กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 107 เขาสูญเสียเธอไป

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 107 เขาสูญเสียเธอไป

บทที่ 107 เขาสูญเสียเธอไป

ชุดคำถามที่เซี่ยชิงหยวนเอ่ยถามทำเอาเซี่ยจิ่งเฉินชะงักงัน

แววตาของเธอไร้สี และจ้องมองเขาอย่างเงียบงัน

เซี่ยจิ่งเฉินรู้สึกถึงความแปลกประหลาดที่เซี่ยชิงหยวนส่งมาให้ ตอนที่เขายืนอยู่หน้าประตูเมื่อครู่

ทั้งที่คนตรงหน้าคือน้องสาวของเขาแท้ ๆ แต่กลับดูไม่เหมือนน้องสาวของเขาสักนิด

เขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวคำ “ก็…พวกเราเป็นญาติกัน เพราะงั้นก็ควรจะช่วยเหลือเท่าที่เธอช่วยได้”

เซี่ยชิงหยวนรู้สึกหมดคำพูดอยู่ครู่ใหญ่

แต่พี่น้อง…

เซี่ยจิ่งเฉินรู้สึกว่าความรู้สึกแปลก ๆ ที่เขาสัมผัสได้จากเซี่ยชิงหยวนตอนที่อยู่หน้าประตูใหญ่ในตอนนี้กลับมาอีกครั้ง

คนที่อยู่ตรงหน้าเขาเห็นได้ชัดว่ารูปลักษณ์เป็นน้องสาวของเขา แต่ทำไมเขากลับรู้สึกเหมือนว่าเธอไม่ใช่น้องสาวของเขาเลยล่ะ

เมื่อได้รับแรงกระตุ้นชายหนุ่มก็หลั่งเหงื่อเย็นออกมา

ทว่าเมื่อเซี่ยชิงหยวนคาดเดาได้แล้วในตอนนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดมันอีกต่อไป

เขายิ้มด้วยความกระอักกระอ่วน “คือ…อวี้เอ๋อโทรหาพี่สะใภ้ของน้องเมื่อวานและร้องไห้หนักมาก พี่สะใภ้รองก็เลยเล่นงานพี่เมื่อเช้านี้…ดังนั้นพอเห็นว่ามีงานส่งสินค้าแถวนี้พอดีพี่ก็เลยแวะมาคุย…”

เซี่ยชิงหยวนตอบ “อ้อ”

จากนั้นเธอก็เดินต่อไป “พี่รอง วันนี้พี่มาหาฉันเพื่อมาขอความเมตตาแทนน้องของพี่สะใภ้ใช่ไหม?”

เนื่องจากได้พูดไปแล้ว เซี่ยจิ่งเฉินจึงเปิดประเด็น “ตอนแรกพี่ก็ไม่อยากมาหรอก แต่เธอก็น่าจะรู้นิสัยใจคอของพี่สะใภ้รองของเธอดี ถ้าพี่ไม่จัดการเรื่องนี้ พี่กลับบ้านไปคงมีปัญหาไม่หยุด”

เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “พี่รอง พี่เคยเป็นคนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินมาก่อนไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมตอนนี้พี่ถึงถูกพี่สะใภ้รองข่มเหงจนเป็นแบบนี้ได้กัน?”

เมื่อตอนเด็ก ๆ เซี่ยจิ่งเฉินชอบเล่นอะไรแผลง ๆ มากมายอย่างไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น

คนประเภทเดียวกันมักเจอกัน และในที่สุดเขาก็ได้พบกับจางอวี้เจียว

เดิมทีเขาแค่ต้องการจะเล่นสนุกสักพัก แต่สุดท้ายมันกลับทำให้เขายุ่งยากซะเอง

ครอบครัวของจางอวี้เจียวพาเขากลับไปที่หมู่บ้านซิ่งฮวาโดยบอกว่าเขาต้องรับผิดชอบ

ไม่สิ นั่นคือผลที่ตามมาต่างหาก

ใบหน้าของเซี่ยจิ่งเฉินบิดเบี้ยวทันที “นั่น…อย่าพูดถึงชายที่เคยกล้าหาญในอดีตจะได้ไหม”

เขาจ้องมองเซี่ยชิงหยวน “ชิงหยวน ในฐานะที่เราเป็นพี่น้องกัน เธอช่วยทำบางอย่างให้กับพี่รองได้ไหม?”

เซี่ยชิงหยวหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “พี่ต้องการให้ฉันช่วยอะไรล่ะคะ”

เมื่อเซี่ยจิ่งเฉินได้ยินเช่นนี้ เขาก็คิดว่าตนเริ่มมีความหวัง

เขาพูดอย่างรวดเร็วว่า “เธอช่วยคุยกับสามีให้ทีว่า หลังจากนี้ขอให้เขาช่วยใช้เส้นสายย้ายอวี้เอ๋อไปทำงานในแผนกอื่น ไม่จำเป็นต้องเป็นตำแหน่งที่สำคัญมากเพียงแค่หาหัวหน้าสำนักงานเล็ก ๆ ก็พอ”

เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเพราะความโกรธ เมื่อได้ยินคำขอที่ไร้สาระนี้

ตอนที่เขาเดินมาถึงประตูบ้าน เซี่ยชิงหยวนแทบไม่อยากจะให้เขาเข้ามาด้วยซ้ำ

หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึก ๆ ระงับความหดหู่ในใจ หยิบกุญแจออกมาแล้วเปิดประตูบ้าน

จากนั้นเธอก็พูดอย่างแผ่วเบาว่า “เข้าบ้านก่อนเถอะ”

เซี่ยจิ่งเฉินมองไปที่บ้านและการตกแต่งภายใน และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ชิงหยวน บ้านของเธอนี่ดีจริง ๆ!”

เขาเดินเข้าไปแตะโซฟาแล้วอุทาน “ดูโซฟาตัวนี้สิ มันทำจากหนังแท้จริง ๆ ด้วย”

เซี่ยชิงหยวนรินน้ำใส่แก้วแล้วยื่นให้เขา “ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นหนังแท้หรือเทียม ฉันรู้แค่ว่าพี่มันคนสมองไม่ปกติ”

เซี่ยจิ่งเฉิน “…”

เขายกแก้วน้ำขึ้นจิบ “นี่ เธอพูดแบบนี้กับพี่รองของเธอได้ยังไง”

เขาถือแก้วน้ำเดินไปรอบ ๆ บ้านแล้วพูดว่า “พี่ขอถามตรง ๆ หน่อยได้ไหม ทำไมจู่ ๆ สามีของเธอถึงย้ายออกจากสถาบันวิจัยมาที่นี่ นอกจากนี้ยังได้รับตำแหน่งที่สูงขนาดนี้ด้วย”

เซี่ยชิงหยวนไม่เคยถามเสิ่นอี้โจวเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจังเลย

คนทั้งสองดูจะเคยชินกับการอยู่ด้วยกันแบบก่อนหน้านี้ไปแล้ว

ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองและไม่มีใครถามเรื่องของใคร

เธอส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

แต่เซี่ยจิ่งเฉินคิดเพียงว่า อีกฝ่ายปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเขา

แต่ชายหนุ่มก็ไม่ถามอะไรอีก

ไม่ว่าเสิ่นอี้โจวจะกลายเป็นเลขาธิการได้อย่างไร ตราบใดที่เป็นข้าราชการมันก็สามารถนำความสะดวกสบายมาสู่ครอบครัวของเขาได้ นั่นก็เพียงพอแล้ว

ดังนั้นเขาจึงกล่าวถึงประเด็นนี้ต่อ “ชิงหยวน เธอคิดยังไงกับเรื่องที่พี่พูดไปเมื่อกี้”

เซี่ยชิงหยวนนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับเขา “ไม่จำเป็นต้องคิดให้มากเลย”

เธอปรือตามองเซี่ยจิ่งเฉิน “ตอนนี้เราอย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องที่อี้โจวได้เลื่อนตำแหน่งเลยค่ะ แต่ไม่ทราบว่าจางอวี้เอ๋อมีคุณสมบัติหรือความสามารถอะไรที่เหมาะสมกับทำงานที่จะได้รับงั้นเหรอคะ คนแบบนั้นควรจะเป็นหัวหน้างานในแผนกอย่างนั้นหรือคะ?”

เซี่ยจิ่งเฉินถึงกับพูดไม่ออกกับคำถามที่เซี่ยชิงหยวนโยนมา

เขาตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “พวกเราล้วนแต่เป็นญาติกันทั้งนั้น เธอช่วยเด็กคนนั้นหน่อยไม่ได้เหรอ”

เซี่ยชิงหยวนหมดคำจะพูดกับพี่ชายของตัวเอง

แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พี่น้องได้พบกันหลังจากไม่ได้เจอกันมานาน เธอไม่อยากทำอะไรให้มันดูน่าเกลียดจนเกินไป

แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเซี่ยจิ่งเฉินจะไม่ดีเท่าของเซี่ยจิงเยว่ แต่เขาก็ยังเป็นพี่รองของเธอ

ในใจของเซี่ยงชิงหยวนจดจำรูปลักษณ์ที่ร่าเริงของเขาได้เสมอ

เธอถอนหายใจ “พี่รอง พี่คิดว่ามีดวงตากี่คู่ที่กำลังจ้องมองมาที่อี้โจวตอนนี้ เพราะเขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเหรอ? ถ้าเขาทำตามคำขอของพี่ คนอื่น ๆ จะมองเขายังไง? ศาลากลางแห่งนี้มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะในแง่ความอาวุโสหรือความสามารถก็ตาม มีตั้งอีกกี่คนที่ดีกว่าจางอวี้เอ๋อ ถ้าอี้โจวผลักดันเธอไปสู่ตำแหน่งนั้นด้วยเส้นสายของเขา จางอวี้เอ๋อจะรั้งอยู่ในตำแหน่งได้นานเท่าไหร่กัน?”

หลังจากได้ยินเซี่ยชิงหยวนพูดประโยคนี้ เซี่ยจิ่งเฉินก็อึ้งไปเพราะเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย

แต่เมื่อเขานึกถึงเรื่องที่จางอวี้เจียวทะเลาะกับเขา หากคราวนี้เขาไม่จัดการให้เรียบร้อย เขาก็รู้สึกหนักใจ

เขาพูดว่า “งั้นลดลงมาหน่อยก็ได้ แค่ส่งเธอไปที่สำนักงานในฐานะเสมียนธรรมดาได้ไหม? เราทุกคนเป็นญาติกันและไม่จำเป็นต้องทำสิ่งที่น่าเกลียดเกินไป เธอไม่คิดอย่างนั้นเหรอ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ยกยิ้มหยัน

เธอมองไปที่เซี่ยจิ่งเฉิน “พี่รอง จางอวี้เอ๋อไม่ได้เล่าให้ฟังเหรอว่าฉันกับอี้โจวปฏิบัติกับเธอยังไง ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เล่าให้พี่ฟังเหรอว่า ‘สิ่งดี ๆ’ ที่เธอทำหลังจากมาถึงศาลากลางคืออะไร หรือพี่คิดว่าน้องสาวตัวเองแย่แบบนั้นจริง ๆ?”

เซี่ยจิ่งเฉินรู้สึกละอายใจกับคำพูดของเซี่ยชิงหยวน

แน่นอนว่าเขาย่อมได้ยินจางอวี้เจียวเล่าเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของเซี่ยชิงหยวนครั้งล่าสุดเมื่อเขากลับบ้าน

บางครั้งเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะบอกว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า

บางครั้งเขาแค่หวังว่าทุกครั้งที่กลับถึงบ้านจะได้กินซุปร้อน ๆ และมีผ้าห่มอุ่น ๆ ให้นอน

ส่วนที่เหลือเขาไม่อยากจะคิดเกี่ยวกับเรื่องอะไรเท่าไหร่

เขาครุ่นคิดก่อนจะพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้แล้วก็ เธอช่วยยกโทษให้อวี้เอ๋อเพื่อเห็นแก่พี่รองเถอะนะ อวี้เอ๋อนิสัยเสียตั้งแต่ยังเด็ก แต่จริง ๆ แล้วจิตใจของเธอก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ถ้ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นอีกหลังจากนี้พี่จะบอกให้อวี้เอ๋อยอมรับความผิดพลาดทันที คราวนี้ช่วยปล่อนผ่านเรื่องนี้ ไม่ต้องถือสากับมันอีก จากนี้ไปเราจะยังเป็นครอบครัวเดียวกันถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือ บางทีในอนาคตอวี้เอ๋ออาจจะช่วยเธอได้บ้างไม่ใช่เหรอ”

คำพูดของเซี่ยจิ่งเฉินนั้นฟังดูจะยุติธรรม แต่จริง ๆ แล้วกำลังตำหนิเธออ้อม ๆ

เมื่อเผชิญกับวิธีคดโกงแบบนี้ มันก็ทำให้ความอดทนสุดท้ายของเซี่ยชิงหยวนหมดลง

เธอมองเซี่ยจิ่งเฉินและพูดว่า “พี่รอง ฉันอยากถามพี่จริง ๆ จางอวี้เอ๋อเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของพี่หรือฉันเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของพี่กันแน่?”

“ตั้งแต่ฉันมาอยู่ที่นี่พี่เคยสนใจฉันไหม?” เธอยังคงมีสีหน้าสงบขณะกล่าว “ถ้าพี่ต้องการมาระลึกถึงความเป็นพี่เป็นน้อง ฉันยินดีมาก แต่ถ้าหากพี่ยังต้องการพูดถึงจางอวี้เอ๋อ โปรดยกโทษให้ฉันที่ไม่สามารถรับฟัง และยินยอมตามที่พี่ขอมาได้”

เมื่ออีกฝ่ายพูดแบบนี้ เซี่ยจิ่งเฉินก็เริ่มอารมณ์เสียขึ้นมา คิ้วหนาของเขาขมวดมุ่น “ชิงหยวน พอเธอได้เป็นภรรยาของข้าราชการระดับสูงแล้วเธอกลายเป็นแบบนี้เลยงั้นเหรอ ลืมแล้วเหรอว่าตอนที่อยู่บ้านเธอไม่เคยพูดกับฉันแบบนี้!”

เซี่ยชิงหยวนหัวเราะเยาะ “ใช่! เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านฉันถูกกดขี่ไปทั่วทุกที่ ฉันจะไปมีความสุขอย่างทุกวันนี้ได้ยังไง?”

สายตาที่มองไปยังเซี่ยจิ่งเฉินส่องแสงเป็นประกาย “พี่รอง คนในครอบครัวของเราทั้งหมด คนที่มีสิทธิ์วิจารณ์ฉันน้อยที่สุดก็คือพี่”

เพื่อหาเงินเป็นสินสอดให้แก่จางอวี้เจียว หวังผิงถึงกับฉีกจดหมายตอบรับเข้ามหาวิทยาลัยของเซี่ยชิงหยวน และบังคับให้เธอทำงานนอกเวลา แต่เซี่ยจิ่งเฉินไม่ได้คัดค้านเลยสักคำ

แม้จะเห็นเซี่ยโยว่หมิงตบเธอเป็นครั้งแรกเพราะเหตุนี้ เขาก็แค่ก้มหน้าและนิ่งเงียบ

ในขณะที่เซี่ยจิ่งเยว่ ซึ่งเป็นพี่ชายคนโตและภรรยาของเขาเป็นคนที่พาเธอไปที่ห้องและปลอบประโลมอยู่ค่อนคืน

กงเหลียนซินผู้เป็นพี่สะใภ้ใหญ่ต้องมานั่งเช็ดน้ำตาให้เธอเพราะเหตุนี้เอง

แน่นอนเซี่ยจิ่งเฉินรู้ว่าเซี่ยชิงหยวนกำลังพูดถึงอะไร

ความไม่สบายใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

ในเวลานั้น เขารู้สึกเสียใจต่อเซี่ยชิงหยวนเหมือนกัน

ต่อมา เขาก็ได้ถามหวังผิงว่าเซี่ยชิงหยวนอยากไปทำงานจริง ๆ หรือเปล่า

ผู้เป็นแม่เพียงบอกให้เขาเตรียมตัวสำหรับการแต่งงานอย่างสบายใจ และไม่ต้องกังวลกับสิ่งอื่นอีก

อันที่จริง คนฉลาดอย่างเขาจะคาดเดาไม่ได้เชียวหรือ?

เขาแค่แสร้งทำเป็นสับสนกับความเข้าใจของตนเอง และปล่อยให้ความเห็นแก่ตัวเข้าครอบงำ

นี่คือเหตุการณ์หนึ่งที่ติดค้างในใจของเขามาตลอด

เขายืนขึ้นและพูดว่า “งั้นก็แค่นั้นแหละ ในเมื่อไม่อยากช่วย ฉันก็จะไม่บังคับ แต่ถ้ามีเวลาก็กลับไปดูที่บ้านบ้าง พ่อเหนื่อยมากแล้ว”

แล้วเขาก็หมุนตัวเตรียมจะจากไป

เมื่อเซี่ยชิงหยวนเห็นเขาปกป้องจางอวี้เอ๋อด้วยวิธีนั้น เธอก็รู้สึกโกรธชั่วขณะจึงพูดคำเหล่านั้นออกไป

แต่เมื่อเห็นรูปร่างผอมบางที่กำลังจะจากไปของเซี่ยจิ่งเฉิน เธอก็รู้สึกเศร้าใจขึ้นมา

นอกจากนี้เขายังกล่าวถึงเซี่ยโยว่หมิง

เมื่อนึกถึงสิ่งที่เซี่ยจิ่งเยว่พูดทางโทรศัพท์เมื่อวานนี้ เธอก็กังวลขึ้นมา

หญิงสาวยืนขึ้นและพูดว่า “อยู่กินข้าวที่บ้านด้วยกันก่อนเถอะ อี้โจวจะกลับมาตอนบ่าย พี่จะได้อยู่ทักทายเขาด้วย”

เธอไม่พอใจจางอวี้เจียวและรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นบังคับให้เซี่ยจิ่งเฉินซึ่งครั้งหนึ่งเคยเข้มแข็งมีชีวิตชีวากลายเป็นแบบนี้

อีกทั้งเธอยังไม่พอใจเซี่ยจิ่งเฉิน โดยโทษเขาอยู่ตลอดว่ามีสิ่งที่ดีที่สุดในครอบครัว แต่กลับไม่สามารถดูแลตัวเองได้

แต่ระหว่างพี่น้อง เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ จะตัดกระดูกและเส้นเอ็นออกไปได้ง่ายดายเช่นนั้นได้ยังไง

เซี่ยจิ่งเฉินโบกมือ “ไม่จำเป็นหรอก วันนี้พี่ต้องไปขนของตอนบ่าย”

เมื่อพูดจบ เขาก็ทำท่าจะเดินออกไป

ไม่ว่าตอนนี้เซี่ยจิ่งเฉินจะตกต่ำเพียงใด ความนับถือตนเองของเขาก็ยังทำให้เขารู้สึกว่าไม่อาจยอมถอยได้

หญิงสาวเป็นน้องสาวที่เชื่อฟังเขามากในอดีต แต่ตอนนี้เธอกลับกล้าโต้แย้งเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต่อให้ไม่อาจทำตามคำขอของจางอวี้เจียวได้ เขาก็จะจากไป

เซี่ยชิงหยวนลุกขึ้นและไล่ตามอีกฝ่าย

เธอจับแขนของเขา “พี่รอง พวกเราพี่ชายและน้องสาวไม่มีอะไรจะพูดกันเรื่องอื่นนอกจากเรื่องครอบครัวของพี่สะใภ้รองรึไงคะ หรืออย่างน้อย ๆ พี่ก็ควรจะพักกินข้าวก่อน”

เมื่อเซี่ยจิ่งเฉินได้ยินคำพูดนี้ของเซี่ยชิงหยวน สีหน้าของเขาก็ดูโล่งใจขึ้นมาบ้าง

เขาหยุดพูดไปชั่วขณะ “วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อจุดประสงค์นี้เป็นหลัก แล้วอีกเดี๋ยวฉันก็ต้องขนของในช่วงบ่ายถึงช่วงเย็น เธอก็อย่าคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ใช้ชีวิตกับอี้โจวให้ดี ผู้ชายคนนั้นเป็นคนดีมาก”

ว่าแล้ว เขาก็เดินจากไป

เมื่อเซี่ยจิ่งเฉินพูดแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนยิ่งไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายไป

เธอคว้าตัวเขาไว้ “พี่ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ! ไม่ว่ายังไง ก่อนจะออกไปต้องกินอาหารกลางวันก่อนเท่านั้น”

เธอลากเขาเข้ามาในบ้านอีกครั้ง “ไม่งั้นเมื่อถึงเวลาแม่จะต้องรู้ และเธอจะต้องตำหนิฉันแน่”

เซี่ยจิ่งเฉินรู้ว่าเซี่ยชิงหยวนกำลังพยายามรั้งเขาไว้เพราะเป็นห่วงตน

เขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาย่อมไม่บอกหวังผิงเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอน

จากนั้นเขายอมให้อีกฝ่ายลากกลับเข้าไปในบ้าน

เซี่ยชิงหยวนดึงเขาไปที่อีกห้องหนึ่งและพูดกับเขาว่า “พี่นอนที่นี่ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวฉันจะไปทำอาหารให้ พี่ต้องขับรถส่งของยันค่ำมืด พี่จะทำงานได้ยังไงถ้าพักผ่อนไม่พอน่ะ”

เซี่ยจิ่งเฉินตอบสนองโดยไม่รู้ตัว เขาต้องการจะปฏิเสธ “ฉัน…”

เซี่ยชิงหยวนขัดจังหวะเขา “ฉันอะไร? ดูสิว่าพี่ตาแดงขนาดไหน”

เธอพูดแล้วผลักเขาเข้าไปในห้องนอนแขก “ไปนอน!”

เธอปิดประตูทันที “ถ้านอนหลับไม่สนิท ก็อย่าออกมานะ”

เซี่ยจิ่งเฉินมองไปยังเตียงที่สะอาดและหนานุ่ม เขารู้สึกเป็นครั้งแรกว่าเขาช่างเป็นคนที่ไร้มนุษยธรรมจริง ๆ

มือใหญ่ของเขาลูบไล้หมอนที่ปักลายดอกโบตั๋นขนาดใหญ่ และมุมตาของเขาก็เป็นสีแดง

ที่จริงแล้ว น้องสาวของเขายังคงเป็นน้องสาวคนเดิม

แต่เป็นเขาเองที่สูญเสียเธอไปโดยไม่รู้ตัว

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท