กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 114 กล่องสมบัติ

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 114 กล่องสมบัติ

บทที่ 114 กล่องสมบัติ

“แต่…” เซี่ยชิงหยวนเริ่มกังวล “มันจะไม่เด่นเกินไปเหรอคะ ถ้าคุณจะแนะนำให้พี่ชายของฉันทั้งที่เพิ่งบรรจุได้ไม่นาน”

เซี่ยชิงหยวนเห็นภาพที่เสิ่นโจวกับคนอื่น ๆ จากศาลากลางปรากฏตัวพร้อมกันครั้งล่าสุด

ไม่มีใครมีอายุมากกว่าสี่สิบหรือห้าสิบปี

เสิ่นอี้โจวที่ยืนอยู่ในกลุ่มนั้นจึงโดดเด่นที่สุด

ถึงแม้เขาจะเล่าถึงการทำงานอย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมาด้วยคำพูดไม่กี่ประโยคเมื่อคืนนี้ แต่เธอก็รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาทุ่มเทความพยายามมากแค่ไหน

อาจกล่าวได้ว่าเหมือนเขากำลังเดินบนผืนน้ำแข็งบาง ๆ เพื่อไขว่คว้าตำแหน่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

ไม่ได้มีเพียงผู้คนในศาลากลางเท่านั้นที่จ้องมองมายังเขา ทว่าแม้แต่ผู้คนที่อยู่ระดับบนสุดก็กำลังจับตาดูการทำงานของเขาเช่นกัน

ยิ่งกว่านั้น จางอวี้เอ๋อก็เพิ่งสร้างปัญหาให้เสิ่นอี้โจวเมื่อไม่นานมานี้ การแนะนำใครสักคนในเวลานี้จะสะดุดตาเกินไป

เสิ่นอี้โจวยิ้มและแตะที่คาดผมของเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไรหรอก ทักษะการขับรถของพี่รองไม่เลว ผมเชื่อว่าเขามีความสามารถพอที่จะคู่ควรกับตำแหน่งงานนี้”

สิ่งที่กลัวที่สุดคือความสามารถไม่ตรงกับตำแหน่งงาน แต่โชคดีที่เซี่ยจิ่งเฉินมีความสามารถเพียงพอ

ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนเริ่มชื้นขึ้น

คำพูดนับพันดูจะลดลงเหลือเพียงประโยคเดียว

เธอสูดจมูกอย่างแรงก่อนจะพูดว่า “ขอบคุณนะอี้โจว”

เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “เราทุกคนล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณผมเลย”

รอยยิ้มของเซี่ยชิงหยวนค่อย ๆ แย้มออก “ฉันจะบอกพี่รองให้นะคะ”

เสิ่นอี้โจวพูดว่า “เขาขับรถไปทั่วแบบนั้นคุณหาเขาไม่เจอหรอก เดี๋ยวผมตามหาเขาเอง”

เขามีเรื่องที่อยากจะพูดคุยกับพี่รองของเซี่ยชิงหยวนอยู่พอดี

หลังจากชายหนุ่มไปทำงาน เซี่ยชิงหยวนก็เริ่มเตรียมของขายสำหรับในบ่ายวันนี้

คู่แข่งได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว หากคุณต้องการเอาชนะโดยไม่ลดราคาสินค้า คุณต้องทำอาหารที่แปลกใหม่กว่าคู่แข่ง

ขณะที่ยังเช้าอยู่ เธอต้องการนั่งรถไปที่บ้านของอาเซียงเพื่อดูว่าพวกเขามีผักอะไรอีกบ้าง

เมื่อไปถึงบ้านของอาเซียง เซี่ยชิงหยวนเห็นว่าเด็กสาวเพิ่งเก็บผักที่ล้างแล้วจากแปลงผักกลับมาบ้าน

อาเซียงประหลาดใจมากเมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวน “พี่เซี่ย ทำไมพี่มาถึงที่นี่เลยล่ะคะ?”

เซี่ยชิงหยวนยิ้มและพูดว่า “ฉันมาหาเพื่อดูว่าครอบครัวของเธอปลูกผักอะไรอีกบ้าง”

อาเซียงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติจากการกระทำนี้ของเซี่ยชิงหยวน เธอถามทันทีว่า “พี่เซี่ย เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหมคะ”

เซี่ยชิงหยวนไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังเรื่องที่เธอเจอคู่แข่งอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงเล่าให้เด็กสาวฟังกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้

อาเซียงโมโหทันที “พวกเขาทำเกินไปแล้ว!”

เซี่ยชิงหยวนปลอบเด็กสาว “ไม่มีกฎหมายห้ามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราไม่ใช่ร้านเดียวที่มีสิทธิ์ขายสล็ดเย็น”

อาเซียงถามกลับ “ตอนนี้พี่วางแผนจะทำอาหารแบบใหม่ใช่ไหม”

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ใช่”

การค้าขายไม่ใช่การทำสิ่งใหม่ออกมาเรื่อย ๆ หรอกเหรอ?

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อาเซียงก็ยิ้ม “แม่ของฉันก็ทำกับอาหารจานเย็นได้หลายอย่างมาก ถ้าพี่สาวไม่รังเกียจ ฉันจะให้แม่ของฉันสอนให้ทีหลัง”

ผู้คนในมณฑลอวิ๋นนิยมทานสลัดเย็น ซึ่งเริ่มแรกนั้นสืบทอดมาจากชาวไต โดยเฉพาะชาวไตยังทำเนื้อดิบและอื่น ๆ อีกด้วย

อาเซียงดึงเซี่ยชิงหยวนเข้าหา “ไปกันเถอะ แม่ของฉันกับอาจ้วงกำลังเก็บผักอยู่”

เซี่ยชิงหยวนสั่งผักแปดสิบจินในวันนี้ และอาเซียงเพิ่งเก็บผักมาได้สามสิบจินส่วนคนอื่น ๆ ก็กำลังเก็บเพิ่มอยู่

หากเซี่ยชิงหยวนต้องการอย่างอื่นก็จะยังมีเวลาให้เลือกได้อีก

ดังนั้นเซี่ยชิงหยวนกับอาเซียงจึงเริ่มออกวิ่ง

พวกเขาวิ่งผ่านหมู่บ้านและมาถึงภูเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งได้ยินเสียงน้ำไหลดังออกมา

อาเซียงชี้ลงไป “แม่ของฉันกับอาจ้วงอยู่ด้านล่างนั่น”

เซี่ยชิงหยวนมองไปตามทิศทางที่อาเซียงชี้ มันมีทุ่งผักสีเขียวชอุ่มอยู่ใต้ไหล่เขา นอกจากผักแล้ว ยังมีต้นมะละกอและไม้ผลอีกมากมายที่เธอไม่รู้จัก

อีกทั้งที่ริมแปลงผักยังมีบ่อปลาขนาดเล็กอีก

อาเซียงกล่าวว่า “ที่ดินด้านล่างเป็นของครอบครัวเรา ส่วนอีกด้านหนึ่งของภูเขามีผักและผลไม้อยู่บ้าง”

เซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าสวนผักของครอบครัวอาเซียงเป็นเหมือนกับหีบสมบัติเลย!

เธอเดินตามอาเซียงลงมาตามไหล่เขา

อาจ้วงกับย่าของพวกเขาทักทายเธอด้วยรอยยิ้ม และพวกเขาย่อมประหลาดใจมากที่เห็นเซี่ยชิงหยวนมาที่นี่

อาเซียงสื่อสารกับพวกเขาด้วยภาษาไต เพื่ออธิบายความตั้งใจของเซี่ยชิงหยวน

อาเซียงกล่าวว่า “พี่เซี่ย ฉันจะให้คุณดูผักของครอบครัว แต่ถ้าคุณยังไม่ถูกใจเราจะไปที่แปลงผักอื่นกันนะคะ”

เซี่ยชิงหยวนยกยิ้ม “แค่ที่นี่ก็พอแล้ว”

แค่นี้เธอก็สามารถคิดอาหารจานใหม่ได้ในใจแล้ว

คนในมณฑลอวิ๋นเรียกมะละกอว่ามะลาด พวกเขาเลือกมะละกอดิบปาดเนื้อมันเป็นเส้นเล็ก ๆ เพื่อทำส้มตำซึ่งมีรสเปรี้ยวและกรุบกรอบ แถมยังมีรสหวานคล้ายผลไม้

กิ้งก่าเติบโตอยู่บนภูเขา มันเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนในมณฑลอวิ๋นอย่างมาก

แม้แต่หัวปลีก็สามารถนำมาใช้ทำน้ำสลัดเย็นได้

กล่าวสรุปได้ในประโยคเดียวว่า ในสายตาของผู้คนในมณฑลอวิ๋น ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่สามารถนำมาทำเป็นอาหารได้

อาเซียงยังพาเซี่ยชิงหยวนไปดูบ่อปลาของพวกเขาด้วย เธอพูดว่า “ปลาเหล่านี้เลี้ยงในลำธารบนภูเขา ปกติฉันจะตัดหญ้ามาเลี้ยง รสชาติสดหวาน ปลาข้างนอกไม่มีทางเทียบได้กับปลาที่เราเลี้ยง บนภูเขาลูกอื่นครอบครัวของเราก็เลี้ยงไก่และเป็ดด้วย ถ้าพี่มาครั้งหน้า ฉันจะพาไปดู”

บ่อปลาถูกขุดอยู่ทางด้านข้างภูเขาและบนยอดเขาคือน้ำจากภูเขาที่ไหลมารวมกันในบ่อปลา แล้วไหลลงไปยังบ่อชลประทานด้านล่าง

พวกเขาทำตาข่ายเหนือรูซึ่งน้ำไหลออกไปเพื่อป้องกันปลาเล็ดลอดออกไป

ราวกับจะยืนยันคำพูดของอาเซียง ปลาสองตัวกระโดดขึ้นจากน้ำแล้วตกลงไปอีกครั้ง

เกล็ดปลาสะท้อนแสงสีทองอ่อน ๆ ในยามเช้าส่งให้ดูมีชีวิตชีวาให้กับผืนดินไม่น้อย

เซี่ยชิงหยวนเลือกผักที่เธอต้องการซื้อในวันนี้อย่างรวดเร็ว

นอกจากซื้อผักที่เป็นที่นิยมทั่วไปแล้วยังมีมะละกอขูดฝอย หัวปลีและมะเขือยาวอีกด้วย

แม่ของอาเซียงสอนเซี่ยชิงหยวนถึงวิธีฝานมะละกอ และหัวปลีให้อร่อยยิ่งขึ้น

อาเซียงกับอาจ้วงใช้เวลาช่วงที่เซี่ยชิงหยวนกำลังเรียนวิธีการทำอาหารอยู่นี้ล้างผักทั้งหมด เมื่อหญิงสาวกลับไปบ้าน เธอแค่นำผักทั้งหมดล้างน้ำอีกครั้ง ก็สามารถนำมาประกอบอาหารได้แล้ว

เซี่ยชิงหยวนรู้สึกผิดเล็กน้อย “ฉันสัญญาว่าจะสอนพวกเธออ่านหนังสือ แต่วันนี้สายซะแล้ว”

อาเซียงกับอาจ้วงยิ้มอย่างไม่โกรธเคือง “พี่เขยสอนเราแล้วเมื่อวานนี้ ตอนเรามาส่งผักให้วันพรุ่งนี้ พี่จะสอนเราอีกครั้งก็ยังไม่สายหรอก”

อาเซียงพูดต่อ “พี่สาวได้เห็นแปลงผักของเราทั้งหมดแล้ว ถ้าพี่อยากได้อะไรเพิ่มเติมก็สามารถสั่งได้เลยนะ”

จากนั้นแม่ของอาเซียงกับอาจ้วงก็ถือปลาตัวอ้วนใหญ่มาสองตัว มันถูกคล้องปากด้วยเชือกไผ่และห่อด้วยใบตองขนาดใหญ่

แม่ของอาเซียงพูดภาษาไตออกมาหลายคำ และอาจ้วงก็แปลให้เซี่ยชิงหยวนฟังว่า “แม่ของผมบอกว่านี่คือปลาที่ครอบครัวของเราเลี้ยงไว้ซึ่งมีรสชาติดีมาก พี่นำกลับไปทำอาหารได้ แม่ยังบอกอีกว่าพี่เขยกับพี่เซี่ยเป็นคนดีมาก ครอบครัวของเราทำให้พี่ต้องลำบากแล้ว”

เซี่ยชิงหยวนรีบพูดกับแม่ของพวกเขา “ฉันชอบอาเซียงกับอาจ้วงมาก ดังนั้นฉันจึงช่วยพวกคุณด้วยความยินดีค่ะ”

เซี่ยชิงหยวนผลักปลาทั้งสองตัวกลับไปอย่างเกรงใจ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถปฏิเสธการตื้อของพวกเขาได้จึงรับไว้

ระหว่างทางกลับบ้าน เซี่ยชิงหยวนมีอารมณ์ที่แจ่มใสมาก

เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าครอบครัวของอาเซียงจะมีทุกอย่างแบบนี้

เมื่อคิดถึงหน้าร้านที่เธอเคยวางแผนจะทำก่อนหน้านี้ หญิงสาวก็รู้สึกว่าแผนการจะดำเนินการได้ด้วยดี

เธอไม่เพียงสามารถซื้อผักจากที่นี่เท่านั้น แต่ยังสามารถซื้อเนื้อสัตว์ได้อีกด้วย

หญิงสาวสามารถทำเมนูอย่างคอเป็ด เนื้ออกเป็ด ปีกเป็ด นำมาทำเป็นรสชาติต่าง ๆ ได้

นอกจากนี้ยังมีไก่น้ำลาย ไก่หม่าล่า และอื่น ๆ ไม่ว่าจะทำแบบไหน มันจะเป็นที่ต้องการของทุกคน!

เมื่อคิดแบบนี้ เธอรู้สึกว่าอนาคตเต็มไปด้วยความหวัง!

ณ ศาลากลาง เวลาพักเที่ยง

ภายในสำนักงานของเลขาธิการ

เสิ่นอี้โจวนั่งอยู่หน้าโต๊ะตัวใหญ่ ขณะเหม่อมองออกไปด้านนอกหน้าต่างเงียบ ๆ

ในมือของเขาถือโทรศัพท์ตั้งโต๊ะ ราวกับเขากำลังรอให้อีกฝ่ายโทรเข้ามา

และไม่นานนัก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นและจากปลายสายเสียงของเซี่ยจิ่งเฉินก็ดังออกมา “ฮัลโหล น้องเขย?”

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท