บทที่ 126 แก๊งพี่น้อง
บทที่ 126 แก๊งพี่น้อง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แผ่นหลังของเซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกขนลุก
แต่เธอยังนอนต่อไปไม่พูดไม่จา
เสิ่นอี้โจวยังคงกอดเธอ “จริง ๆ คุณไม่เชื่อผมเหรอ สัมผัสมันสิ”
เซี่ยชิงหยวนกัดฟันแน่นและแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป
เสิ่นอี้โจวจับมือของเธอมาวางไว้ใต้เอวตัวเอง “ดูสิ มันบาดเจ็บใช่ไหม”
ทันทีที่มือของเซี่ยชิงหยวนสัมผัสตรงจุดนั้น อุณหภูมิที่ร้อนผ่าวของมันก็แทบจะทำให้เธออยากกระเด้งตัวออกมาทันที
เสิ่นอี้โจวจับมือบางไว้ไม่ยอมปล่อย “ชิงหยวน คุณไม่ต้องการปลอบผมเหรอ”
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกเหมือนหัวตัวเองกำลังจะระเบิด
เธอชักนิ้วกลับพยายามลดพื้นที่สัมผัสของมือให้ได้มากที่สุด
ในความมืด มุมปากของเสิ่นอี้โจวกำลังฉีกยิ้มน้อยใหญ่
ชายหนุ่มอดหัวเราะออกมาไม่ได้ จนเขาเสียการควบคุมมือของเซี่ยชิงหยวนไปชั่วขณะหนึ่ง
เมื่อมือของเซี่ยชิงหยวนหลุดออกจากการควบคุม หญิงสาวก็กำมือเป็นหมัดทุบส่วนนั้นของเขา
คราวนี้ไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง เสิ่นอี้โจวก็ตัวงอเป็นกุ้งทันที
แม้แต่เซี่ยชิงหยวนก็ตกใจมาก เธอรีบลุกมาดูเขา “คุณเป็นอะไรมากไหม”
เสิ่นอี้โจวกุมส่วนนั้นและส่ายหัวด้วยความยากลำบาก “ไม่…ไม่เป็นไร”
เซี่ยชิงหยวนรู้ว่าตัวเองสร้างปัญหาเข้าให้แล้ว
เธอกระวนกระวายก่อนจะลุกจากเตียงไปจุดตะเกียง
เสิ่นอี้โจวจับแขนของเธอ “ไม่จำเป็น เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น”
เซี่ยชิงหยวนมองอีกฝ่ายผ่านแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา ก่อนจะพบว่าใบหน้าของเขาตอนนี้ดูไม่ได้เลยจริง ๆ
เธออยากจะยื่นมือไปสะกิดแต่ก็กลัวตัวเองจะทำร้ายเขา
น้ำเสียงของเธออ่อนลง “ฉันขอโทษ”
แต่ถ้าเสิ่นอี้โจวไม่แกล้งเธอ สิ่งนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
เสิ่นอี้โจวฝืนยิ้ม ในที่สุดความเจ็บปวดก็ผ่านพ้นไปอย่างช้า ๆ
เขาปลอบประโลมอีกฝ่ายว่า “มันไม่ใช่ความผิดคุณเลย เป็นผมเองที่ไม่ได้ระวัง”
เซี่ยชิงหยวนตอบกลับ “อืม”
แล้วเธอก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง “ทำไมเราไม่ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายในวันพรุ่งนี้ล่ะ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เสิ่นอี้โจวก็สั่นสะท้าน “ผมไม่เป็นไรจริง ๆ”
ถ้าขืนเขาไปหาหมอด้วยเรื่องนี้ ชื่อเสียงของเขาคงโด่งดังไปทั่วแน่นอน
เพิ่งขับรถกลับบ้านเมื่อวาน แล้วอีกวันก็ไปโรงพยาบาลเพราะเรื่องแบบนี้เนี่ยนะ?
ต่อมา เซี่ยชิงหยวนก็นอนหลับไปทั้ง ๆ ที่ยังรู้สึกผิด
เมื่อเธอตื่นขึ้น ก็เป็นเช้าของวันรุ่งขึ้นแล้ว
เธอจำได้ว่าวันนี้ต้องไปที่บ้านพ่อแม่ของตัวเอง หญิงสาวจึงรีบตื่นเพื่อไปซื้อปลากับเนื้อสัตว์ในหมู่บ้านข้างเคียง
เสิ่นอี้โจวไปยืมจักรยานจากที่ไหนมาไม่รู้ และพูดกับเซี่ยชิงหยวนว่า “ไปสิ ผมจะพาคุณไปที่นั่นเอง”
เสิ่นอี้โจววางเท้าข้างหนึ่งบนตัวถีบของจักรยาน และยันพื้นด้วยเท้าข้างเดียว ดูมีชำนาญมากทีเดียว
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนหันไปมองส่วนนั้นของเขา
เบาะนั่งของจักรยานคันนี้ไม่ค่อยสบายใช่ไหมนะ?
เสิ่นอี้โจวมองตามสายตาของเซี่ยชิงหยวน ขาของเขาหนีบเข้าหากันอย่างผิดธรรมชาติ
เซี่ยชิงหยวนเดินเข้ามาและถามเขาว่า “ขี่จักรยานจะไม่ยิ่งเจ็บขึ้นเหรอคะ?”
เสิ่นอี้โจว “…”
เสิ่นอี้หลินบังเอิญเดินออกมาจากห้องและได้ยินคำพูดของเซี่ยชิงหยวนพอดี
จากนั้นเขาก็ถามว่า “พี่ชาย พี่บาดเจ็บตรงไหนให้ผมดูหน่อย”
เสิ่นอี้โจวหนีบขาของเขาอีกครั้ง
น้องชายผู้ประเสริฐคนนี้บางทีก็เป็นห่วงเขามากเกินไป!
เขายืดตัวตรงและกระแอมในลำคอ “ฉันสบายดี นายได้ยินผิดไปน่ะ”บราวนี่ออนไลน์
เขาพูดกับเซี่ยชิงหยวนอีกครั้ง “ผมไม่เป็นไรจริง ๆ”
แม้ว่าส่วนตรงนั้นของผู้ชายจะบอบบาง แต่มันก็คงไม่ได้แย่อย่างที่เธอคิด แถมเช้านี้พวกเขายังมีหลายอย่างต้องทำ
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า
เมื่อหญิงสาวกำลังจะกระโดดขึ้นซ้อนจักรยาน เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ให้ฉันขี่แทนคุณไหม”
ร่างเล็กบอบบางของเซี่ยชิงหยวนปั่นอยู่ข้างหน้า ส่วนเขาที่มีขายาวห้อยต่องแต่งซ้อนท้ายอย่างนั้นเหรอ?
เมื่อนึกถึงภาพนั้น เสิ่นอี้โจวแทบอยากจะทิ้งรถแล้วเดินจากไป
ดูท่าสะใภ้ตัวน้อยคนนี้คงต้องถูกลงโทษด้วยการพาเธอกลับไปที่ห้อง เพื่อรับบทเรียนเสียหน่อยแล้ว!
เสิ่นอี้โจวสูดหายใจลึก จนกระทั่งสีหน้าของเขากลับคืนสู่ความสงบตามปกติ
เสียงทุ้มดูจะเล็ดลอดออกมาจากระหว่างฟัน “ไม่จำเป็น”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เซี่ยชิงหยวนก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เธอนั่งที่เบาะหลังและโอบรอบเอวของเสิ่นอี้โจว
เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “นั่งนิ่ง ๆ นะ”
จากนั้นเขาก็ขี่จักรยานออกไป
เสิ่นอี้หลินยังคงมองตามทิศทางที่พวกเขาจากไป และคิ้วเล็ก ๆ ทั้งสองข้างก็ย่นเข้าหากัน
ทำไมพี่เขาถึงทำตัวแปลก ๆ ตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วนะ?
จากนั้นหลินตงซิ่วก็เรียกหาเขาในบ้าน “อี้หลิน มาล้างหน้า!”
เสิ่นอี้หลินตอบและรีบวิ่งเข้าบ้าน
ไม่เป็นไร เขาไม่เข้าใจโลกของผู้ใหญ่หรอก
…
เสิ่นอี้โจวกับเซี่ยชิงหยวนซื้อเนื้อติดซี่โครงสี่จิน ซื้อปลาเฉ่าตัวใหญ่อ้วนสองตัวแล้วกลับบ้าน
หลังจากมื้อเช้าจบลง พวกเขาก็เอายาสูบ เหล้า นมวัวผงหลายกระป๋อง นมมอลต์ อาหารกระป๋อง และของแห้งมากมาย เช่นอินทผลัมแดงและลำไยที่เตรียมไว้จากเมืองเตียนเฉิงยัดใส่ท้ายรถและออกเดินทาง
เมื่อก่อน พวกเขามักจะเดินเท้ากลับไปที่หมู่บ้านซิ่งฮวา และนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาขับรถไปที่นั่น
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกประหม่าขึ้นมา
ไม่ใช่เพราะอะไรอื่นเลย นอกจากการจะได้เจอกับหวังผิง เธอสงสัยว่าจะมีสงครามเกิดขึ้นอีกครั้งหรือเปล่า
ถ้าเธอไม่ได้พบกับเซี่ยโยว่หมิงในเมือง
เธอก็สามารถแสร้งทำเป็นหูหนวกตาบอดต่อไปได้
แต่ตอนนี้เธอได้เห็นพ่อที่รักเธอทนทุกข์ด้วยตาตัวเอง หญิงสาวจึงกังวลว่าจะระงับคำพูดของตัวเองไม่ได้
ในขณะที่เสิ่นอี้โจวกำลังขับรถ เขาก็ลูบหลังมือของเซี่ยชิงหยวนแผ่วเบา “ผ่อนคลายหน่อยสิ ไม่เป็นไรหรอก พี่รองมีงานใหม่ทำแล้ว อีกทั้งเรายังขับรถกลับมาพร้อมกับนำสิ่งของมากมายไปให้พวกเขา แค่นี้แม่ของคุณก็น่าจะมีความสุขมากแล้ว”
ทันใดนั้นเซี่ยชิงหยวนก็เข้าใจว่าเสิ่นอี้โจวผู้ทำตัวไม่โดดเด่นมาตลอด ทำไมถึงได้ขับรถกลับมา
ทีแรก ชายหนุ่มบอกว่ามันเดินทางสะดวกดี จึงขับ ๆ หยุด ๆ ไปเรื่อย อีกทั้งเซี่ยชิงหยวนยังได้นั่งสบาย ๆ อีกด้วย
แต่ดูเหมือนมันจะไม่ใช่แค่นั้นเสียแล้ว
กลับกลายเป็นว่าชายหนุ่มคิดเผื่อเธอเอาไว้หมดแล้ว
เซี่ยชิงหยวนจึงรู้สึกสะเทือนใจ
เธอจับมือเขาไว้ พยักหน้าแล้วพูดว่า “อืม”
เมื่อรถของพวกเขาขับเข้าไปในหมู่บ้านซิ่งฮวา มันก็เรียกความสนใจของผู้คนมากมายเช่นเดียวกับในหมู่บ้านซีสุ่ย
เมื่อมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน พวกเขาก็เห็นหวังผิงกับเซี่ยจิ่งเยว่รอคอยอยู่
เซี่ยจิ่งเยว่มีดวงตาที่เฉียบคม และเอ่ยทักทายอย่างมีความสุขเมื่อเห็นพวกเขา
แม้แต่หวังผิงก็มีรอยยิ้มที่หายากบนใบหน้า
เสิ่นอี้โจวพูดกับเซี่ยชิงหยวน “ผมจะบอกให้คุณแม่และพี่ชายขึ้นรถนะ”
โดยไม่คาดคิด หวังผิงก็ตะโกนเสียงดัง “มาแล้ว มาแล้ว!”
ทันใดนั้นกลุ่มคนจำนวนมากก็กรูกันออกมาจากบ้านทางด้านหลัง
เมื่อเห็นเสิ่นอี้โจวก้าวลงจากรถ ทุกคนต่างแสดงความยินดีกับหวังผิง “คุณนายเซี่ย ลูกเขยของคุณกลับมาแล้ว!”
“ลูกเขยอะไร ควรจะเรียกเขาว่าเลขาธิการสิ!”
“ใช่ เลขาธิการ! เป็นข้าราชการชั้นสูงแล้วสินะ!”
ไม่ใช่แค่หวังผิงที่ออกมาต้อนรับ หัวหน้าหมู่บ้านและเลขาธิการพรรคก็ออกมาต้อนรับด้วยเช่นกัน
เสิ่นอี้โจวตะลึงกับการต้อนรับนี้
สิ่งนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่เขากับเซี่ยจิ่งเฉินคุยกันโดยสิ้นเชิง
ทันใดนั้นฝูงชนก็ล้อมรอบตัวเสิ่นอี้โจว
พวกเขาเอาป้ายสีแดงออกมาอย่างรวดเร็ว
มีข้อความเขียนบนป้ายว่า ‘ยินดีต้อนรับเลขาธิการเสิ่นอี้โจวสู่บ้านเกิดของเขา’
เซี่ยจิ่งเยว่หยิบไม้ขีดออกมา ด้านหลังของเขามีชั้นวางที่มีพวงประทัดแขวนอยู่
ด้วยการส่งสัญญาณของหวังผิง เซี่ยจิ่งเยว่ก็จุดประทัดจนดังก้อง
เซี่ยชิงหยวนที่เพิ่งเดินตามออกมาจากรถตกใจ เสิ่นอี้โจวตอบสนองอย่างรวดเร็วและคว้าตัวเซี่ยชิงหยวนไว้
พวกเด็ก ๆ เดินเข้ามาพร้อมตะกร้าและดอกไม้ป่าที่พวกเขาเก็บมา และโปรยไปทั่วพร้อมกัน
หลังจากประทัดที่จุดดับลง หวังผิงกับหัวหน้าของหมู่บ้านก็ก้าวมาข้างหน้าทีละคน จับมือกับเสิ่นอี้โจวด้วยสีหน้าจริงจัง
“เลขาธิการเสิ่นมาเยี่ยมชมหมู่บ้านซิ่งฮวาของเรา ช่างน่าตื้นตันจริง ๆ!”
“เลขาธิการเสิ่นไม่หลงลืมคนขุดบ่อน้ำยามดื่มกิน เราซาบซึ้งใจนัก!”
หัวหน้าหมู่บ้านเหล่านี้ดูจะไม่ค่อยได้อ่านหนังสือมากนัก และเกรงว่าสิ่งที่พวกเขาพูดออกมานี้คือสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้มาทั้งชีวิต แต่กระนั้นก็ยังคงพูดผิดอยู่บ้าง
เซี่ยชิงหยวน “…”
เธอมองไปทางเซี่ยจิ่งเยว่
เซี่ยจิ่งเยว่ก็ดูจะหมดหนทางเช่นกัน
เขาชี้ไปที่หวังผิงโดยบอกว่าทุกอย่างเป็นความคิดของหวังผิง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา
เซี่ยชิงหยวนไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกของเธอยังไงดี
หญิงสาวรู้ว่าหวังผิงให้ความสำคัญกับชื่อเสียงและชอบโอ้อวดอยู่เสมอ แต่เธอกลับไม่คาดคิดว่าการกลับมาบ้านเกิดในครั้งนี้จะยิ่งใหญ่ขนาดนี้
เสิ่นอี้โจวลูบหลังเธอเบา ๆ เพื่อเสริมความมั่นใจ บ่งบอกให้เธอไม่ต้องสนใจมากนัก
เขาจับมือกับทุกคนและตอบคำถามของทุกคนอย่างอดทน พร้อมด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยนบนใบหน้า
หวังผิงยืนดูด้วยความพอใจ
ครั้งนี้เธอได้หน้ามากจริง ๆ ชนิดที่ว่าหลายปีรวมกันยังไม่ถึงขนาดนี้
เธอรู้สึกว่าเมื่อถึงเวลาที่ควรจบได้แล้ว จึงลุกขึ้นห้ามทุกคนโดยพูดว่า “ลูกเขยของฉันเพิ่งกลับมาถึงเมื่อวาน ตอนนี้เขาน่าจะยังเหนื่อยอยู่ ถ้ายังไงเราขอตัวกลับบ้านก่อน ถ้าอยากคุยด้วยก็ไว้ทีหลังนะคะทุกคน”
หลังจากพูดจบ เธอก็เดินขึ้นรถไปท่ามกลางสายตาอิจฉาของผู้คน
จากนั้นเมื่อขึ้นรถไปแล้ว หวังผิงก็โผล่หัวออกมาจากรถและพูดกับเสิ่นอี้โจว “อี้โจว กลับบ้านเรากันเถอะลูก!”
น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยการวางมาด
เซี่ยชิงหยวนลอบถอนหายใจและเดินตามเข้าไปในรถ
ใบหน้าของเซี่ยจิ่งเยว่และกงเหลียนซินก็เต็มไปด้วยความลำบากใจเช่นกัน
ดูทรงแล้ว พอกลับถึงบ้านก็น่าจะส่งเสียงดังกันอีก
———————–