บทที่ 81 ทดสอบเตียงว่าแข็งแรงหรือไม่
บทที่ 81 ทดสอบเตียงว่าแข็งแรงหรือไม่
เพื่อนบ้านบางคนถึงกับถามย้ำอย่างลืมตัว “อะไรนะ… เลขาธิการอะไร?”
คนข้าง ๆ ตบไหล่เขาอย่างแรง “คุณโง่หรือไง คนเขาก็บอกอยู่ว่าถูกส่งมาจากนายกเทศมนตรี เห็นชัด ๆ อยู่แล้วว่าเสิ่นอี้โจวรับตำแหน่งเป็นเลขาธิการของศาลากลาง!”
ทุกคนนิ่งอึ้งเพราะความตกใจไปครู่หนึ่ง จากนั้นพวกเขาก็เริ่มยกย่องเสิ่นอี้โจว
แม้แต่เซี่ยชิงหยวนก็ยังได้รับการยกย่องจากคนรอบข้างว่าเป็นคุณนายผู้สูงส่ง
และบรรดาผู้ที่เคยพูดจาให้ร้ายเซี่ยชิงหยวนมาก่อน ตอนนี้หน้าของพวกเขาหดเหลือสามนิ้วด้วยความอับอายและเสียใจ
การพูดให้ร้ายเซี่ยชิงหยวนเป็นเพียงเรื่องตลกเรื่องหนึ่งชัด ๆ
ไม่เห็นเหรอว่าเสิ่นอี้โจวรักภรรยาของเขามากขนาดไหน?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาได้ยินชายหนุ่มพูดว่า “ไม่ว่าในอนาคตคุณคิดจะทำอะไร ตราบใดที่ผมสามารถช่วยได้ ผมจะไม่หลบเลี่ยงมันเด็ดขาด”
พวกเขารู้สึกรำคาญมากจนตบต้นขาตัวเอง!
เสียใจจริง ๆ!
จากนั้นท่ามกลางการอำลาของทุกคน เซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้โจวก็เดินทางออกจากสถาบันวิจัยทางธรณีวิทยาด้วยรถกระบะ และไปที่เขตที่พักของครอบครัวเจ้าหน้าที่ศาลากลาง
เขตที่พักนี้แตกต่างจากบ้านของสถาบันวิจัยที่สร้างขึ้นรอบภูเขา เพราะมันถูกสร้างขึ้นที่เชิงเขา ในขณะที่ศาลากลางตั้งอยู่อีกที่หนึ่ง
บริเวณโดยรอบเขตที่พักครอบครัวมีเนินเขาเขียวขจีและแม่น้ำใสสะอาดล้อมรอบ สภาพแวดล้อมของที่นี่ดีจริง ๆ
บ้านพักเจ้าหน้าที่ถูกสร้างเรียงเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบตามระดับตำแหน่ง บ้านพักด้านหน้าจะเป็นบ้านที่มีห้องนั่งเล่นหนึ่งห้อง และห้องนอนหนึ่งห้อง
บ้านพักแถวถัดมาจะเป็นบ้านที่มีหนึ่งห้องนั่งเล่นและห้องนอนสองห้อง ส่วนบ้านพักแถวสุดท้ายจะเป็นบ้านที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ซึ่งจะมีห้องนั่งเล่นหนึ่งห้องและห้องนอนสามห้อง
บ้านพักหลังใหญ่ที่สุดที่มีสามห้องนอนไม่เพียงมีลานแยกต่างหาก แต่ยังมีห้องครัวและห้องน้ำในตัวบ้านด้วย
บ้านของเซี่ยชิงหยวนอยู่แถวหลังสุดซึ่งเป็นแปลนบ้านที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีสามห้องนอน
ทันทีที่รถของเสี่ยวหลิวหยุดลง ชายสองคนก็เดินเข้ามาจากทางด้านข้าง ทักทายเลขาธิการเสิ่นกับภรรยาอย่างกระตือรือร้น และช่วยย้ายของอย่างรวดเร็ว
หนึ่งในนั้นกล่าวว่า “เลขาธิการเสิ่น คุณนายเสิ่น ทุกอย่างในบ้านถูกติดตั้งใหม่ทั้งหมด เมื่อวานเพิ่งได้ทำความสะอาดไป วันนี้พวกคุณสามารถย้ายเข้าไปอยู่ได้เลย แต่ถ้ามีอะไรที่ต้องการเพิ่มเติม ให้แจ้งกับเราได้ทันทีนะครับ”
เสิ่นอี้โจวกวาดมองการตกแต่งอย่างประณีตภายในบ้าน รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนมุมปาก “ไม่ต้องหรอกครับ แค่นี้เราก็พอใจแล้ว”
ชายหนุ่มพยักหน้าให้พวกเขาเล็กน้อย “ขอบคุณที่ทำงานหนักนะครับ”
ทั้งสามโบกมืออย่างมีความสุข “ไม่เลยครับ ไม่เลย งานนี้ไม่ได้หนักหนาอะไรสำหรับเราเลย!”
จากนั้นทั้งสามคนก็บอกลาและจากไปอย่างรวดเร็ว
เซี่ยชิงหยวนมองหม้อกับกระทะที่เธอวางไว้ในครัว ดูยังไงมันก็ไม่เข้ากับสไตล์การตกแต่งบ้านเลยสักนิด หญิงสาวพูดขึ้นว่า “ถ้าฉันยังคงขายสลัดเย็นในอนาคต คุณจะรู้สึกเสียหน้าไหม?”
ถึงอย่างไร ตอนนี้เธอก็เป็นภรรยาของเลขาธิการประจำศาลากลางแล้ว ถ้าเธอขี่สามล้อทั้งวันมันอาจทำให้เสิ่นอี้โจวรู้สึกอับอายหรือเปล่า?
เมื่อได้ยินแบบนี้ ชายหนุ่มก็ยกยิ้ม
เขากอดเธอไว้ “ต่อให้คุณออกไปเก็บขยะขายทุกวัน ผมก็ไม่อายหรอก”
เซี่ยชิงหยวนขำ “ฉันไม่ออกไปเก็บขยะขายหรอกนะ!”
ผ้าขาดรุ่งริ่งในเวลานี้นั้นไร้ค่า แต่ถ้าคุณดัดแปลงมันได้ในอนาคต คุณก็จะยังสามารถต่อยอดมันได้
หญิงสาวดึงเสิ่นอี้โจวให้เดินตามเธอไป “มาดูบ้านใหม่ของเรากัน!”
พวกเขาเพิ่งมาถึงและง่วนอยู่กับการย้ายข้าวของ ดังนั้นจึงยังไม่มีเวลาดูบ้านทั้งหลังอย่างละเอียด
เมื่อไปทางห้องนั่งเล่น ก็พบว่าบ้านทั้งหลังเป็นสไตล์ยุโรป โทนสีอ่อน ๆ มันทั้งหรูหราและเรียบง่าย
โชคดีที่ขนาดของบ้านค่อนข้างใหญ่ ไม่อย่างนั้น เฟอร์นิเจอร์ที่ใหญ่โตดูราคาแพงพวกนั้นจะยิ่งทำให้บ้านดูคับแคบ นอกจากนี้ยังมีห้องรับประทานอาหารและห้องนอนสามห้อง ห้องนอนแบ่งออกเป็นหนึ่งห้องนอนใหญ่ และสองห้องนอนเล็ก มีห้องทำงาน ห้องครัวและห้องน้ำแยกเป็นสัดส่วนที่ติดกับตัวบ้านมีประตูเชื่อมต่อถึงกัน
เรียกได้ว่าผังบ้านทั้งหลังคล้ายกับบ้านจัดสรรในยุคหลังมาก
โชคดีที่พวกเขาอยู่ในเมืองเตียนเฉิงที่ห่างไกล ถ้าเอาที่พักแบบนี้ไปตั้งในที่ดินทางใต้ มันจะเกิดปัญหาขาดแคลนที่ดินทันที
ในที่สุดเซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้โจวก็มาถึงห้องนอนใหญ่ เธอมองไปที่เตียงสไตล์ยุโรปขนาดหนึ่งจุดแปดเมตรและยิ้มให้เสิ่นอี้โจว “เตียงนี้ใหญ่พอ ดังนั้นคุณไม่ต้องกังวลว่าจะกลิ้งตกอีกแล้วนะคะ”
คืนนั้นที่ทั้งสองแนบชิดกันถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาตกจากเตียง ทั้งสองคนน่าจะ…ไปแล้ว…
แก้มของเสิ่นอี้โจวแดงระเรื่อ ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างอึดอัดใจ “ใช่”
ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อเห็นเสิ่นอี้โจวแสดงออกแบบนี้ มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ได้
เหมือนได้เห็นยอดภูเขาน้ำแข็งที่ละลายในรอบหลายพันปี
หญิงสาวแสร้งทำเป็นทิ้งตัวเข้าไปในอ้อมแขนแกร่งและพูดด้วยรอยยิ้ม “มาลองกันดูไหมว่าเตียงแน่นแค่ไหน”
เสิ่นอี้โจวตกใจ จนกล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างกายของเขาเกร็งขึง
เขาหันหน้าหนีและลดระดับเสียง “ประตูยังไม่ได้ปิดเลย”
เขาหยุดพูดชั่วครู่ “อีกอย่าง ผ้าม่านก็ยังไม่ได้ติดเลยนะ”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนเห็นว่าเขากำลังจะพลีชีพอย่างกล้าหาญ หญิงสาวอดกลั้นไม่ไหวจึงหลุด “อุบ” และหัวเราะออกมา
“นี่คุณกำลังคิดอะไรอยู่”
เธอนั่งบนเตียง ยกบั้นท้ายขึ้นแล้วกดหนัก ๆ อีกครั้ง “เราแค่ลองแบบนี้ก็ได้ไม่ไช่หรือ”
จากนั้นหญิงสาวก็ลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ประดับอยู่บนใบหน้า “หรือคุณกำลังคิดเรื่องหลากสีสันในหัวทั้งวันคะเนี่ย?”
เธอหยิบผ้าม่านที่เย็บเองตอนที่อยู่บ้านพักของสถาบันวิจัยขึ้นมา “มาช่วยฉันดูหน่อยว่าขนาดของผ้าม่านพอดีกับหน้าต่างหรือเปล่า”
ช่วงนี้เธอกำลังกังวลเกี่ยวกับร่างกายของเสิ่นอี้โจว และเพราะมีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ดังนั้นเธอจึงคิดจะแกล้งเขาให้น้อยลงหน่อย
และเหตุผลหลักอีกอย่างคือเตียงนี้สวยเกินไปจนแทบอดใจไม่ไหวที่จะลงไปนอนกลิ้ง
ทว่าสิ่งนี้กลับทำให้ใบหน้าของเสิ่นอี้โจวมืดมน
เขาหายใจเข้าลึกแล้วตอบว่า “ก็ได้”
เซี่ยชิงหยวนซึ่งหันหลังให้ชายหนุ่มกำลังชี้ไปที่ผ้าม่าน แต่จู่ ๆ เธอก็รู้สึกเย็นยะเยือกที่แผ่นหลังด้วยเหตุผลบางอย่าง
เธอมองกลับไปหาเสิ่นอี้โจว
ทว่าสีหน้าของเขาก็ยังคงสงบราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่คิ้วของผู้เป็นภรรยาขมวดเข้าหากันแล้ว
ทั้งที่ไม่มีอะไร แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าเสิ่นอี้โจวทำตัวแปลกไปนะ
ต่อมาเธอก็ตระหนักว่า อันที่จริง ผู้ชายก็เก็บความแค้นเป็นเหมือนกัน แถมยังแค้นฝังหุ่นซะด้วย
ทั้งสองแขวนผ้าม่านและรับประทานอาหารกลางวันอย่างง่ายด้วยกัน
จากนั้นเสิ่นอี้โจวก็แยกไปที่ห้องทำงานหรือก็คือห้องหนังสือในบ้านนั่นเอง
เมื่อมองไปที่เอกสารกองโตบนโต๊ะ เซี่ยชิงหยวนก็ถอนหายใจแล้วออกไปขึ้นรถสามล้อของเธอ
ก่อนย้ายบ้าน เธอบอกที่อยู่ของบ้านใหม่ของตัวเองให้อาเซียงรับรู้แล้ว
อาเซียงบอกว่ามันอยู่ใกล้กับแปลงผักของครอบครัวเธอมาก แต่อยู่คนละทางกับตลาดก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ที่นี่ก็มีตลาดที่ใหญ่กว่าที่เซี่ยชิงหยวนเคยซื้อ และครอบครัวของอาเซียงก็วางแผนที่จะให้น้องชายมาขายผักที่นี่
เมื่อหญิงสาวขี่รถสามล้อไปถึงป้อมยามที่ประตูใหญ่ของเขตที่พักเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ตรวจสอบเธอเป็นพิเศษ
ตรวจสอบตั้งแต่คนตลอดจนรถสามล้อคันเล็กของเธอ
หลังจากยืนยันว่าเธอเป็นภรรยาของเลขาธิการที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่ เขาก็ปล่อยให้เธอผ่านไป
เซี่ยชิงหยวนปลอบใจตัวเองและพูดว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ฉันก็แค่ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปเท่านั้น”
คำถามก่อนหน้านี้ที่ถามเสิ่นอี้โจวว่า เธอจะทำให้เขาอายหรือเปล่าไม่ใช่การล้อเล่น
เธอไม่ได้ดูถูกคนที่หาเงินด้วยตัวเอง
แต่ในเวลานี้ยังเป็นช่วงการปฏิรูปและเปิดประเทศในระยะสองสามปีแรก ดังนั้นประชาชนจึงยังมีมุมมองเกี่ยวกับผู้ประกอบการอิสระที่ค่อนข้างหลากหลายอยู่
หากเกิดผลกระทบที่ไม่ดีต่อเสิ่นอี้โจว มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการจะเห็นเช่นกัน
เซี่ยชิงหยวนสูดหายใจเข้า จากนั้นก็คิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง
หญิงสาวผ่านโลกมามาก เธอจึงไม่อาจใช้ชีวิตตามใจได้เพราะสายตาคนอื่นงั้นเหรอ?
ไม่ว่าคนอื่นจะคิดยังไง เธอจะปล่อยผ่านมันซะ!
เพื่อทำให้ตัวเองเลิกคิดถึงเรื่องกวนใจเหล่านี้ เซี่ยชิงหยวนจึงถีบรถสามล้อเร็วขึ้น
เธอถามทางจากผู้คนตลอดทาง ก็มาถึงตลาดขายผักที่อาเซียงพูดถึง
ต้องบอกว่าตลาดขายผักนี้มีขนาดใหญ่กว่าตลาดที่อยู่บริเวณตีนเขาของสถาบันวิจัยทางธรณีวิทยามากจริง ๆ
ไม่เพียงแค่นั้น ความหลากหลายของสินค้าก็มีจำนวนมากกว่า และการสัญจรไปมาของผู้คนก็มากกว่าอย่างเทียบไม่ได้กับที่นั่น
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกราวกับเห็นเหรียญทองที่แวววาวกำลังโบกมือให้เธอ!
“ชิงหยวน?” ทันใดนั้นเสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
หญิงสาวหันกลับไปและเห็นว่าคนที่เรียกคือเจียงเพ่ยหลานที่เธอไม่ได้เห็นอีกฝ่ายมาสักพักหนึ่งแล้ว!
เจียงเพ่ยหลานดูผอมกว่าตอนที่อยู่ที่สถาบันวิจัยมาก
เซี่ยชิงหยวนลงจากรถสามล้อด้วยความประหลาดใจ “เพ่ยหลาน ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่?”
เจียงเพ่ยหลานก็มีความสุขมากเช่นกันที่ได้พบเซี่ยชิงหยวน เธอพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ฉันพักอยู่ที่บ้านพี่ชาย บ้านของเขาก็อยู่ใกล้ ๆ นี่เอง”
เธอมองไปยังรถสามล้อของอีกฝ่่าย ยิ้มและพูดว่า “เธอวางแผนจะมาที่นี่เพื่อทำธุรกิจใช่ไหม”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าก่อนจะส่ายหัว “เสิ่นอี้โจวถูกย้ายมาทำงานที่นี่แล้ว บ้านของฉันก็อยู่ใกล้ ๆ เหมือนกัน วันนี้ฉันเลยมาที่นี่เพื่อสำรวจสถานที่ขายของน่ะ”
จากนั้นเธอถามเจียงเพ่ยหลานกลับ “แล้วตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง? การหย่าร้างเป็นไปด้วยดีหรือเปล่า”
สีหน้าของเจียงเพ่ยหลานมืดมนลง “ฉันหย่ากับเขาแล้ว สิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกเป็นของฉัน แต่เงื่อนไขในการหย่าก็คือฉันต้องจากไปแต่ตัว และไม่เอาของในบ้านออกไปแม้แต่ชิ้นเดียว”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกอยากจะดุอีกฝ่ายเสียหน่อย
แต่เธอกลัวว่าจะทำให้เจียงเพ่ยหลานเสียใจ เธอจึงยั้งปากของตนไว้
เธอตบไหล่และปลอบเจียงเพ่ยหลาน “ออกจากบ้านหลังนั้นโดยไม่สามารถเอาอะไรติดตัวออกมาได้เลย ก็ยังดีกว่าถูกทรมานในบ้านของพวกเขาต่อไป”
เจียงเพ่ยหลานพยักหน้า “ไม่ว่าหลังจากนี้จะหนักหนาแค่ไหนฉันจะผ่านมันไปให้ได้ และชีวิตที่เหลือของฉันนับจากนี้ก็จะถือว่าไม่มีอะไรติดค้างกับพวกเขาอีก”
เมื่อพูดจบ ใบหน้าซีดเซียวของเธอก็เผยให้เห็นถึงความหวังในอนาคต
อันที่จริง เธออายุเพียงแค่ยี่สิบหกย่างเข้ายี่สิบเจ็ดปีเท่านั้น แต่เพราะไม่ได้ใช้ชีวิตที่ดีในตระกูลหลิน กอปรกับไม่ได้รับการพักฟื้นที่ดีหลังจากแท้งลูกทั้งสองครั้ง ดังนั้นย่อมไม่ต้องกล่าวถึงสาเหตุของสุขภาพเลย รูปลักษณ์ของเธอในตอนนี้ไม่ต่างกับคนอายุสามสิบด้วยซ้ำ
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ใช่ เธอต้องเชื่อว่าโชคของเธอยังมาไม่ถึง”
เมื่อเห็นว่าเจียงเพ่ยหลานแต่งตัวค่อนข้างเป็นทางการในวันนี้ เซี่ยชิงหยวนจึงถาม “เธอจะไปไหนเหรอ”
เจียงเพ่ยหลานจัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเองอย่างเขินอาย มองไปที่เสื้อผ้าของเซี่ยชิงหยวนแล้วพูดว่า “ตอนนี้ฉันมีแค่งานรับจ้างล้างจานให้ร้านอาหารในตอนเที่ยง ฉันก็เลยต้องหางานเสริมอื่นทำเพิ่มน่ะ”
เมื่อได้ยิน เซี่ยชิงหยวนก็หัวเราะ “อันที่จริง ฉันมีงานให้ทำอยู่ แต่ไม่รู้ว่าเธอจะสนใจไหม”