กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 132 ผมอยากจูบคุณ

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 132 ผมอยากจูบคุณ

บทที่ 132 ผมอยากจูบคุณ

เมื่อเซี่ยชิงหยวนเข้าไปในห้องครัว หวังผิงกำลังหั่นผักอยู่พอดี

หวังผิงนำเนื้อสัตว์มาหั่นเป็นส่วน ๆ และหมักกับเหล้าสำหรับทำอาหารและเครื่องปรุงรส

ตั้งแต่ยังเด็ก ฉากที่หวังผิงทำอาหารในครัวและเซี่ยชิงหยวนนั่งอยู่ข้างกองไฟนั้นชัดเจนในความทรงจำของทุกคน

เมื่อเธอยังเด็ก หวังผิงจะกอดเธออย่างอ่อนโยนเมื่อเธอกลับมาจากที่ทำงาน “ลูกสาวของฉันคิดถึงแม่ไหมเอ่ย?”

แม้ช่วงเวลานั้นจะแสนสั้น แต่ก็เป็นความอบอุ่นเดียวในความทรงจำของเซี่ยชิงหยวน

เซี่ยชิงหยวนร้องเรียก “แม่คะ เดี๋ยวหนูช่วยนะคะ”

หวังผิงหยุดหั่นผักและไม่เงยหน้าขึ้นมองเธอ “ไม่จำเป็น ฉันทำเองได้”

เสียงตอบรับของหวังผิงในคราวนี้แผ่วเบาไม่เหมือนยามปกติ และศีรษะที่ก้มต่ำก็ทำให้มองไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย

แต่เห็นได้ชัดว่าเพราะเรื่องราวก่อนหน้านี้ที่ทำให้เธอยังคงคาใจอยู่

กงเหลียนซินเดินมาจากทางด้านหลัง “ชิงหยวน มาช่วยเลือกผักกันเถอะ”

จากนั้นกงเหลียนซินก็หยิบผักที่เธอเพิ่งเก็บมาจากแปลงผักตอนเช้า ส่งให้เซี่ยชิงหยวนแล้วขยิบตาให้

เซี่ยชิงหยวนรับไป “ค่ะ”

เธอนั่งบนเก้าอี้ตัวเล็กที่อยู่ข้าง ๆ เลือกผักในขณะที่ดูหวังผิงและกงเหลียนซินวุ่นวายทำนู่นทำนี่

บรรยากาศเงียบเกินไป กงเหลียนซินจึงชวนคุย “ชิงหยวน ตอนหน้าหนาว เธอจะขายอะไรต่อเหรอ”

เซี่ยชิงหยวนรู้ว่ากงเหลียนซินกำลังบอกให้หวังผิงฟังทางอ้อม

หญิงสาวจึงตอบไปว่า “ถ้าอากาศเย็นลง ฉันจะขายผักต้มค่ะ”

กงเหลียนซินหัวเราะและพูดว่า “เยี่ยมเลย”

จากนั้นเธอก็หันไปพูดกับหวังผิงอีกครั้ง “แม่คะ ตอนนี้ชิงหยวนกำลังไปได้ดี เธอมีร้านค้าของตัวเองและการขายสลัดเย็นก็ทำเงินได้ถึงวันละสามสิบถึงสี่สิบหยวนแหน่ะ”

อันที่จริง หวังผิงเงี่ยหูตั้งใจฟังอยู่ตลอด

เมื่อได้ยินกงเหลียนซินเรียกเธอ เธอก็ตอบว่า “อืม”

นี่เป็นคำตอบที่หายากเพราะปกติหวังผิงจะต้องพูดแย้งด้วยเหตุผลใดก็ตาม

กงเหลียนซินยิ้มให้เซี่ยชิงหยวนและกล่าวต่ออีก “หลังจากน้องรองลงหลักปักฐานที่นั่น เราน่าจะย้ายไปที่นั่นด้วยกัน ลงทุนทำธุรกิจร่วมกันและครอบครัวก็จะได้มีคนดูแลด้วย แม่คิดว่ายังไงคะ?”

เธอก็คิดเช่นเดียวกัน หากเรื่องราวของเซี่ยจิ่งเฉินได้รับการสะสางเรียบร้อย ผู้ใหญ่ในบ้านทั้งสองคนก็น่าจะเต็มใจไปกับเธอ

หวังผิงหั่นผักทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย จากนั้นมองไปยังเซี่ยชิงหยวนกับกงเหลียนซิน และพูดว่า “ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง”

คำตอบนี้หมายความว่าเธอไม่ได้คัดค้าน

คำตอบแบบนี้ดีกว่าคำตอบปกติของเธอมาก

จากนั้นบรรยากาศของพวกเธอทั้งสามคนก็ดำเนินเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ โดยกงเหลียนซินจะชวนคุยเกี่ยวกับธุรกิจของเซี่ยชิงหยวนซะเป็นส่วนใหญ่

ขณะที่เซี่ยชิงหยวนและกงเหลียนซินกำลังคุยกัน หวังผิงก็จะเอ่ยเสริมเป็นครั้งคราว

หวังผิงลอบมองใบหน้าด้านข้างของเซี่ยชิงหยวน และก็มีบางอย่างเปลี่ยนไปช้า ๆ ภายในใจของเธอ

หลังจากอาหารเที่ยงเตรียมพร้อมแล้ว ทุกคนก็รวมตัวกันที่โต๊ะอาหารยกเว้นจางอวี้เจียว

ถ้าเป็นปกติเธอคงกักตัวเด็กสองคนไว้ในห้องด้วย เวลาที่เธอรู้สึกอึดอัดใจแบบนี้

แต่ตอนนี้เธอได้รับคำเตือนจากเซี่ยโย่วหมิง หญิงสาวจึงไม่กล้าทำเรื่องแย่ ๆ แบบนั้นอีก

แต่ถ้าต้องการให้เธอแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและคุยกับเซี่ยชิงหยวนดี ๆ ขณะทานอาหารเย็นที่โต๊ะตัวเดิมแบบนั้น เธอทำไม่ได้จริง ๆ

เธอจึงอยู่ในห้องคนเดียวไม่ยอมออกมา

กงเหลียนซินถอนหายใจ “ฉันจะไปเรียกเธอออกมา”

หวังผิงโบกมือ “ไม่เป็นไร ถ้าเธอไม่ออกมาก็ปล่อยไว้แบบนั้น ไม่ใช่ว่าเรายังไม่ได้เรียกเธอสักหน่อย”

ก่อนหน้านี้ขณะจัดโต๊ะอาหาร พวกเด็ก ๆ ก็ไปเรียกจางอวี้เจียวแล้ว

จากนั้นหวังผิงไปเอาชามใหญ่ออกมาจากในครัว เธอตักอาหารแบ่งสำหรับหนึ่งคนแล้วพูดว่า “ฉันจะเอามันไปเก็บไว้ในหม้อ”

ถ้าจางอวี้เจียวออกมาในภายหลัง เธอจะได้ตักกินจากหม้อเอง

เมื่อเห็นท่าทีที่มีต่อจางอวี้เจียวแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงของหวังผิง เซี่ยชิงหยวนก็ประหลาดใจมาก

เธอส่งสายตาไปให้เสิ่นอี้โจวเป็นเชิงถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น

เสิ่นอี้โจวยกยิ้มและคีบอาหารให้เธอ “คุณกินเถอะ”

เซี่ยชิงหยวนเชิดจมูกใส่เขาและไม่ได้ถามคำถามอะไรอีก

หลังมื้อเย็น เซี่ยชิงหยวนก็หยิบเงินหนึ่งร้อยหยวนออกมาแล้วมอบให้เซี่ยโย่วหมิงในขณะที่หวังผิงและกงเหลียนซินเดินออกไปแล้ว

เธอพูดว่า “นี่คือเงินหนึ่งร้อยหยวนที่พ่อกับพี่ใหญ่ให้หนูก่อนหน้านี้ ตอนนี้อี้โจวได้รับการเลื่อนตำแหน่งและหนูก็มีธุรกิจของตัวเองแล้ว ฉะนั้นการเงินของหนูในตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ครอบครัวของพ่อกำลังขาดแคลนเงิน ดังนั้นหนูขอคืนมันให้พ่อนะคะ”

หลังจากพูดจบ เธอหยิบเงินออกมาอีกสองร้อยหยวน “ส่วนเงินนี่หนูให้พวกพ่อด้วยความปรารถนาดีจากหนูและอี้โจว”

ก่อนหน้านี้เธอได้ยินว่าตัวบ้านฝั่งตะวันตกหลังคารั่ว ถ้าได้เงินก้อนนี้ไป เซี่ยโย่วหมิงจะสามารถปรับปรุงบ้านได้

เดิมทีเซี่ยโย่วหมิงมีแผนจะจ้างใครสักคนมาทำหลังจากเซี่ยจิ่งเฉินได้เงินเดือนคืนแล้ว แต่ก็ต้องเลื่อนออกไปเพราะเรื่องของจางอวี้เอ๋อ

เซี่ยจิ่งเยว่ต้องทำงานในคณะกรรมการหมู่บ้านในระหว่างวัน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถมาช่วยซ่อมแซมได้

เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เซี่ยโย่วหมิงจึงต้องเข้าเมืองไปหารายได้เสริม โดยรับจ้างสร้างบ้านให้คนอื่นแทน

เซี่ยโย่วหมิงปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดเลยว่า “พ่อรับเงินก้อนนี้ไว้ไม่ได้หรอก”

ทุกครั้งที่ลูกสาวกับลูกเขยนำของบางอย่างกลับมาบ้านของพวกเขา มันถือว่าเป็นน้ำใจที่มีต่อความสัมพันธ์ของครอบครัว แต่การมอบเงินให้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เซี่ยจิ่งเยว่ยังกล่าวอีกว่า “ใช่น้องเล็ก เธอหาเงินพวกนี้จากข้างนอกนั่นไม่ง่ายเลยและยังจะมีเรื่องราวอีกมากมายที่เธอต้องใช้เงินในอนาคต”

เขาเคยได้ยินว่าค่าครองชีพในเมืองนั้นสูงมาก ดังนั้นรายจ่ายต่อวันย่อมสูงขึ้นเป็นธรรมดา

ยิ่งไปกว่านั้น เสิ่นอี้โจวได้เป็นเลขาธิการทั่วไปแล้ว ยิ่งคนมีตำแหน่งสูง วิถีการใช้ชีวิตก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนแพงตาม ไม่ว่าจะต้องซื้อเสื้อผ้าดี ๆ ที่เหมาะกับฐานะ หรือพาลูกน้องไปเลี้ยงข้าว หรือการเข้าร่วมสังคมกับคนชั้นสูง

เซี่ยชิงหยวนเองก็เช่นกัน เสื้อผ้าฝ้ายที่เธอมักจะใส่อยู่เสมอก็ต้องเปลี่ยนเป็นอะไรที่ดีกว่าเดิม

เซี่ยชิงหยวนแสร้งทำเป็นโกรธและพูดว่า “ที่ไม่ยอมรับเงินเพราะเห็นว่าหนูเป็นคนนอกกันใช่ไหม? ส่วนพี่ใหญ่ พี่อยากเห็นพ่อออกไปสร้างบ้านให้คนอื่นตอนอายุมากรึไงคะ? ถ้าคุณพ่อเกิดอุบัติเหตุจนล้มพับไปจะทำไงล่ะ?”

เมื่อเซี่ยชิงหยวนพูดแบบนี้ เซี่ยจิ่งเยว่ก็ก้มหน้าลงทันทีด้วยความอับอาย มันเป็นเพราะลูกชายคนโตอย่างเขาไร้ประโยชน์จริง ๆ ทำให้พ่อชราต้องทำงานหนัก

เสิ่นอี้โจวยังกล่าวอีกว่า “เพราะว่าเรามีกำลังเราจึงช่วยเหลือครับ แล้วตอนที่ชิงหยวนกับผมไปที่เมืองเตียนเฉิง คุณพ่อกับพี่ใหญ่ก็ช่วยเหลือเราด้วยวิธีการเดียวกันไม่ใช่เหรอครับ”

“เท่านี้แหละค่ะ!” เซี่ยชิงหยวนจับมือเซี่ยจิ่งเยว่และยัดเงินไว้ในมือของพี่ชาย “รับไป!”

เธอยังกล่าวอีกว่า “พรุ่งนี้พี่ต้องไปในตัวเมืองกับพ่อและไปทำเรื่องลาออกจากงานให้พ่อซะนะคะ!”

เซี่ยจิ่งเยว่ได้แต่พยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว”

เมื่อเห็นว่าพี่ชายกับน้องสาวตัดสินใจโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเขาเลย เซี่ยโย่วหมิงก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “พวกลูกตัดสินใจกันเองแบบนี้ได้ยังไง พ่อยังไม่ได้ตกลงอะไรด้วยเลย”

เซี่ยชิงหยวนจ้องมองเขา “พ่ออยู่บ้านไปอย่างเดียวนั่นแหละค่ะ หรือถ้าเบื่อ ๆ ก็แค่ช่วยเลี้ยงหลาน ๆ ก็พอ ส่วนเรื่องหาเงิน พ่อมีลูกชายกับลูกสาวอยู่แล้ว”

ในขณะเดียวกันกงเหลียนซินกับหวังผิงก็เดินเข้ามาพอดี

เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “อันที่จริง หนูอยากจะให้ครอบครัวของเราไปอยู่กันที่เมืองเตียนเฉิงโดยเร็วที่สุด เพราะหนูได้วางแผนไว้ว่าจะทำสลัดเย็นไปอีกแค่สักระยะหนึ่ง จากนั้นหนูจะเดินทางไปที่จังหวัดทางใต้เพื่อไปรับเสื้อผ้ามาขายส่ง”

“พี่สะใภ้ใหญ่เป็นคนใจเย็นและเข้ากับคนได้ดี ถ้าพี่สะใภ้ไม่รังเกียจ พี่สามารถมาช่วยฉันขายของได้เลย”

เมื่อกงเหลียนซินได้ยินแบบนั้น มุมปากของเธอก็ยกยิ้มทันที “ทำไมพี่จะต้องรังเกียจด้วย มันเป็นสิ่งที่พี่อยากทำมากเลยต่างหาก!”

เซี่ยโย่วหมิงพยักหน้าอย่างใช้ความคิดหลังจากได้ยินสิ่งนี้

เขาเคยไปที่เมืองเตียนเฉิงที่อยู่ห่างไกลพร้อมกับพ่อที่ชรามาแล้วครั้งหนึ่ง และเขาก็มีความฝันที่อยากจะกลับไปที่นั่นจริง ๆ

ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน เขากับพ่อก็กลับมาที่นี่อีกครั้ง และความคิดนั้นก็ค่อย ๆ เลือนหายไป

เขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้ไปเมืองเตียนเฉิงอีกครั้งเพราะลูกสาวและลูกเขย

เดิมทีหวังผิงต้องการจะบอกว่ามันไม่ง่าย

แต่เมื่อเหลือบมองคนอื่น ๆ ที่มีสีหน้าโหยหา เธอก็เม้มริมฝีปากแน่นและไม่พูดอะไร

ตอนที่เซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวกลับมาบ้าน ก็มีรอยยิ้มที่ประดับอยู่ที่มุมปากของพวกเขา

เสิ่นอี้โจวจำไม่ได้ว่าเขาหันมองภรรยากี่ครั้งแล้ว

เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้นมองเขา “มีอะไรเหรอคะ?”

เมื่อเห็นดวงตาที่เบิกกว้างของเธอ เสิ่นอี้โจวก็หยุดรถกลางถนน

เขาโน้มตัวเข้าหา “ชิงหยวน คุณทำหน้าตาแบบนี้มันทำให้ผมอยากจะจูบคุณจริง ๆ”

เซี่ยชิงหยวน “!”

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท