บทที่ 131 เธอทำตัวเอง
บทที่ 131 เธอทำตัวเอง
“คุณแม่!” จางอวี้เจียวกระวนกระวาย
หวังผิงคือความหวังสุดท้ายของเธอในครอบครัวนี้
นอกจากนี้เธอยังต้องการนำนมผงพวกนี้กลับไปให้ครอบครัวจางด้วย!
หวังผิงกอดนมผงไว้แน่นแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ถ้าฉันให้นมผงสองกระป๋องนี้กับเธอตอนนี้ เธอจะต้องเอากลับไปให้ที่บ้านแม่แน่ มีแค่แม่อย่างแกเท่านั้นล่ะที่โหดร้ายปล่อยให้ลูกตัวเองหิวโหย และเอาสิ่งของไปปรนเปรอคนอื่นแบบนี้!”
หลังจากพูดจบ หวังผิงก็ไม่สนใจจางอวี้เจียวและเดินจากไปพร้อมกับนมผงในอ้อมแขน
เมื่อมองตามแผ่นหลังของหวังผิงไป จางอวี้เจียวยังคงตะโกนเรียก
“แม่!”
แต่คราวนี้ คำตอบเดียวของอีกฝ่ายคือความเงียบ
หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะปิดหน้าและร้องไห้ออกมาในที่สุด
…
เซี่ยชิงหยวนรีบผละจากมาเพื่อระงับโทสะของตน
หญิงสาวไม่ได้ตรงกลับบ้านทันที แต่เดินเตร่ไปยังลำคลองเล็กซึ่งตัวเองเคยเล่นสมัยยังเด็ก
มีต้นไม้มากมายปลูกไว้ข้างลำคลอง และร่มเงาของต้นไม้เหล่านี้ก็บดบังแสงแดดอันร้อนแรงในตอนกลางวันได้เป็นอย่างดี
เมื่อฟังเสียงน้ำไหลเอื่อย หัวใจของเซี่ยชิงหยวนก็ค่อย ๆ สงบลง
ไม่ว่าหลังจากวันนี้ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เธอก็ได้พูดสิ่งที่เก็บไว้ในใจตลอดหลายปีที่ผ่านมาออกไปแล้ว ตอนนี้เธอจึงรู้สึกสบายใจ
เธอหยิบหินก้อนเล็กขึ้นมาแล้วโยนลงไปในลำน้ำ
หินก้อนเล็กกระดอนสองสามครั้งบนผิวน้ำ ก่อนจะจมลงไปในน้ำในที่สุด
เซี่ยจิ่งเยว่กับกงเหลียนซินก็ตามมาทันในเวลาไม่นานนัก
ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วเดินเข้าไป
“น้องเล็ก” เซี่ยจิ่งเยว่เปิดปากออก แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องเกลี้ยกล่อมน้องสาวของเขายังไง
เซี่ยชิงหยวนหันไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นพวกเขาสองคน หญิงสาวพยักหน้าให้ “มาแล้วเหรอคะ”
กงเหลียนซินรับรู้ถึงความทุกข์จากสามีของเธอ จึงพูดว่า “ชิงหยวน พี่สะใภ้รองของเธอเป็นคนฉุนเฉียวแบบนั้นมาแต่ไหนแต่ไร เพราะงั้นเมินเธอไปเสียก็ได้ มันเป็นสิ่งฉันทำประจำเวลาอยู่บ้านน่ะ”
ผ่านไปสักพักใหญ่ เซี่ยจิ่งเยว่ก็ไม่แน่ใจว่าคำพูดของภรรยาจะช่วยได้จริงหรือไม่
เขาจึงกล่าวสำทับอย่างรวดเร็ว “ใช่ ๆ พอพี่รองของน้องกลับมา เราค่อยให้เขาพูดกับผู้หญิงคนนั้นอีกทีก็ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เซี่ยจิ่งเฉินคุยกับจางอวี้เจียวเนี่ยนะ?
เขากล้าหือกับผู้หญิงคนนั้นด้วยหรือไง?
เธอส่ายหัว
ความตั้งใจเดิมของเธอไม่ได้หมายจะให้ใครสั่งสอนบทเรียนให้แก่จางอวี้เจียว
จากนั้นเธอพูดว่า “พวกพี่ไม่ต้องโน้มน้าวฉันหรอกค่ะ อีกครู่หนึ่งฉันก็กลับไปเอง”
กลับไปรับประทานอาหารร่วมกันแล้วค่อยกลับบ้าน
ทุกอย่างควรเป็นในสิ่งที่มันเป็นหรือควรจะเป็น
เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยชิงหยวนและเห็นท่าทางสงบนิ่งของเธอ เซี่ยจิ่งเยว่กับกงเหลียนซินก็รู้สึกโล่งใจ
จากนั้นทุกคนไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ไม่พึงประสงค์ แต่พูดถึงเรื่องราวที่น่าสนใจของเซี่ยชิงหยวนในเมืองเตียนเฉิงแทน
กงเหลียนซินกล่าวว่า “จากที่เธอพูด ในเมืองเตียนเฉิงคงมีหนทางการทำธุรกิจมากมายเลยใช่ไหม”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ใช่ค่ะ แต่สถานที่นี้ห่างไกลจากเมืองที่ได้รับพัฒนาแล้วในประเทศมาก ข้อมูลใหม่ ๆ ที่มีมากมายจึงไม่สามารถแพร่กระจายมาถึงได้อย่างรวดเร็ว แต่เราสามารถคว้าโอกาสทางธุรกิจนี้ และกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมบางประเภทได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยชิงหยวน หัวใจของกงเหลียนซินก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
เธอกระทุ้งเซี่ยจิ่งเยว่ด้วยข้อศอก “คุณว่าไง เราไปทำธุรกิจที่นั่นด้วยดีไหม?”
ทว่าความคิดของเซี่ยจิ่งเยว่ยังคงเป็นพวกอนุรักษ์นิยมอยู่
เขาเกาหัวด้วยความลำบากใจ “แต่ผมได้ยินมาว่ามีคนเสียเงินในธุรกิจไปมากเหมือนกันนะ”
กงเหลียนซินจ้องมองผู้เป็นสามีด้วยความหงุดหงิด “คุณมันเป็นพวกคนสมองไม่ก้าวหน้า!”บราวนี่ออนไลน์
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและกล่าวว่า “พี่สะใภ้มีลูกติดถึงสองคนแหน่ะ”
พ่อแม่ก็ยังอยู่ในหมู่บ้านซิ่งฮวาและพวกเขาไม่สามารถจากไปได้ง่าย ๆ
หรือต่อให้พ่อแม่จะเต็มใจไปกับพวกเขา มันก็ยังติดปัญหาที่พวกเขาไม่อาจทิ้งให้จางอวี้เจียวและหลานสาวทั้งสองไว้ที่นี่ได้
ดังนั้นการไปเมืองเตียนเฉิงของกงเหลียนซินจึงไม่อาจเกิดขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน
ทั้งสามคุยกันสักพักก็หันหลังเดินกลับ
แต่โดยไม่คาดคิด หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าวพวกเขาก็เห็นหวังชุ่ยเฟิน
หญิงสาวถือตะกร้าอยู่ในมือ แต่ไม่รู้ว่าเธอกำลังจะไปที่ไหน
เธอผอมกว่าแต่ก่อนมาก แก้มตอบ และตาลึกโหล ผมของเธอกระเซอะกระเซิงเล็กน้อย เสื้อผ้าของเธอหลวมโคร่ง อีกฝ่ายดูไม่เหมือนอย่างที่เคยเป็นสักนิด
เธอมองพวกเขาอยู่ที่นั่นอย่างเงียบงัน
สายตาคู่นั้นดูมุ่งร้ายตั้งแต่แรกเห็น
เซี่ยจิ่งเยว่กับกงเหลียนซินก้าวมายืนอยู่ข้างหน้าเซี่ยชิงหยวนโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นว่าเซี่ยจิ่งเยว่กับภรรยาของเขากำลังปกป้องเซี่ยชิงหยวน ดวงตาของหวังชุ่ยเฟินก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
ทำไมพี่ชายกับพี่สะใภ้ของเธอช่างโหดเหี้ยมแบบนี้! ตู้อวิ๋นเซิงเล่นชู้กับเซี่ยชิงหยวนต่างหาก!
แต่ทำไมสุดท้ายเธอกลับเป็นคนเสียชื่อเสียง มันไม่ยุติธรรมเลย!
สายตาที่เธอมองไปยังเซี่ยชิงหยวนนั้นแทบจะลุกเป็นไฟ
ทว่าเมื่อเทียบกันแล้ว สายตาของเซี่ยชิงหยวนดูนิ่งมาก
เธอเปรียบเสมือนผู้หยั่งรู้ทุกสิ่ง มองด้วยสายตาที่สุขุมเยือกเย็น
เธอมองลงไปที่ท้องน้อยของหวังชุ่ยเฟิน
มันดูราบเรียบ…
เซี่ยชิงหยวนหรี่ตาลงและถอนหายใจ แต่เธอไม่ได้แสดงอารมณ์ใดบนใบหน้า
แต่ยิ่งหญิงสาวเป็นแบบนี้มากเท่าไหร่ หวังชุ่ยเฟินก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีในใจมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อหวังชุ่ยเฟินกำลังจะทนไม่ได้และต้องการเดินเข้ามาหา เซี่ยจิ่งเยว่ก็เรียกเซี่ยชิงหยวนให้หยุด “น้องสาว กลับบ้านกันเถอะ”
พวกเขาย่อมเคยได้ยินเรื่องราวระหว่างชิงหยวนกับหวังชุ่ยเฟิน
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับแม่ของหวังชุ่ยเฟินที่มักจะใส่ร้ายป้ายสีเซี่ยชิงหยวนข้างนอกบ้าน ครอบครัวของพวกเขากลับดูธรรมดากว่ามาก
ยกเว้นหวังผิงที่ตอบว่า “ไอ้สารเลวตู้อวิ๋นเซิงมันเป็นคนแบบไหนกัน? ลูกสาวฉันชอบมันเรอะ? แกตาบอดรึไงฮะ?”
ประจวบกับตอนที่เสิ่นอี้โจวได้รับตำแหน่งเลขาธิการทั่วไป ข่าวลือก่อนหน้านี้จึงยิ่งถูกหักล้างไปโดยปริยาย
เซี่ยจิ่งเยว่ดูจะเข้าใจมากขึ้นแล้วว่าทำไมหวังผิงถึงทำแบบนี้
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “อืม”
ตอนนี้หวังชุ่ยเฟินเป็นเหมือนสุนัขใกล้ตาย และมันก็ไม่มีค่าพอที่จะไปมีปัญหาด้วย
ดังนั้นเซี่ยจิ่งเยว่กับกงเหลียนซินจึงเดินออกมาปกป้องเซี่ยชิงหยวน
เมื่อเดินผ่านหวังชุ่ยเฟิน พวกเขาก็ได้ยินเธอพูดเบา ๆ ว่า “เซี่ยชิงหยวน ตอนนี้เธอคงภูมิใจมากเลยสินะ?”
เซี่ยชิงหยวนชะงักฝีเท้าทันที
เธอเพียงมองไปยังหวังชุ่ยเฟินอย่างเฉยเมยและพูดว่า “ฉันพูดได้คำเดียวว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ เธอเป็นคนทำตัวเอง”
หลังจากพูดจบ เธอก็รีบจากไปพร้อมกับพี่ชายและพี่สะใภ้
หวังชุ่ยเฟินตกตะลึงอยู่กับที่ ร่างกายของเธอดูจะเฉื่อยชาในทันที จากนั้นเธอก็หัวเราะออกมา
หัวเราะร่วนทั้งที่หลั่งน้ำตา
ยัยนั่นบอกว่าเธอสมควรได้รับมันรึ?
ไม่ใช่เพราะแกหรอกหรือที่ทำให้เรื่องราวกลายเป็นแบบนี้?
ฮ่า ๆๆๆ…
…
กงเหลียนซินรู้สึกโล่งใจหลังจากที่พวกเขาเดินไปได้สักพัก
เธอกล่าวว่า “หวังชุ่ยเฟินกลับบ้านเมื่อไม่นานมานี้ และเธอก็กลายเป็นแบบนี้ ฉันได้ยินมาว่าครอบครัวสามีไม่ยอมรับเด็กในท้อง และถูกกดดันจากครอบครัวหวังว่าให้ทำแท้ง นอกจากนี้ชายที่ถูกกล่าวหาว่าเล่นชู้กับเธอก็ตกงานเพราะปัญหานี้ และสุดท้ายก็ไม่มีใครรู้ว่าชายคนนั้นลงเอยยังไง”
เธอหยุดพูดไปชั่วขณะ “แต่ตอนนี้หวังชุ่ยเฟินกลายเป็นคนที่จิตใจไม่ปกติ ดังนั้นอย่าไปยุ่งกับเธอเลยนะ”
คำพูดไม่กี่คำจากกงเหลียนซินได้อธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับหวังชุ่ยเฟินทั้งหมดแล้ว
คำกล่าวที่ว่าแม้แต่คนจนก็ยังมีบางสิ่งที่เกลียด ตอนนี้หวังชุ่ยเฟินถูกมองว่ามีปัญหาทางจิต ซึ่งบางทีแม้แต่ตัวเธอก็ยังคิดไม่ถึง
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
พวกเขากลับบ้านด้วยกันและบังเอิญพบกับเซี่ยโย่วหมิงและเสิ่นอี้โจวที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอก
เซี่ยชิงหยวนเรียก “พ่อ” จากนั้นก็เดินเข้าไปช่วยประคองเซี่ยโย่วหมิงจากอีกด้านหนึ่ง
เซี่ยโย่วหมิงลูบแขนเซี่ยชิงหยวน “เข้าบ้านกันเถอะ”
เสิ่นอี้โจวกับเซี่ยชิงหยวนมองหน้ากัน จากนั้นก็ช่วยประคองร่างของเซี่ยโย่วหมิงเข้าไปในบ้านด้วยกัน
ไม่มีใครอยู่ในห้องรับรอง และของฝากที่พวกเขานำมาก็ถูกเก็บไปหมดแล้ว
ควันลอยมาจากห้องครัว เป็นหวังผิงที่กำลังทำอาหารอยู่
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกแน่นตรงหน้าอกก่อนจะพูดว่า “ฉันจะไปช่วยในครัว”
เมื่อเห็นสิ่งนี้กงเหลียนซินก็พูดว่า “ฉันจะไปด้วย”
อีกที่จริง ทุกคนรู้ดีว่า ปมที่ใหญ่ที่สุดในครอบครัวนี้คือเซี่ยชิงหยวนกับหวังผิง
เซี่ยจิ่งเยว่ตอบอย่างรวดเร็ว “ไปเร็วเถอะ”
หากมีอะไรเกิดขึ้นกับแม่ลูกในตอนนี้ พวกเขาไม่รู้จริง ๆ ว่ามันจะจบลงอย่างไร
———————–