กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 70 วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 70 วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า

บทที่ 70 วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า

ราวกับภูเขาและแม่น้ำกำลังคำรามออกมาดังลั่น การสั่นสะเทือนในตอนแรกดูจะขยับตามแนวรอยเลื่อย แต่ต่อมามันกลับเป็นการสั่นสะเทือนไปตามแนวราบ

เท่าที่เธอเห็น บ้านทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสคล้ายจะโดนดึงไปทางซ้ายทีขวาทีจนกลายเป็นรูปลักษณ์สี่เหลี่ยมด้านขนาน

แม้แต่ภูเขากับแม่น้ำในระยะไกลก็ดูจะถูกแยกออกจากกัน

สิ่งที่น่าอึดอัดที่สุดก็คืออวัยวะภายในของเธอราวกับพวกมันกำลังถูกนวดคลึงและทุบตี

เซี่ยชิงหยวนหมอบลงอย่างไม่ค่อยสบายตัวนัก

เสียงกรีดร้องและเสียงร้องไห้ของผู้คนแว่วอยู่หูในของเธอตลอดเวลา

“แม่จ๋า! แม่!”

“ฮือ! ฮือ! หนูอยากกลับบ้าน!”

“อึดอัดจัง อึดอัดจังเลย!”

คนอื่น ๆ ที่อยู่โดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวหรือเพื่อนร่วมงาน พวกเขาต่างก็กอดกันด้วยความหวาดกลัว

มีเพียงเซี่ยชิงหยวนเท่านั้นที่อยู่คนเดียว

เธอกอดอกและฝังศีรษะไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง ราวกับสิ่งนี้จะช่วยทำให้เธอกลัวน้อยลง

ทว่าในขณะที่เธอกำลังเป็นทุกข์ จู่ ๆ ก็มีมือหยาบคู่หนึ่งโอบกอดเธอไว้ เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้นมอง เป็นหญิงชราที่พูดเถียงกับชายหนุ่มคนเมื่อครู่นี้

หญิงชรามองมาที่เธออย่างใจดี แม้สีหน้าของหญิงชราจะใช่ว่าดีนัก แต่เธอก็ยังคงส่งยิ้มอย่างใจดีมาให้เซี่ยชิงหยวน

หญิงสาวเห็นปากของอีกฝ่ายขยับ หญิงสาวก็เข้าใจในทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังหมายถึงอะไร

หญิงชรากำลังพูดว่า อย่ากลัวเลยเด็กน้อย

รอยยิ้มของหญิงชราดูเหมือนจะมีพลังวิเศษที่ทำให้เธอได้รับความกล้าหาญกลับคืนมา

เซี่ยชิงหยวนกับหญิงชราพึ่งพิงกันและกัน ภัยธรรมชาติในครั้งนี้ทำให้หัวใจของทั้งคู่ใกล้กันมากขึ้น

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว แต่ความตื่นตระหนกในใจก็ค่อย ๆ จางหายไป

ทุกคนต่างมองกันและกัน คุณมองฉัน ฉันมองคุณ มีความชื่นชมยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่และมีหลายคนที่ร้องไห้ออกมา

มือของเซี่ยชิงหยวนกับมือของหญิงชรายังคงจับกันแน่น และไม่แยกออกจากกัน

เจ้าหน้าที่ของสถาบันวิจัยทางธรณีวิทยาตะโกนผ่านโทรโข่งว่า “สหาย พวกเรากังวลว่าจะเกิดอาฟเตอร์ช็อกอีกหลังจากนี้ ทางเราจึงขอให้ทุกคนรออยู่ตรงนี้ต่อไปจนกว่าสัญญาณเตือนภัยจะดับลง”

ในเวลานี้ ไม่มีใครพร่ำบ่น ทุกคนล้วนเชื่อฟังคำสั่งของเจ้าหน้าที่

เซี่ยชิงหยวนมองไปยังบ้านของเจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่ถูกสร้างเรียงเป็นแนวยาวในระยะไกล บางมุมของบ้านพังลง และบางหลังกำแพงเอนเอียงไปหมด แต่โชคดีที่ความเสียหายไม่ร้ายแรงมากนัก

เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเสิ่นอี้โจว

ที่นี่เกิดแผ่นดินไหวแรงขนาดนี้แล้วที่นั่นจะเป็นยังไงบ้าง?

หากตรงจุดที่เสิ่นอี้โจวอยู่เกิดแผ่นดินไหวด้วย ผลที่ตามมาคือหายนะ

หญิงชราจับมือเซี่ยชิงหยวนแน่นและพูดด้วยรอยยิ้ม “หนูไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับพวกเขานะจ๊ะ พวกเขาไม่เป็นอะไรหรอก”

เซี่ยชิงหยวนประหลาดใจ ” คุณ…”

หญิงชรายิ้ม “ลูกชายของป้าชื่อไจ๋ปิน จากนี้เรียกป้าว่าป้าเฉินก็ได้”

ปรากฏว่าหญิงชราคนนี้เป็นแม่ของเจ้าหน้าที่ไจ๋!

เธอปลอบเซี่ยชิงหยวนและพูดว่า “ลูกชายป้าถูกส่งไปสนับสนุนที่นั่นด้วยเหมือนกัน เขาบอกป้าว่าไม่เป็นไร และเขาจะกลับมาในอีกไม่ช้า ดังนั้นหนูไม่ต้องกังวลไปนะ”

เธอหยุดพูดชั่วขณะ ก่อนจะพูดต่อ “ลูกชายของป้าใช้เวลาทั้งวันในการสำรวจภูมิประเทศและสังเกตการณ์ภัยอันตราย เขาจึงไม่สามารถดูแลครอบครัวให้ดีได้ เพราะเรื่องนี้เอง ลูกชายกับลูกสะใภ้ของป้าจึงทะเลาะกันทุกสามวัน ต่อมาลูกสะใภ้ตั้งครรภ์ ลูกชายจึงพาป้ามาที่นี่เพื่อให้คอยดูแลเธอ แต่หลังจากสงบมาสักพักพวกเขาก็ทะเลาะกันหนักขึ้น และลูกสะใภ้ก็ได้จากไป แต่ลูกชายของฉันก็ยังให้สัญญาตอนก่อนจะออกไปทำงานว่าจะพาลูกสะใภ้กลับมา เพื่อที่ในอนาคตครอบครัวจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข”

เมื่อได้ฟังเรื่องราวของหญิงชรา เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะคิดถึงชาติที่แล้วของเธอ

อันที่จริง สาเหตุที่เธอหย่ากับเสิ่นอี้โจว ก็ไม่ใช่เพราะเขาทุ่มเทให้กับงานจนไม่มีเวลาให้เธอ พวกเราถึงได้ทะเลาะกันบ่อยไม่ใช่เหรอ?

จนกระทั่งในชาตินี้หรือจนถึงตอนนี้ เธอก็เข้าใจแล้วว่างานนี้เป็นความหลงใหลและภารกิจของเสิ่นอี้โจว

เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้คน เจ้าหน้าที่เหล่านี้จำเป็นต้องละทิ้งครอบครัวของพวกเขาไว้เบื้องหลัง พวกเขามีจิตใจที่ยิ่งใหญ่มาก

เซี่ยชิงหยวนคิดกับตัวเองว่า เมื่อเสิ่นอี้โจวกลับมาคราวนี้ เธอจะบอกเขาว่า เธอไม่ต้องการให้เขาลาออกจากงานที่รักเพื่อเธอ

เธอจะดูแลงานทุกอย่างในบ้านเพื่อที่เขาจะได้มีส่วนร่วมในมาตุภูมิและคอยปกป้องผู้คนโดยไม่ต้องกังวล!

และเธอก็จะบอกเขาด้วยว่าเธอเป็นคนที่เคยมีชีวิตอยู่มาแล้วครั้งหนึ่ง

และจุดมุ่งหมายเดียวของเธอในชาตินี้คือการทำดีต่อเขา

ผู้คนเอนกายเข้าหากัน พอรุ่งสางก็ได้ยินเจ้าหน้าที่ประกาศว่ากลับบ้านได้แล้ว

เซี่ยชิงหยวนกล่าวคำอำลากับป้าเฉิน

เมื่อกำลังจะจากกัน เซี่ยชิงหยวนยื่นขวดน้ำในมือให้อีกฝ่าย “ตอนนี้ต้องไม่มีน้ำดื่มในก๊อกแน่ ๆ ป้าเฉินเอามันกลับไปดื่มที่บ้านนะคะ”

ป้าเฉินพลันตระหนักได้ว่าเซี่ยชิงหยวนเตรียมพร้อมมาดีมาก เธอจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “สาวน้อย หนูนี่ฉลาดจริง ๆ”

หญิงชราโบกมือ “แต่ที่บ้านป้าก็มีน้ำเหมือนกัน หนูเก็บไว้ดื่มเองเถอะจ๊ะ เราไม่รู้หรอกว่าน้ำจะมาอีกเมื่อไหร่”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ไม่ยืนกรานอีกต่อไปและโบกมือลากลับบ้าน

สภาพบ้านในเขตสถาบันวิจัยไม่ได้แย่ขนาดนั้น เว้นแต่บ้านเก่าที่พังทลายลงมาบางส่วน ส่วนบ้านที่สร้างใหม่ล้วนยังอยู่ในสภาพดี

เซี่ยชิงหยวนโชคดีที่แผ่นดินไหวไม่ได้สั่นแรงเกินไป

เมื่อไปถึงประตู เธอก็พบว่าเซวียไฉ่เฟิ่งกับสามีเพิ่งมาถึงเช่นกัน

พวกเขาสองคนยังคงห่อตัวอยู่ในผ้านวม

เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวน พวกเขาทั้งสองคนก็ไม่กล้าเงยหน้าและวิ่งเข้าไปในบ้านทันที

มันคงเป็นเรื่องน่าอายมากหากคนในสถาบันวิจัยทั้งหมดรู้เรื่องนี้

หญิงสาวส่ายหัวและกลับเข้าไปในบ้านของตน

เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนอนลงบนเตียงแต่ก็นอนไม่หลับ

ไม่รู้ว่าทำไม แต่เธอรู้สึกไม่สบายใจอยู่เสมอ

ความรู้สึกไม่สบายใจยังคงวนเวียนอยู่จนกระทั่งสองวันต่อมา และเปลือกตาขวาของเธอก็กระตุกเช่นกัน

ผู้เฒ่าผู้แก่มักพูดว่าตาซ้ายกระตุกหมายความว่ามีโชคลาภ แต่ถ้าตาขวากระตุกมันหมายถึงจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น เธอคิดถึงเสิ่นอี้โจวโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเขาไม่น่าจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน

เธอไม่สามารถนั่งนิ่ง ๆ ได้อีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงวางแผนจะไปที่อาคารสำนักงานเพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับสถานการณ์โดยรวม

เธอบังเอิญได้พบกับป้าเฉินโดยไม่คาดคิดที่ล็อบบี้ของอาคารสำนักงาน

ป้าเฉินจับมือชายวัยกลางคนผู้หนึ่งและพูดว่า “ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณต้องกำลังยุ่งมาก ดังนั้นหญิงชราคนนี้จะไม่ทำให้คุณลำบาก ฉันแค่ขอไปกับทีมกู้ภัยเพื่อเฝ้าดูก็เท่านั้น นี่มันผ่านมาสองสามวันแล้วและยังไม่มีข่าวคราวเลย มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน”

หัวใจของเซี่ยชิงหยวนเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเธอได้ยินคำพูดของหญิงชรา

ดูเหมือนว่ามีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ

เซี่ยชิงหยวนสาวเท้าเดินเข้าไปเช่นกันและพูดว่า “หัวหน้า ฉันเป็นสมาชิกในครอบครัวของเสิ่นอี้โจว ฉันไม่ได้ยินข่าวของเขามาหลายวันแล้ว และฉันเป็นห่วงเขามากจริง ๆ คุณบอกฉันได้ไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน แล้วฉันจะหาทางไปหาเขาเอง”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ชายวัยกลางคนก็ขมวดคิ้วแน่นจนหว่างคิ้วของเขาอาจจะบี้แมลงวันให้ตกตายได้

ทั้งเสิ่นอี้โจวและไจ๋ปินเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความสามารถของพวกเขา และตอนนี้ยังไม่มีข่าวเกี่ยวกับทีมที่พวกเขานำออกไปสำรวจเลย เขาเองก็กระวนกระวายราวกับมดบนหม้อไฟเช่นกัน

สถานการณ์ยิ่งรับมือยากกว่าเดิมเมื่อมีสมาชิกในครอบครัวมาอยู่ที่นี่ด้วย

เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยชิงหยวน เขาก็คัดค้านทันที “ไม่ ไม่ ที่นั่นอันตรายมาก คุณจะไปได้ยังไง”

เมื่อเห็นสายตาคาดหวังของเซี่ยชิงหยวนกับป้าเฉิน เขาก็ครุ่นคิด “เอาเป็นว่าให้ภรรยาของเสี่ยวเสิ่นไปด้วยกับทีมกู้ภัยก็แล้วกัน ป้าเฉิน คุณแก่มากแล้ว คุณรอฟังข่าวดีของพวกเขาอยู่ที่นี่ดีกว่า ตกลงไหม”

เซี่ยชิงหยวนย่อมเห็นด้วยกับคำพูดนี้ เธอมองไปที่ป้าเฉินอีกครั้งเพื่อขอความเห็นจากอีกฝ่าย

ป้าเฉินรู้ตัวดีเช่นกันว่า การที่คนชราอย่างเธอจะประสบภัย มันคงจะลำบากเกินไป

เธอตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและพูดกับเซี่ยชิงหยวน “เสี่ยวเซี่ย ถ้าอย่างนั้นป้าขอรบกวนหนูหน่อย ถ้าหนูเจอลูกชายของฉัน โปรดฝากบอกเขาทีว่าแม่และภรรยาของเขา รวมไปถึงลูกที่ยังไม่เกิดของเขากำลังรอเขากลับมาอยู่”

เซี่ยชิงหยวนมองผมสีขาวของป้าเฉิน นี่คือความรักที่มีต่อลูกชาย ซึ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกตื้นตันมาก

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ป้าเฉิน ไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันจะนำคำพูดของป้าไปส่งให้ถึงสหายไจ๋อย่างแน่นอน แล้วสหายไจ๋จะกลับมาหาคุณโดยเร็วที่สุด”

หลังจากพูดจบ เซี่ยชิงหยวนก็ออกเดินทางพร้อมกับทีมกู้ภัยและบุคลากรของสถาบัน

เนื่องจากแผ่นดินไหว ฝนตกหนัก และดินถล่ม ถนนบางสายจึงไม่สามารถผ่านไปได้

พวกเขาต้องสัญจรไปทางน้ำบ้างและไต่ไปตามเส้นทางเล็ก ๆ บนภูเขาบ้าง หลังจากผ่านไปครึ่งวัน ในที่สุดพวกเขาก็ไปถึงสถานที่ที่เสิ่นอี้โจวและคนอื่น ๆ ตั้งค่ายอยู่

เซี่ยชิงหยวนจึงรีบเข้าไปถาม

แต่คนในค่ายทั้งหมดบอกว่าพวกเขาไม่เห็นทีมของเสิ่นอี้โจวกับไจ๋ปินตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน และตอนนี้พวกเขากำลังรวมทีมกันอยู่เพื่อออกไปค้นหาผู้สูญหาย

เมื่อได้ยินแบบนั้น หญิงสาวเกือบหยุดหายใจ

ภาพการตายของเสิ่นอี้โจวในชาติที่แล้วปรากฏขึ้นมาต่อหน้าต่อตาของเธออีกครั้ง

เซี่ยชิงหยวนแค่นเสียงขึ้นมาทันที “ฉันจะออกไปค้นหากับพวกคุณ!”

เธอบอกตัวเองอยู่เสมอว่าเธอได้เกิดใหม่แล้ว ดังนั้นเธอจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำรอย

แน่นอนว่าทีมกู้ภัยปฏิเสธทันที

เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “ฉันเป็นคนมาจากชนบท ฉันเคยทำงานในไร่นามาตั้งแต่เด็ก ๆ ฉันจะไม่เป็นตัวถ่วงพวกคุณแน่นอนค่ะ”

เมื่อได้ยินการยืนกรานของเธอ ทีมกู้ภัยจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบตกลง

หลังจากที่เซี่ยชิงหยวนเล่าเรื่องของป้าเฉินให้คนอื่น ๆ ฟังแล้ว เธอจึงออกเดินทางไปพร้อมกับทีมกู้ภัยเพื่อตามหาเสิ่นอี้โจว

เสิ่นอี้โจวกำลังขดตัวอยู่ในถ้ำที่ชื้นแฉะ

ข้างกายเขาคือ โจวหยางที่หมดสติและฉินซูอวี้ที่กำลังร้องไห้

ฉินซูอวี้ลดศีรษะลง “อี้โจว ฉันขอโทษ นายด่าฉันได้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะความดื้อรั้นของฉัน เราคงไม่หลงทางกับคณะทำงานหลักและโจวหยางก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บแบบนี้”

เสิ่นอี้โจวไม่ตอบคำพูดของหญิงสาว

ไหล่และศีรษะของเขาก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน กระทั่งการมองเห็นของเขาในตอนนี้ก็เริ่มพร่ามัว

ชายหนุ่มส่ายหัวอย่างแรง พยายามกระตุ้นตัวเองให้ตื่น

แต่มันกลับไม่มีประโยชน์เลย

เขามองดูฝนที่ตกไม่หยุดตรงทางเข้าถ้ำ และความคิดของเขาก็เริ่มฟุ้งซ่าน

ราวกับเขาได้กลับไปในชาติที่แล้ว หลังจากที่เซี่ยชิงหยวนตาย พี่ชายเซี่ยจิ่งเยว่ก็นำอัฐิของเธอกลับมา

การตายของเซี่ยชิงหยวนทำให้เซี่ยโยว่หมิงเปลี่ยนเป็นคนที่ซึมเศร้าตลอดทั้งวันทั้งคืน

เขามอบกำไลหยกที่เซี่ยชิงหยวนใส่ไว้ก่อนตาย “นี่คือสิ่งที่ชิงหยวนสวมไว้ก่อนจะจากไป ฉันคิดเกี่ยวกับมันแล้วและคิดว่าควรมอบมันให้กับนายจะดีกว่า”

หลังจากที่เซี่ยโยว่หมิงพูดจบ เขาก็ปิดหน้าและร้องไห้อย่างขมขื่น

มันเป็นห่อผ้าสีขาวที่มีกำไลสีเขียวอยู่ข้างใน

กำไลแตกออกเป็นหลายชิ้น และยังมีคราบเลือดสีแดงเข้มเกรอะกรังติดอยู่

เสิ่นอี้โจวยื่นมือเข้าหากำไลหยกนั้นด้วยมือที่สั่นเทา

เขาต้องการจะสัมผัสมัน แต่ก็ชักมือกลับชั่วอึดใจก่อนที่จะแตะกำไล

ว่ากันว่าเธอเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์

กำไลแตกหักแบบนี้เธอจะจากไปอย่างเจ็บปวดแค่ไหนกัน?

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หัวใจของเสิ่นอี้โจวก็เจ็บปวดอย่างรุนแรง

มันเหมือนกับว่ามีคนกำลังแทงมีดเข้าใส่หัวใจของเขาแล้วบิดคว้านลึก

ในที่สุดด้วยเสียง ‘พึมพำ’ เลือดก็พุ่งออกจากปากของเขาและกระเด็นไปโดนกำไล

ในตอนนั้นเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะลุกลาม

เขาไม่เข้าใจว่าทำไม?

หลังจากที่เธอจากไป เขาก็ไปทิเบตคนเดียวทุกปี

เขาโขกหัวเมื่อคลานถึงก้าวที่สาม กราบเมื่อคลานถึงก้าวที่ห้า เขาทำจนกระทั่งผิวหนังกำพร้าบริเวณหัวเข่าถลอกปอกเปิกมีเลือดซึม แม้แต่ตรงหน้าผากก็มีเลือดไหลอาบ…

เขาทำมันเพียงเพื่อจะไปให้ถึงสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดเพื่ออธิษฐานต่อพระพุทธเจ้า ใช้อายุขัยและและสุขภาพของตัวเอง เพื่อแลกกับการขอให้หญิงสาวปลอดภัยและมีความสุขตลอดชั่วชีวิตของเธอ

เขาคิดว่านี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำเพื่อเธอได้

วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า

ตลอดทศวรรษ

เขาคิดว่าพระพุทธเจ้าได้รับคำร้องขอของเขาแล้ว

แต่เธอกลับมาตายแบบนี้ได้อย่างไร?

เขาเกลียดตัวเองมาก มันเป็นเขาที่ควรตายก่อน!

ถ้าไม่มีเธอ โลกของเขาก็คงมีแต่ความมืดมิด

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท