินไม่มีอะไรเลยนอกจากผนังสีขาว

สัมผัสที่จริงจังเข้าปะทะใบหน้าของหญิงสาวอย่างจัง

เซี่ยชิงหยวนรับรู้ได้ในทันทีว่าข้างในอาจจะเป็นห้องปลอดเชื้อ

เธอลังเลเพราะเกรงว่าตัวเองจะเข้าไปรบกวนชายหนุ่ม

แต่เมื่อมองออกไปยังสถานที่ห่างไกลกว่าสิบเมตร มีป้ายเขียนไว้ว่า ‘ห้องปฏิบัติการ’ แขวนอยู่ที่ประตูและมีเสียงต่าง ๆ ดังมาจากข้างใน

เธอได้ยินเสียงของเสิ่นอี้โจว

เซี่ยชิงหยวนคิดกับตัวเอง หญิงสาวจึงเดินไปที่ประตูเพื่อสอดส่องดูข้างใน

เมื่อเดินเข้าไปใกล้ เธอก็ได้ยินฉินซูอวี้พูดขึ้น

“อี้โจว ทำไมนายไม่ไปกินข้าวกลาางวันที่โรงอาหารกับเราก่อน นายยุ่งมาทั้งวันทั้งคืนแล้วนะ”

จากนั้นเสียงที่เหนื่อยล้าของเสิ่นอี้โจวก็ดังขึ้น “พวกเธอไปกันก่อนเถอะ ฉันจะอยู่ที่นี่และคอยดูมันไว้”

ทันทีที่เซี่ยชิงหยวนได้ยิน เธอก็ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวโดยไม่รู้ตัว และเห็นชายหนุ่มจากทางด้านหน้าประตู

เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวและนั่งอยู่หน้าเครื่องทดลองบางอย่าง ซึ่งสูงเกือบเท่าตึกหนึ่งชั้น

มีหน้ากากอนามัยสีน้ำเงินปิดรอบริมฝีปาก และดวงตาของเขาก็แดงก่ำ

เมื่อมองแวบแรกเขาดูจะทำงานหนักเกินไปจริง ๆ

จู่ ๆ หัวใจของเซี่ยชิงหยวนก็มีโทสะ

ทว่าขณะกำลังจะเคาะประตู ฉินซูอวี้ก็พบเธอเข้าเสียก่อน

เมื่อหันหน้าไปทางหน้าประตู ฉินซูอวี้ก็เลิกคิ้วขึ้น

เธอก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ใครอนุญาตให้คุณเข้ามาที่นี่กัน?”

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท