กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 134 ผมเก่งมาตลอด

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 134 ผมเก่งมาตลอด

บทที่ 134 ผมเก่งมาตลอด

คำพูดของเสิ่นอี้โจวเหมือนกับการตบหน้าเสิ่นสิงอย่างแรง

เสิ่นสิงอับอายมากเสียจนพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง

แต่ก่อนเขาจะทันได้พูดอะไร ผานเยว่กุ้ยก็ทนไม่ไหวและโพล่งขึ้นมาก่อน

เธอวางมือเท้าสะเอว “อี้โจว ตอนนี้แกไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแล้ว แกเป็นถึงข้าราชการคนหนึ่ง แต่กลับจำลุงตัวเองไม่ได้แล้วรึไง การที่แกพูดแบบนี้ แกไม่กลัวว่าหัวหน้าจะลดตำแหน่งแกหรือไง?”

เสิ่นสิงเล่นละครตามน้ำไปกับภรรยาของเขา ชายชราพลันตีหน้าเศร้า “ช่างเถอะ อย่าพูดถึงมันอีกเลย ตอนนี้เขาได้เป็นข้าราชการที่มีเกียรติแล้ว เขาคงไม่ต้องการมาเกลือกกลั้วกับคนธรรมดาอย่างเรา”

ขณะกล่าว เขาก็แสร้งทำเป็นเศร้าแล้วก้มหน้าเช็ดน้ำตา

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผานเยว่กุ้ยก็แสร้งทำเป็นร้องไห้เช่นกัน

ขณะที่เรื่องราวกำลังดำเนินไปนั้น เสิ่นอี้โจวกลับมองดูพวกเขาอย่างเย็นชาโดยไม่พูดอะไรสักคำ

จนกระทั่งเสิ่นสิงกับภรรยาของเขาร้องไห้จนคอแห้ง แม้จะรู้สึกอับอาย แต่เสียงของพวกเขาก็ค่อย ๆ เงียบลง

เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “ผมไม่คิดว่าตัวเองทำแบบนี้จะผิดหรอกนะครับ เช่นเดียวกับที่พวกคุณลุงเอารัดเอาเปรียบเราโดยไม่รู้สำนึก ถ้าพวกคุณอยากสั่งฟ้องก็ฟ้องได้เลยครับ ผมจะได้นำสิ่งของและเงินของตัวเองกลับมาเหมือนกัน”

เมื่อสิ้นเสียงของเสิ่นอี้โจว เสิ่นสิงกับผานเยว่กุ้ยก็เงียบลงทันที

การนำเงินกับสิ่งของทั้งหมดกลับคืนไปนี้ไม่ได้แตกต่างกับการพรากชีวิตพวกเขาไปหรอกหรือ?

นอกจากนี้ เงินทั้งหมดนั่นก็ใช้ไปหมดแล้วพวกเขาจะเอาจากไหนมาคืน?

แต่ศักดิ์ศรีสุดท้ายก็ยังต้องรักษาไว้

เสิ่นสิงพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ฮึ่ม! อี้โจว ฉันไม่เคยคิดเลยว่าแกจะเป็นหมาป่าตาขาว*[1] แบบนี้”

เสิ่นอี้โจวดูจะไม่ได้โกรธเลยสักนิด

เขากลับพูดอย่างเย้ยหยันเสียอีกว่า “ผมเกรงว่าคุณคงอาจเข้าใจคำว่า ‘หมาป่าตาขาว’ ผิดไปหน่อยนะครับ”

เสิ่นอี้โจวเลิกคิ้วขึ้น “ผมคิดว่าข้อความที่คุณปู่ทิ้งไว้นั้นชัดเจนเพียงพอแล้ว แต่ถ้าลุงลืมมันไปแล้วละก็ ผมก็จะขอให้เลขาธิการหมู่บ้านเอามาติดป้ายประกาศต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้านได้นะครับ”

ใบหน้าของเสิ่นสิงในเวลานี้กลายเป็นซีดเผือด

ริมฝีปากของเขาสั่นเทาซึ่งบ่งบอกชัดว่าเขากำลังโกรธจัด

เขาใช้เวลาสักพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “นายนี่มันตัวดีจริง ๆ!”

มุมปากของเสิ่นอี้โจวหยักโค้งทั้งที่ไม่มีรอยยิ้มอยู่ในดวงตา “ขอบคุณสำหรับคำชมครับ”

หลังจากพูดจบ เสิ่นอี้โจวก็หันกลับไปโดยไม่มีความลังเลแม้แต่นิด

เมื่อมองไปยังแผ่นหลังของเสิ่นอี้โจว เสิ่นสิงรู้สึกเจ็บแปลบตรงหน้าอกของเขา

เขาพูดว่า “ยายเฒ่า ช่วยฉันที เร็วเข้า!”

ผานเยว่กุ้ยไม่คาดคิดว่าเสิ่นสิงจะพ่ายแพ้รวดเร็วขนาดนี้

เธอตกใจและพูดว่า “จะปล่อยไปแบบนี้เหรอ?”

ทันทีที่คนทั้งหมู่บ้านรู้ว่าเสิ่นอี้โจวกลายเป็นข้าราชการ หลายคนก็พูดประชดประชันต่อหน้าพวกเขา

จากนั้นเธอจึงคิดว่าตัวเองน่าจะใช้โอกาสนี้รื้อฟื้นความสัมพันธ์เก่าแก่กับครอบครัวของเสิ่นอี้โจวได้

ถ้าทำสำเร็จ ในอนาคตเธอจะสามารถเดินเชิดหน้าในหมู่บ้านได้หรือบางทีอาจจะได้ไปอยู่อาศัยในเมืองใหญ่ก็ได้!

ท่าทางของเสิ่นสิงดูแทบไม่ได้ ” แล้วคุณคิดว่าเราจะทำอะไรได้อีก!”

เขาผละจากร่างของเธอ “กลับเข้าไปในบ้าน!”

ตอนนี้เขาเห็นแล้วว่าเสิ่นอี้โจวเปลี่ยนไปตั้งแต่กลับมาหมู่บ้านครั้งล่าสุด

และเมื่อรวมกับเซี่ยชิงหยวน คนทั้งสองจึงดูผิดแปลกไปอย่างสิ้นเชิง

เสิ่นสิงได้แต่โทษตัวเองที่ก้าวผิดเพียงก้าวเดียว ซึ่งส่งผลให้สถานการณ์ย้อนกลับไปไม่ได้

แต่เมื่อข่าวจากหมู่บ้านซิ่งฮวาที่บอกว่า เสิ่นอี้โจวได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเลขาธิการทั่วไปของศาลากลางในเมืองเตียนเฉิงมาถึงหมู่บ้านซีสุ่ย ทั้งครอบครัวของเสิ่นสิงแทบเข่าทรุด

ทีแรก เสิ่นสิงคิดว่าเสิ่นอี้โจวได้รับตำแหน่งเป็นเพียงข้าราชการชั้นผู้น้อย แต่เมื่อทราบความจริงนี้ จึงเห็นได้ชัดว่าเสิ่นอี้โจวเป็นข้าราชการระดับสูงต่างหาก อีกทั้งยังเป็นคนที่เขาไม่สามารถทำให้ขุ่นเคืองได้!

เมื่อเสิ่นอี้โจวกลับมาถึงบ้าน เซี่ยชิงหยวนและคนอื่น ๆ บังเอิญอยู่ในครัวกำลังทำอาหารเย็น

เซี่ยชิงหยวนกำลังหมักปลาไหลและปลาหมูแล้วทอดในกระทะน้ำมัน

ด้วยเสียงที่ร้อนฉ่าและกลิ่นหอมโชยออกมา เสิ่นอี้หลินที่กำลังยืนอยู่ข้าง ๆ จุดไฟให้ เขายืดตัวสูงขึ้นขณะสูดดมกลิ่นอาหาร

เขาถึงกับกลืนน้ำลาย “พี่สะใภ้ อาหารจานนี้ต้องอร่อยแน่ ๆ!”

คำพูดของเด็กชายทำให้เซี่ยชิงหยวนและหลินตงซิ่วหัวเราะ

เซี่ยชิงหยวนยิ้มและพูดว่า “นายต้องกินข้าวเพิ่มอีกชามในมื้อเย็นนี้แน่ ๆ เลย”

หลินตงซิ่วยังกล่าวอีกว่า “ตั้งแต่ลูกทำขาหมูครั้งที่แล้ว เด็กคนนี้ยังคิดถึงรสชาตินั้นอยู่เลย”

เสิ่นอี้หลินยืดอก “แน่นอน ผมจะกินข้าวให้ได้ถึงสิบชาม!”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ทั้งเซี่ยชิงหยวนและหลินตงซิ่วก็หัวเราะออกมาดังลั่น

เสิ่นอี้โจวยืนอยู่ที่นั่น เฝ้ามองดูเงียบ ๆ เขาไม่อยากทำลายฉากที่แสนสุขนี้

เซี่ยชิงหยวนเป็นคนแรกที่เห็นเขา

เธอยิ้มให้เขา “คุณกลับมาแล้วเหรอ”

เสิ่นอี้หลินก็ลุกเดินไปยังห้องรับรองหลัก จากนั้นก็เทแก้วน้ำให้เสิ่นอี้โจว “พี่ชายดื่มน้ำหน่อย”

เสิ่นอี้โจวพยักหน้า ดวงตาของเขาดูอ่อนโยนแตกต่างกับตอนที่มองเสิ่นสิงเมื่อครู่

เขายังแสร้งทำเป็นดมกลิ่นและพูดว่า “มันหอมจริง ๆ ”

หลินตงซิ่วยิ้มและพูดว่า “ฝีมือทำอาหารของชิงหยวนดีกว่าเมื่อก่อนมาก และแม่คิดว่าอาจจะกินข้าวเพิ่มอีกชาม”

เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “แม่ยังไม่เคยชิมอาหารจานเย็นที่ชิงหยวนทำ รสชาติมันดีมากเลยครับ”

เสิ่นอี้หลินกล่าว “ถ้าผมไปที่เมืองเตียนเฉิงเมื่อไหร่ ผมจะกินมันทุกวันเลย!”

ทั้งครอบครัวมีความสุข และเสียงหัวเราะก็กระจายไปทั่วห้องครัว

อารมณ์ขุ่นมัวที่บ้านของเสิ่นสิงก่อนหน้านี้สลายหายไปอย่างรวดเร็ว

***

ตกกลางคืน คนทั้งสองกำลังนอนอยู่บนเตียง

ขาของเซี่ยชิงหยวนก่ายอยู่บนตัวของเสิ่นอี้โจว

เธอนอนหนุนแขนของเขาและพูดว่า “พรุ่งนี้เราจะออกจากหมู่บ้านซีสุ่ยแล้ว คุณรู้สึกลำบากใจไหม”

แม้จะกลับมาเยี่ยมยามมีเวลาว่างได้ แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าคงได้กลับมาเพียงช่วงตรุษจีนหรือวันไหว้บรรพบุรุษเท่านั้น

และก่อนที่จะจากไปในวันพรุ่งนี้ พวกเขาจะขึ้นไปกราบไหว้บรรพบุรุษบนภูเขา

นิ้วเรียวของเสิ่นอี้โจวสัมผัสไหล่บาง

เขาพูดว่า “ก็มีบ้าง แต่ผมเชื่อว่าพ่อกับปู่จะเข้าใจ”

หลังจากย้อนมาเกิดใหม่ เขาก็คอยย้ำเตือนและกระตุ้นตัวเองให้ก้าวไปข้างหน้าไม่หยุด

ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะสามารถปกป้องเซี่ยชิงหยวนได้มากขึ้น

เซี่ยชิงหยวนจำสิ่งที่ผานเยว่กุ้ยพูดเมื่อวานได้ และเธอพูดว่า “อี้โจว ถ้าเรามีเวลา ลองไปหาหมอในตัวจังหวัดกันเถอะ”

เธอก้มมองหน้าท้องแบนราบของตัวเอง ส่วนเสิ่นอี้โจวก็ก้มมองท้องน้อยของเขาเช่นกัน

เสิ่นอี้โจวหยุดพูดไปชั่วขณะ หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็พูดว่า “ได้สิ”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตกลง เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มออกมา

เสิ่นอี้โจวทานยาที่แพทย์สั่งตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เขาออกจากโรงพยาบาล

เขาทำงานหนักมาก เธอกังวลมากว่าวันหนึ่งอาการของมันจะแย่ลง

เธอซุกศีรษะที่ซอกคอของเขาแล้วถามว่า “ตอนนี้ร่างกายของคุณไม่รู้สึกผิดปกติอะไรใช่ไหม”

หมอเคยพูดในเวลานั้นว่าการรักษาโรคกระเพาะอาหารเป็นกระบวนการรักษาที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องและไม่มีตัวยาเฉพาะ

มืออีกข้างของเสิ่นอี้โจวค่อย ๆ สัมผัสหน้าท้องของเขาเบา ๆ แต่เมื่อคิดถึงความเจ็บปวดเป็นครั้งคราว เขาก็ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่มีอาการอะไรเลย”

ไม่ว่ายังไง เขาได้รับการรักษาเร็วกว่าในชาติที่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่น่าจะตายเร็วนัก

เมื่อได้ยินคำตอบของเขา เซี่ยชิงหยวนก็กอดเขาแน่น “ดีแล้ว”

เสิ่นอี้โจวรู้สึกถึงความกังวลของเธอและจับคางของเธอเบา ๆ “คุณกังวลว่าผมจะไม่มีน้ำยาหรือเปล่า?”

เซี่ยชิงหยวนไม่รู้ว่าจะตอบประโยคนี้อย่างไรอยู่สักพักหนึ่ง

เธอจึงอธิบายว่า “ฉันเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของคุณ ไม่ใช่กังวลว่าคุณจะไม่มีน้ำยา”

“โอ้” เสิ่นอี้โจวพยักหน้าราวกับว่าเขาเข้าใจ

เขาพลิกตัวเธอให้นอนหงาย “ชิงหยวน อันที่จริงผมเก่งมากนะ คุณอยากลองไหม?”

[1] หมาป่าตาขาว หมายถึง คนเนรคุณ

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท