กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 135 อยู่ด้วยกันทั้งคืน

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 135 อยู่ด้วยกันทั้งคืน

บทที่ 135 อยู่ด้วยกันทั้งคืน

ในที่สุดเซี่ยชิงหยวนก็เข้าใจว่าเสิ่นอี้โจวแค่หยอกเธอเล่น

ยิ่งเธอแสดงอาการตื่นตระหนกมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งยินดีมากเท่านั้น

ดังนั้นเธอจึงทำเพียงเลิกคิ้ว “ก็งั้น ๆ”

‘งั้น ๆ’ ที่ว่าก็คือหากมีคะแนนเต็มหนึ่งร้อยคะแนน มันอาจจะไม่ถึงหกสิบคะแนนเลยด้วยซ้ำไป

เสิ่นอี้โจวหรี่ตา “การทำงานอย่างหนักของผมเป็นแค่เรื่องงั้น ๆ สำหรับคุณอย่างนั้นเหรอ?”

น้ำเสียงของเขาเนิบช้าและฟังดูเกียจคร้าน ซึ่งเต็มไปด้วยความอันตราย

เซี่ยชิงหยวนเบ้ปาก “แล้วยังไงคะ?”

ทว่าดวงตาของเขาเร่าร้อนเหลือเกินจนเธอต้องเหลือบมองเพดานอย่างรวดเร็ว “มีคนบอกจะทำหนึ่งร้อยครั้งต่อเดือน แต่นี่ก็ปาเข้าไปยี่สิบวันแล้วนับแต่คุณพูดประโยคนี้ เฮ้อ คงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเพิ่งผ่านไปไม่กี่ครั้งเอง”

เธอถึงกับนับนิ้วตัวเอง “ถ้าคำนวณด้วยสามสิบ นี่ก็เพิ่งผ่านไปสี่วันเอง แล้วถ้านับจากผลงานของคุณก่อนหน้านี้ด้วยละก็ มันก็ประมาณยี่สิบครั้งเท่านั้นเองนะคะ”

คำว่า ‘ประมาณ’ ช่างเป็นคำจิกกัดที่เจ็บแสบจริง ๆ

เซี่ยชิงหยวนเหลือบมองด้วยหางตา “ดูสิ เหลืออีกแค่สี่วัน คุณจะทำยี่สิบครั้งต่อวันได้เหรอ?”

แม้จะเป็นฝ่ายถูกบดขยี้ทุกครั้ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอในตอนนี้รู้สึกอับอายเลยสักนิด

ใครใช้ให้เสิ่นอี้โจวปราบเธอได้ทุกครั้งกันล่ะ?

เมื่อฟังคำพูดของเธอ คิ้วและดวงตาของเสิ่นอี้โจวก็มืดมนลง

สายตาที่มองเธออย่างเกียจคร้านหายวับไปในชั่วพริบตา ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นความเย่อหยิ่งอันเกิดจากการถูกยั่วยุศักดิ์ศรี

มุมปากของเขาโค้งยิ้มโดยไม่ได้ตั้งใจ “คุณดูจะเป็นห่วงผมจริง ๆ สินะครับ”

ท่าทีของเขาสดใสขึ้น “ทั้งหมดเป็นความผิดของผมจริง ๆ ที่ทำให้คุณไม่พอใจ”

ทันทีที่หญิงสาวสบสายตาของเขาในเวลานี้ เธอจึงเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองกำลังเล่นกับไฟซะแล้ว

แต่เธอยังคงไม่กลัวตาย กล่าวเสริมว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเลยค่ะ คุณแค่ต้องพยายามให้หนักกว่าเดิมในอนาคตก็พอ”

หลังจากพูดจบ เธอก็อยากผละออกจากตัวเขา ด้วยไม่ต้องการอยู่ใกล้มากกว่านี้

แต่เสิ่นอี้โจวเร็วกว่าเธอหนึ่งก้าว เขาคว้าเอวของเธอไว้อย่างหนาแน่น จากนั้นพลิกกลับและกดเธอไว้ข้างใต้เขา

ดวงตาของเขาแดงก่ำ “เหลือเวลาอีกแค่สี่วันเอง ฉะนั้นคุณต้องร่วมมือกับผม!”

เซี่ยชิงหยวน “!”

เธอเบิกตากว้าง “คุณต้องการให้ฉันร่วมมืออะไร!?”

รอยยิ้มของเสิ่นอี้โจวดูน่ากลัวยิ่งขึ้น “แน่นอน อยู่ด้วยกันทั้งคืนไง!”

หลังจากพูดจบ มือของเซี่ยชิงหยวนก็ถูกตรึงขึ้นเหนือหัว และข้อมือของเธอก็ถูกมัดไว้อย่างแน่นหนาด้วยผืนผ้าของตัวเอง

ลมหายใจของเซี่ยชิงหยวนเริ่มไม่สม่ำเสมอ “คุณแน่ใจเหรอว่าต้องการเล่นใหญ่ขนาดนี้?”

เสิ่นอี้โจวพยักหน้าอย่างจริงจัง “ผมต้องการทำให้คุณประทับใจ!”

เซี่ยชิงหยวนพยายามหาเค้าความขี้เล่นในดวงตาของเสิ่นอี้โจว

ทว่าในแววตาของเขาตอนนี้กลับไม่มีอะไรให้เห็น นอกจากแววตาที่เหมือนสัตว์นักล่ากำลังจับตาดูเหยื่อที่ไม่อาจหนีได้!

เซี่ยชิงหยวนพยายามร้องขอความเมตตา “ฉัน เมื่อกี้ฉันล้อเล่น!”

ถ้าขืนเสิ่นอี้โจวเชื่อจริง ๆ ว่าเขาไม่เก่งในสิ่งที่ทำกันเป็นประจำ แล้วต่อจากนี้เขาจะเล่นใหญ่ขนาดไหนกัน?

ตอนนี้เธอแค่อยากจะกลับไปสู่วิถีเดิมที่เคยทำกันมา!

เสิ่นอี้โจวเงยหน้าขึ้นจากซอกคอของเธอ “แต่ผมจริงจัง”

เขากลับไปจูบที่ต้นคอของเธออีกครั้ง ใต้ผิวหนังสีขาวบอบบางของเธอนั้นสามารถมองเห็นเส้นเลือดสีน้ำเงินได้ราง ๆ

บริเวณนี้อยู่ใกล้กับเส้นชีพจรของเธอ และเขายังสัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจที่ไม่เป็นส่ำของหญิงสาวอีกด้วย

ริมฝีปากของเขาขบเม้ม จากนั้นเขาก็เผยซี่ฟันออกมาและกัดคอเธอเบา ๆ

เซี่ยชิงหยวนเกร็งเท้าของเธอทันที

เธอด่า “เสิ่นอี้โจว คุณเป็นสุนัขหรือไง!?”

เสิ่นอี้โจวไม่ได้หยุดเคลื่อนไหวและกล่าวเบา ๆ ว่า “เรียกชื่อผมด้วยชื่อเต็มอีกสิ นะครับ?”

เซี่ยชิงหยวน “!”

ผ้าม่านพลิ้วไหว และภายในห้องอันเงียบสงัด หากตั้งใจฟังจะได้ยินเสียงครวญครางและเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดของเตียง

ในที่สุด เซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ “เตียงนี้…คุณภาพไม่ดี…เอ่อ…พรุ่งนี้…เราต้องกลับไปที่เมืองเตียนเฉิง…และเดินทางต่อในเมือง”

สิ่งที่ตามมาคือเสียงกระซิบของเสิ่นอี้โจว “ไม่เป็นไร งั้นเราก็มาใช้เวลาให้คุ้มค่าเถอะ”

เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “แม่กับอี้หลิน…อยู่ห้องติดกับเรานะ!”

เสิ่นอี้โจวยิ้ม “จุ๊ ๆ งั้นคุณก็เบาเสียงสิ”

เมื่อถึงรุ่งเช้าที่พวกเขาต้องออกไปกราบไหว้บรรพบุรุษ เซี่ยชิงหยวนก็เกือบจะลุกเดินไม่ไหว

หลังจากเสิ่นอี้โจวกับหลินตงซิ่วเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ฉุดเธอขึ้นจากเตียงนอนก่อนจะเดินออกมา

ทันทีที่เท้าของเซี่ยชิงหยวนแตะพื้น ทั้งร่างของเธอก็แทบทรุด

เสิ่นอี้โจวพุ่งเข้ามาพยุงเธออย่างรวดเร็วด้วยท่อนแขนแข็งแรงและระงับรอยยิ้มของเขา “ระวังด้วย”

เซี่ยชิงหยวนไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะเงยหน้ามองเขา

เธอหลับตา ปล่อยให้เขาล้างหน้าให้เธอ

เสิ่นเหยียนกับผู้เฒ่าเสิ่นถูกฝังอยู่บนยอดเขาในหมู่บ้านซีสุ่ย ดังนั้นพวกเขาจึงวางแผนที่จะเก็บข้าวของเลย เพื่อเตรียมออกเดินทางไปยังเมืองเตียนเฉิงทันทีหลังจากกราบไหว้บรรพบุรุษเสร็จ

เมื่อเสิ่นอี้โจวช่วยเซี่ยชิงหยวนเข้าไปนั่งในรถ เขาก็ยื่นกระเป๋าใบเล็กให้เธอ

เธอจึงพบว่ามันคือซาลาเปาลูกใหญ่กับไข่ต้มที่เพิ่งหยิบออกจากหม้อ

เสิ่นอี้หลินกล่าวว่า “พี่สะใภ้ แม่ทำไว้เมื่อเช้าน่ะ มันอร่อยมากเลยนะฮะ”

เซี่ยชิงหยวนรู้สึกละอายใจ เพราะเดิมทีเธอว่าจะตื่นแต่เช้าเพื่อช่วยงานทุกอย่างแท้ ๆ

ทว่าเสิ่นอี้โจว เจ้าคนลามกกลับฉุดรั้งให้เธอต้องลืมตาตื่นอยู่ค่อนคืนเมื่อวานนี้ ก่อนจะปล่อยให้เธอเข้านอน และเมื่อเธอตื่นขึ้น ก็ยังมีความรู้สึกไม่สบายตัวอีกต่างหาก

เธอไม่มีทางเลือกนอกจากพูดว่า “แม่คะ หนูขอโทษนะคะที่วันนี้ปล่อยให้แม่ต้องทำงานหนักคนเดียว”

หลินตงซิ่วกลับไม่ถือสา ทั้งยังยิ้มและพูดว่า “ลูกคงถูกยุงบ้านกัดก็เลยนอนหลับได้ไม่สนิท เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอกจ้ะ”

เซี่ยชิงหยวนจ้องเขม็งไปยังเสิ่นอี้โจวที่อยู่ข้าง ๆ กันและพูดอย่างแดกดันว่า “ใช่ค่ะคุณแม่ มันเป็นยุงตัวใหญ่มากกก!”

เสิ่นอี้หลินเชื่อจริง ๆ ว่ามันเป็นยุง “แสดงว่ายุงตัวนั้นต้องมีพิษจริง ๆ! พี่สะใภ้ถึงโดนกัดทั้งตัวแบบนี้ ไม่อย่างนั้นพี่สะใภ้จะเอาผ้ามาพันซะแน่นขนาดนี้ได้ยังไง”

เซี่ยชิงหยวนรู้สึกหน้าเห่อร้อนไปหมด เธอถูกยุงกัดงั้นเหรอ?

มันเป็นผลงานชิ้นเอกของเขาต่างหาก!

เหตุผลที่เธอต้องเอาผ้ามาพันคอนั้นไม่จำเป็นต้องเดาเลย เป็นที่รู้กันว่าเสิ่นอี้โจวเป็นคนทำ!

โชคดีที่เธอคิดหาทางปกปิดได้!

และโชคดีที่เธอกับเสิ่นอี้โจวนั่งอยู่เบาะหน้า มิฉะนั้นหลินตงซิ่วคงเดาได้ว่าพวกเขาสองคนทำอะไรกันเมื่อคืนนี้หากเธอเห็น

แต่ยังไงซะ พระเจ้าก็ไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยเธอไปง่าย ๆ ขนาดนั้น

หลินตงซิ่วได้ยินสิ่งนี้และพูดว่า “ยุงในชนบทมีพิษร้ายจริง ๆ นะ ไหนเปิดให้แม่ดูหน่อย เดี๋ยวแม่จะทายาให้ลูกเอง”

เซี่ยชิงหยวนโบกมืออย่างรวดเร็ว “แม่ แม่คะ ไม่ต้องหรอกค่ะ!”

ปฏิกิริยาของเธอรุนแรงมากเสียจนหลินตงซิ่วคิดว่าเธอกำลังอาย

เธอจึงกล่าวว่า “อี้โจว ลูกต้องเตือนชิงหยวนนะ ถ้าอาการตรงที่ถูกกัดมันรุนแรงก็ต้องใช้ยา ถ้ามันคันเกินไปจะรู้สึกไม่สบายตัวมาก”

เสิ่นอี้โจวหันมองไปทางเซี่ยชิงหยวนด้วยความพึงพอใจ มีความร่าเริงทั้งตรงคิ้วและในดวงตาของเขา

จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “คุณเจ็บไหมหรือคันรึเปล่า?”

เสียงของเขาดังขึ้นในช่วงท้ายของประโยค แม้เป็นการถามเรียบ ๆ แต่ก็ทำให้คนฟังรับรู้ได้ถึงการยั่วยุ

คำพูดของชายหนุ่มราวกับจะนำพาเธอย้อนกลับไปตอนที่เธอร้องไห้เมื่อคืนนี้

ในที่สุด เซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะจับต้นขาของเขาแล้วหยิกอย่างแรง จากนั้นก็กล่าวเสียงลอดไรฟัน “คันยิบ ๆ เลยล่ะ เจ้าผีหัวโต!”

เสิ่นอี้โจวเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองส่งเสียงคร่ำครวญออกมา

เสิ่นอี้หลินตกตะลึงกับการกระทำของเซี่ยชิงหยวน

เขาหดคอด้วยความกลัวราวกับว่าเป็นผู้ถูกบีบเสียเอง

เมื่อเห็นลูกชายกับลูกสะใภ้ของเธอเป็นเช่นนี้ หลินตงซิ่วก็หัวเราะออกมาอย่างหนักจนแทบมองไม่เห็นดวงตาของเธอ

ถ้าพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแบบนี้ พวกเขาก็จะมีหลานชายตัวอ้วนใหญ่ให้เธอในไม่ช้า!

เสิ่นอี้หลินสุดท้ายก็อดไม่ได้ เขาจึงถามว่า “พี่ครับ พี่สะใภ้ทำร้ายพี่แรงหรือเปล่า?”

เมื่อเผชิญหน้ากับความกระหายรู้ที่ไร้เดียงสาของน้องชาย เสิ่นอี้โจวก็สั่นสะท้าน

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ตอบว่า “ไม่เจ็บ ๆ”

ตอนที่ตอบ สายตาของเขาก็หันไปหาเซี่ยชิงหยวน

เซี่ยชิงหยวนซึ่งกำลังเหล่มองถึงกับสะดุ้งเมื่อเจอกับสายตาของเขา

จ้องแบบนี้หมายความว่ายังไง?

จะชำระบัญชีกับเธอหลังจากนี้เหรอ?

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท