กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 141 หลิงเยี่ย

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 141 หลิงเยี่ย

บทที่ 141 หลิงเยี่ย

เซี่ยชิงหยวนยิ้มและมองดูเสิ่นอี้โจวจากไป

เธอมองจนกระทั่งรถเลี้ยวโค้งตรงทางแยกข้างหน้าแล้วหายลับสายตาไป

หลังจากนั้น เธอก็ไม่สามารถรักษารอยยิ้มการค้าบนใบหน้าไว้ได้อีกต่อไป มุมปากของหญิงสาวเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง

เธอยังคงรักเขา

ไม่อย่างนั้น ด้วยอารมณ์ของเธอในเวลานี้แล้ว คงไม่พ้นทะเลาะกับเขาไปตั้งนานแล้ว

เธอยังเชื่อว่าเขารักเธอ หรือก่อนหน้านี้เขาก็รักเธอมากเช่นกัน

แต่ทำไมเขาถึงแอบทำเรื่องพวกนี้กัน? เธอจะทำให้เขาสารภาพออกมาให้ได้

มารอดูกันว่าใครจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ก่อนกัน

หญิงสาวปัดผมไปด้านหลัง และสีหน้าของเธอก็กลับมาปกติดังเดิม

เธอหมุนตัวและเดินเข้าไปหาเสิ่นอี้หลินในบ้าน

เมื่อคืนเธอบอกกับอี้หลินว่าจะมีคู่พี่สาวน้องชายอาเซียงกับอาจ้วงมาเรียนอ่านเขียนกับเขาในวันนี้

เดิมทีเสิ่นอี้หลินต้องการประท้วง แต่เซี่ยชิงหยวนสัญญากับเขาว่าจะเรียนแค่สี่สิบนาทีต่อวันเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็ออกไปเล่นได้เมื่อเรียนเสร็จแล้ว และเธอยังจะทำปลาตุ๋นให้เขาเป็นอาหารกลางวัน ดังนั้นเด็กชายจึงยอมประนีประนอม

เมื่อมีความช่วยเหลือจากหลินตงซิ่วแล้ว เซี่ยชิงหยวนจึงสั่งซื้อผักเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งร้อยยี่สิบจินหลังจากไม่ได้ขายของหลายวัน

เดิมทีเธอต้องการสั่งเพิ่มเป็นหนึ่งร้อยห้าสิบจิน

แต่เมื่อคิดดูอีกทีแล้ว หลังจากหยุดไปหลายวันเธอไม่รู้ว่าที่ตลาดตอนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง

ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย เธอจึงสั่งมาก่อนที่หนึ่งร้อยยี่สิบจิน

ไม่พอขายดีกว่าเหลือเยอะ

เซี่ยชิงหยวนได้บอกกับอาเซียงและอาจ้วงเช่นกันว่าน้องชายของเสิ่นอี้โจวจะมาอยู่อาศัยด้วย

ดังนั้นเมื่อถึงเวลา อาจ้วงจึงนำของเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เด็กผู้ชายชอบ เช่น ตั๊กแตนสานจากไม้ไผ่และปืนพกขนาดเล็กติดตัวมาด้วย

แน่นอนว่าสมาธิของเสิ่นอี้หลินก็ถูกดึงดูดไปทันที

แม้แต่ตอนที่เขากำลังเรียน เดิมทีเขาอยากจะละทิ้งแต่เพราะอาเซียงกับอาจ้วงที่จริงจังมากอยู่ข้าง ๆ เขาจึงหยุดความคิดที่จะเถลไถลและเริ่มจริงจัง

เซี่ยชิงหยวนลอบสังเกตอีกฝ่ายและพอใจกับแผนเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่เธอหามาให้เสิ่นอี้หลิน

อาเซียงกับอาจ้วงรีบช่วยกันล้างผักหลังจากเลิกเรียน

เซี่ยชิงหยวนขอบคุณสองพี่น้องด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ฉันก็ทำแค่คนเดียว ฉันจึงรับความช่วยเหลือจากพวกเธออย่างเห็นแก่ตัว แต่ตอนนี้แม่สามีของฉันอยู่ที่นี่แล้ว ทำให้ฉันมีผู้ช่วย ดังนั้นหลังจากนี้พอเรียนเสร็จแล้ว พวกเธอก็กลับไปช่วยงานที่บ้านต่อเถอะ”

เมื่ออาเซียงกับอาจ้วงได้ยินอย่างนั้น พวกเขาก็ตื่นตระหนก

พวกเขายืมเงินของเซี่ยชิงหยวนมาและยังไม่สามารถจ่ายคืนได้ในตอนนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงช่วยเซี่ยชิงหยวนทำงานตามความสามารถ เพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น

เมื่อเซี่ยชิงหยวนบอกว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือของพวกเขาแล้วในตอนนี้ ทั้งยังคงจะสอนให้พวกเขาเรียนอ่านเขียนอีก แบบนี้พวกเขาจะยอมรับได้อย่างไร

พี่น้องทั้งสองโบกมือครั้งแล้วครั้งเล่า “พี่เซี่ย ไม่เป็นไร กลับบ้านไปเราก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี”

เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะสองพี่น้องที่โกหกไม่เก่งตรงหน้า

เธอพูดว่า “มีไร่ผักมากมายในครอบครัวของพวกเธอเชียวนะ และแข้งขาของพ่อพวกเธอก็ยังไม่หายดี พวกเธอจะปล่อยให้แม่ตัวเองทำงานหนักคนเดียวนาน ๆ รึไง”

เซี่ยชิงหยวนรู้ว่าบางครั้งหลังจากที่สองพี่น้องมาส่งผักให้เธอ สองพี่น้องจะต้องแวะไปตลาดเพื่อขายผักอีก

ความล่าช้าดังกล่าว แม้ว่าจะไม่นานนัก แต่หญิงสาวก็รู้สึกเหมือนกำลังขูดรีดแรงงานเด็กทั้งสองคนอยู่เสมอ

เมื่อได้ยินสิ่งที่เซี่ยชิงหยวนพูด สองพี่น้องก็ก้มหน้าด้วยความลำบากใจ

เซี่ยชิงหยวนปลอบโยน “พวกเธอไม่ต้องคิดว่าตัวเองเอาเปรียบฉันหรอก อันที่จริง ที่ฉันช่วยพวกเธอเพราะฉันมีเจตนาเห็นแก่ตัวด้วยต่างหาก และฉันก็ชอบผักของพวกเธอด้วยนี่จริงไหม?”

ดวงตาของอาเซียงกับอาจ้วงแดงเรื่อ

ไม่ว่าเซี่ยชิงหยวนจะขายของดีขนาดไหน มันก็ไม่จำเป็นต้องอุดหนุนผักของพวกเขาเลย

มีผักมากมายขายอยู่ในตลาด อีกทั้งบางเจ้าก็ขายราคาถูกกว่าของพวกเขามาก

สิ่งที่เซี่ยชิงหยวนพูดก็เพื่อทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้น

สองพี่น้องจึงไม่ดื้อรั้นอีกต่อไป

หลังจากขอบคุณเซี่ยชิงหยวนแล้ว พวกเขาก็กลับบ้านด้วยกัน

พวกเขาตัดสินใจว่าจะต้องปลูกผักให้ดีขึ้นเพื่อตอบแทนเซี่ยชิงหยวน

หลังจากอาเซียงกับอาจ้วงจากไป เซี่ยชิงหยวนก็พาเสิ่นอี้หลินไปที่สวนสาธารณะในเขตที่พัก

มีเด็กจำนวนมากกำลังเล่นอยู่ที่นี่ และมีคนแก่อยู่ข้าง ๆ พวกเขากำลังอุ้มทารกอยู่

เสิ่นอี้หลินมองอย่างโหยหา เขาอยากเข้าไปเล่นด้วยแต่ก็ขี้อายเกินกว่าจะเข้าหา

เซี่ยชิงหยวนลูบหัวของเด็กชายเพื่อเสริมความมั่นใจและพูดว่า “นายไม่ต้องกลัวหรอก และไม่จำเป็นต้องรู้สึกต่ำต้อยกว่าใครด้วย”

เธอหยิบลูกอมออกมาจากกระเป๋า แสงแดดในยามเช้าส่องลงมาทำให้กระดาษห่อลูกอมที่มีสีสันเป็นประกายสวยงาม

เธอยิ้มและพูดว่า “ทำแบบในหมู่บ้านซีสุ่ยได้เลย ใช้แผนการที่ทำให้นายเคยได้เป็นราชาของเด็ก ๆ เหมือนที่เคยทำนั่นแหละ”

เสิ่นอี้หลินหัวเราะกับคำพูดของเซี่ยชิงหยวน

เขาหยิบลูกอมของอีกฝ่ายมา แน่นอนว่าเขาย่อมรู้วิธีใช้ลูกอมเหล่านี้ให้ได้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพวกเด็ก ๆ

เขาพูดว่า “พี่สะใภ้ ผมเข้าใจแล้วฮะ”

หลังจากพูดจบ เขาก็กำลังจะรีบไปหาเด็ก ๆ คนอื่น

“เดี๋ยวก่อน” เซี่ยชิงหยวนดึงเขากลับมาอีกครั้ง

เธอสั่งว่า “นายจำไว้นะ แม้เราไม่จำเป็นต้องกลัวใครเมื่ออยู่ที่นี่ แต่เราจะรังแกคนอื่นไม่ได้ ถ้ามีใครรังแกนาย นายสามารถตีกลับได้เลยถ้านายคิดว่าตัวเองเอาชนะอีกฝ่ายได้ และวิ่งถ้าเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้ นายเข้าใจไหม?”

เสิ่นอี้หลินรู้สึกเหลือเชื่อ ปกติแล้วเซี่ยชิงหยวนจะดูอ่อนโยนมาก แต่ตอนนี้เธอกลับสั่งสอนเขาแบบนี้น่ะเหรอ?

เขาพยักหน้าอย่างตื่นเต้น “เข้าใจแล้วครับ พี่สะใภ้!”

หลังจากพูดจบ เด็กชายก็โบกมือให้เซี่ยชิงหยวนและวิ่งไปทางกลุ่มเด็กคนอื่น ๆ อย่างมีความสุข

เซี่ยชิงหยวนยืนดูอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเสิ่นอี้หลินสามารถเข้ากับพวกเด็กคนอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เธอจึงหันหลังและเดินกลับบ้าน

ในช่วงบ่าย เซี่ยชิงหยวนไม่สามารถปฏิเสธการรบเร้าที่จะช่วยเหลือของหลินตงซิ่วได้อีกต่อไป ดังนั้นหลังจากที่จัดการเรื่องของเสิ่นอี้หลินเรียบร้อยแล้ว เธอจึงพาหลินตงซิ่วไปที่ตลาดขายผัก

เมื่อเจียงเพ่ยหลานเห็นหลินตงซิ่ว เธอก็ทักทายหญิงม่ายด้วยรอยยิ้ม “คุณป้า สวัสดีค่ะ”

หลินตงซิ่วยิ้มทักทายกลับอย่างสุภาพเช่นกัน

เซี่ยชิงหยวนได้บอกกับหลินตงซิ่วเอาไว้แล้วว่าเจียงเพ่ยหลานคือคนที่มาช่วยงานอีกคนและรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยอยู่ที่สถาบันวิจัย

เซี่ยชิงหยวนรู้ว่าหลินตงซิ่วจัดการกับผู้คนไม่เก่ง แต่อีกฝ่ายเชี่ยชาญในการชั่งน้ำหนัก ดังนั้นเธอจึงมอบหมายงานชั่งน้ำหนักให้กับหลินตงซิ่ว

เมื่อถึงเวลา ผู้หญิงวัยกลางคนที่ตั้งแผงขายสลัดเย็นเลียนแบบก็มาขายสลัดเย็นด้วยรถเข็นเหมือนเดิม

แต่วันนี้เซี่ยชิงหยวนค้นพบว่าราคาขายของอีกฝ่ายลดลงไปเหลือ 2.5 เหมาต่อจิน

เซี่ยชิงหยวนถามเจียงเพ่ยหลาน “ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงลดราคาลงอีกแล้วล่ะ?”

เจียงเพ่ยหลานพูดว่า “ตอนที่เราหยุดร้านไปเมื่อสองสามวันก่อน ผู้หญิงคนนั้นคงคิดว่าลูกค้าของเราจะย้ายไปซื้อร้านของตัวเอง นางก็เลยทำสลัดเย็นมากกว่าเดิม ทว่่ากลับขายไม่หมดเสียเกินครึ่ง อีกทั้งยังมีคนมาบ่นว่าสลัดเย็นที่เธอขายรสชาติไม่ได้เรื่อง บางคนถึงกับมาตำหนิว่าท้องเสียเลยนะ จากนั้นก็ไม่มีใครซื้อสลัดเย็นของเธออีกเลย แม้เธอจะพยายามลดราคาก็ตาม”

แม้จะไม่ได้ขายของมาสองสามวัน แต่เจียงเพ่ยหลานก็ให้ความสนใจกับสถานการณ์ของตลาดอยู่เสมอ

เซี่ยชิงหยวนฟังและพยักหน้า “เป็นแบบนั้นนี่เอง”

เหตุการณ์นี้ยังคงพิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งที่เซี่ยชิงหยวนยืนยันในตอนนั้นถูกต้อง

เนื่องจากหญิงสาวปิดร้านมาสองสามวันแล้ว วันนี้จึงมีคนจำนวนมากที่คิดถึงสลัดผักเย็นของเธอ

ยังไม่ทันที่เซี่ยชิงหยวนจะทันได้ตะโกนขายด้วยซ้ำ ผู้คนก็แห่กันมาที่แผงขายสลัดเย็นที่คุ้นเคยกันแล้ว

ผู้หญิงวัยกลางคนที่ขายสลัดเย็นอยู่ทางด้านข้างเห็นภาพเหล่านั้นแล้วดวงตาพลันแดงก่ำ

แต่เพราะบทเรียนจากคราวที่แล้ว ผู้หญิงคนนี้จึงไม่กล้าพูดอะไรอีก แต่แรงมือที่กวนสลัดเย็นนั้นกลับแรงขึ้นเรื่อย ๆ

จนกระทั่งลูกค้าที่อยู่หน้าแผงขายของเซี่ยชิงหยวนส่งเสียงไม่พอใจ “คุณกวนผักแรงขนาดนั้น พวกมันก็ช้ำกันพอดีสิ!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้หญิงวัยกลางคนถึงได้รู้ตัว

เมื่อครู่เธอลืมตัวเพราะเอาแต่พยายามคิดหาวิธีที่จะเอาชนะเซี่ยชิงหยวน

วันนี้ต้องขอบคุณความช่วยเหลือของหลินตงซิ่ว พวกเขาจึงขายสลัดเย็นหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว

เซี่ยชิงหยวนจ่ายค่าแรงของเจียงเพ่ยหลาน จากนั้นเดินไปซื้อของแห้งสำหรับทำสลัดเย็นในวันรุ่งขึ้นกับหลินตงซิ่ว และขี่สามล้อกลับบ้านด้วยกัน

เซี่ยชิงหยวนกำลังถีบรถสามล้ออยู่ทางข้างหน้า ขณะที่หลินตงซิ่วนั่งอยู่เบาะหลัง พวกเธอยิ้มอย่างมีความสุข

เธอมีความสุขมากจริง ๆ

ทว่าเมื่อผ่านทางแยก เซี่ยชิงหยวนก็ได้ยินเสียงกรีดร้องมาจากข้างหน้า

เธอจึงพบว่ามันคือรถบรรทุกขนาดเล็กที่หลุดการควบคุมและชนแผงลอยนับไม่ถ้วนตลอดทาง กำลังมุ่งตรงมาหาเธอ

มีฝูงชนตื่นตระหนกอยู่ข้างหน้าและเธอไม่สามารถขยับตัวบนจักรยานสามล้อได้แม้แต่นิ้วเดียว

เซี่ยชิงหยวนตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “แม่คะ กระโดดลงจากรถ!”

หลินตงซิ่วนั่งอยู่ทางด้านหลัง และร่างของเซี่ยชิงหยวนก็บดบังการมองเห็นของเธอ หญิงวัยกลางคนไม่อาจตอบสนองไปชั่วขณะและต้องการมองไปข้างหน้า

เมื่อเซี่ยชิงหยวนเห็นว่าไม่ทันเวลาแล้วเธอจึงกระโดดลงจากรถ แล้วดึงหลินตงซิ่วออกมาจากรถพร้อมกัน

เมื่อหญิงสาวดึงหลินตงซิ่วออกมา ความเร็วของรถบรรทุกคันเล็กก็ช้าลงแล้ว และมันอยู่ห่างจากเธอมากกว่าสิบเมตร

เซี่ยชิงหยวนมองไปยังรถสามล้อ หม้อและกระทะบนรถ เธอรู้สึกไม่เต็มใจที่จะเสียไป

เธอรีบวิ่งไปข้างหน้าคว้าหน้ารถสามล้อและต้องการจะลากไปทางด้านข้าง

ทว่าเธอยังก้าวช้าเกินไป ท้ายรถสามล้อเฉี่ยวเข้ากับกระโปรงหน้าของรถบรรทุกเล็ก!

เซี่ยชิงหยวนยืนอยู่ข้างรถสามล้อและสายเกินไปที่จะหลบ

เมื่อเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนกำลังจะถูกรถสามล้อชน ทันใดนั้นร่างที่แข็งแรงก็พุ่งออกมาจากด้านข้าง

ท่ามกลางเสียงอุทานของทุกคนและเสียงกรีดร้องของหลินตงซิ่ว ร่างที่แข็งแรงนั้นจับเอวของเซี่ยชิงหยวนไว้ กล้ามเนื้อแขนของเขาปูดขึ้นมา ในชั่วพริบตาเขาก็พาเซี่ยชิงหยวนไปยังตำแหน่งที่อยู่ห่างออกไปสองเมตร

ผิวของชายคนนั้นเป็นสีข้าวสาลีดูมีสุขภาพดี และเหงื่อยังคงไหลหยดลงมาจากหน้าผากของเขา

ดวงตาของเขาดูเฉียบแหลม ใบหน้าของเขาเย็นชาและแข็งกระด้าง สรุปโดยรวมคือเขาเป็นผู้ชายที่ดูสมเป็นชายชาตรีมาก

เขาเอ่ยถามขึ้นมา “คุณเป็นอะไรไหมครับ?”

เซี่ยชิงหยวนเพิ่งฟื้นจากอาการตกใจเมื่อครู่นี้

เธอพูดด้วยความงุนงงว่า “ขอบคุณค่ะ ฉันไม่เป็นอะไร”

ขณะที่เธอพูด เธอพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา

ชายคนนั้นเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองยังคงจับตัวอีกฝ่ายอยู่ เขาจึงรีบปล่อยมือทันที

เอวที่นุ่มนวลและกลิ่นกายของผู้หญิงคนเมื่อครู่ดูจะยังติดอยู่ที่ปลายนิ้วและจมูกของเขา จากนั้นชายคนนั้นก็หน้าแดงเล็กน้อย

เขาพูดว่า “ผมขอโทษครับ”

เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “ไม่เป็นไรค่ะ คุณเพิ่งช่วยฉันไว้นี่”

หลินตงซิ่วผลักฝูงชนและรีบวิ่งเข้ามาหา

เธอตรวจดูเซี่ยชิงหยวนอย่างกังวล จากนั้นโค้งคำนับให้ชายผู้นั้นด้วยความขอบคุณ “ขอบคุณค่ะ! ขอบคุณนะคะ!”

ชายคนนั้นก้าวไปข้างหน้าและช่วยหลินตงซิ่วประคองให้ลุกขึ้น “คุณป้าไม่ต้องเกรงใจครับ มันเป็นสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้ว”

หลินตงซิ่วตกใจจนน้ำตาไหล

เธอไม่สนใจที่จะเช็ดมันออกก่อนจะถามว่า “ขอโทษนะคะ คุณชื่ออะไรเหรอ? วันหลังเราจะไปขอบคุณคุณแน่นอน”

ชายหนุ่มคิดในใจว่าการช่วยเหลือผู้คนไม่จำเป็นต้องทิ้งชื่อไว้

แต่เมื่อเขาสบกับดวงตาที่ใสราวกับดวงแก้วของเซี่ยชิงหยวน เขาก็พูดทันทีว่า “ผมชื่อหลิงเยี่ยครับ”

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท