กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 174 พี่ใหญ่

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 174 พี่ใหญ่

บทที่ 174 พี่ใหญ่

ภายในสถานีตำรวจ

ผู้คนจากทั้งสองฝ่ายต่างเผชิญหน้ากัน ขณะที่ตำรวจกำลังไกล่เกลี่ยอยู่ด้านข้าง

คนจากทั้งสองแก๊งที่อยู่ทางงด้านข้างยังคงสบถ “ไอ้สถุน!” และอีกคนก็ด่าว่า “มารดามึง” กระทั่งคำด่าบางคำเซี่ยชิงหยวนก็ไม่นึกว่าจะได้ยินออกมาไม่รู้จบ

เมื่อทั้งสองฝ่ายด่ากราดใส่กันจนหมดความอดทน พวกเขาก็กำลังจะเริ่มต่อสู้กัน

แต่เมื่อถูกตำรวจปราม พวกเขาจึงพากันถอดรองเท้าแล้วโยนใส่กันแทน

ทันใดนั้นรองเท้าก็ปลิวว่อนไปทั่วทั้งโรงพัก

พร้อมกันนั้นก็มีกลิ่นปลาเค็มโชยมา

เซี่ยชิงหยวนกับอาเซียงนั่งข้างกัน ขณะกอดถุงกระสอบไว้ในอ้อมแขน มองดูเรื่องตลกตรงหน้าอย่างงุนงง

และเมื่อมีคนถอดรองเท้าบินมาหา พวกเธอก็ย่อตัวลง ปล่อยให้รองเท้าแตะลอยผ่านศีรษะไป

หลังจากรองเท้าแตะลอยผ่านไป เซี่ยชิงหยวนก็ดึงอาเซียงให้นั่งตัวตรงอีกครั้ง

เมื่อมองดูใกล้ ๆ ผมของเซี่ยชิงหยวนนั้นฟูฟ่อง มีสิ่งสกปรกบนหน้าผากและใบหน้าของเธอที่ยังไม่ได้เช็ดให้สะอาด

นอกจากนี้ ริมฝีปากบนและหน้าผากของเธอยังแดงบวมและมีเลือดออกตรงช่วงขา

เมื่อเห็นฉากนี้ มันราวกับว่าเซี่ยชิงหยวนต้องทนทุกข์ทรมานกับการถูกกระทำบางอย่างมาก่อน

ดังนั้น การปรากฏตัวของเซี่ยชิงหยวนในครั้งนี้ จึงทำให้ตำรวจเชื่อว่าการทะเลาะกันระหว่างทั้งสองฝ่ายในครั้งนี้เกิดจากผู้หญิงคนหนึ่ง

ฟู่ชุนไจ่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโจวจิ่นจือหลังจากเขาพาอาเฉียงออกไป

แต่เมื่อพิจารณาจากการที่โจวจิ่นจือจับกางเกงของเซี่ยชิงหยวนแน่นไม่ยอมปล่อยหลังจากที่หมดสติไป เขาคิดว่าคนเหล็กผู้นี้คงกำลังผลิดอกรักในระหว่างกำลังหลบหนี

ไม่สิ แม้แต่ปากของสาวน้อยคนนี้ก็บวมเป่ง

เพื่อให้ลูกพี่ของเขาได้รับการรักษาที่ดีขึ้น ฟู่ชุนไจ่จึงไม่มีทางอื่นนอกจากบอกให้เซี่ยชิงหยวนพันผ้าพันแผลให้ลูกพี่ใหญ่

แน่นอนว่าหญิงสาวย่อมไม่เต็มใจ เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันไม่รู้จักเขา!”

ฟู่ชุนไจ่กำลังจะบ่นลูกพี่ของตัวเอง แต่เซี่ยชิงหยวนกลับทำสิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่า เธอหยิบกรรไกรที่อยู่ใกล้มือแล้วตัดขากางเกงตรงบริเวณที่ถูกโจวจิ่นจือจับไว้

เพียงเท่านั้นโจวจิ่นจือก็กำเศษผ้านั้นติดมือแล้วถูกเข็นเข้าไปในห้องถัดไป

ฟู่ชุนไจ่กับพี่น้องในแก๊งมองไปยังเซี่ยชิงหยวนด้วยสายตาขุ่นเคือง ราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงไม่รู้จักสำนึกบุญคุณบราวนี่ออนไลน์

หญิงสาวหันกลับมาอย่างไม่แยแสและนั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ

ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่าตำรวจจะยุติการปะทะอารมณ์ของทั้งสองฝ่ายได้

ทว่าภายในสถานีตำรวจเต็มไปด้วยรองเท้าแตะ และมีกลิ่นแปลก ๆ โชยออกมา

เมื่อประตูห้องข้าง ๆ ถูกผลักเปิดออกอีกครั้ง โจวจิ่นจือก็เดินออกมา

ริมฝีปากของเขาขาวซีดพอ ๆ กับใบหน้าที่ไม่มีเลือดฝาด เสื้อที่เปื้อนเลือดถูกถอดออก เหลือเพียงผ้าก๊อซพันร่างกายช่วงบนเป็นรูปกากบาท

แผลบางแห่งลึกเสียจนมีเลือดไหลซึมออกมา

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฟู่ชุนไจ่รีบพุ่งไปช่วยพยุงเขาทันที

โจวจิ่นจือกะพริบตามองไปรอบ ๆ และตกตะลึงเมื่อสายตาของเขาสบเข้ากับเซี่ยชิงหยวน

เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าเธอจะมาที่นี่ด้วย

ข้างนอกมีฝนตก และกลิ่นสายฝนพร้อมกับไอดินก็โชยเข้ามาทางประตูโรงพัก

เมื่อดมกลิ่นอย่างระมัดระวัง ก็จะได้กลิ่นคาวเลือดจาง ๆ และยาฆ่าเชื้อปะปนกัน

เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้นสบตากับโจวจิ่นจือ

ตอนนั้นเอง เธอจึงพบว่าแท้จริงแล้วโจวจิ่นจือนั้นดูดีมาก และใบหน้าของเขาก็หล่อเหลามากทีเดียว

มีเพียงดวงตาของเขาที่ดูเฉียบคม จึงทำให้ผู้คนเพิกเฉยต่อรูปร่างหน้าตาที่น่าทึ่งของชายหนุ่ม

เขามีดวงตารูปดอกท้อที่น่าหลงใหล แต่เมื่อมองมายังผู้คน เขาจะเย็นชาและห่างเหิน

นัยน์ตาดอกท้อคู่นี้มองมาที่เธอไม่หยุดในขณะนี้ รูม่านตาที่เหมือนแก้วดูจะสะท้อนกลับหัวเนื่องจากสายฝน

เซี่ยชิงหยวนตกใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็จ้องเขากลับโดยปราศจากความกลัว

เธอไม่ได้ทำให้เขาลำบากสักหน่อย กลับเป็นเขาเองที่ทำให้ตัวเธอตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแบบนั้น

เซี่ยชิงหยวนยังจำฟู่ชุนไจ่ได้แล้วในตอนนี้ อีกฝ่ายคือนักเลงร่างผอมที่พบกันตรงที่สถานีรถไฟเมื่อบ่ายวันนี้ ตอนที่เธอเพิ่งมาถึงและอ้างว่าเป็นลูกพี่รอง

เธอไม่กล้าบอกเสิ่นอี้โจวแน่ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง

ตำรวจสอบปากคำอาเซียงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น

จากนั้นตำรวจก็วุ่นวายอยู่กับการจัดการกลุ่มนักเลง พวกเขาแค่จดบันทึกสำหรับเซี่ยชิงหยวนกับอาเซียง และก็ไม่สนใจพวกเธออีกต่อไป

ดังนั้นเธอจะรอดูก่อนว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้

ถ้าเรื่องนี้เลวร้ายลง หญิงสาวโทรหาเสิ่นอี้โจวเพื่อขอความช่วยเหลือ

โจวจิ่นจือชี้ไปทางเซี่ยชิงหยวน จากนั้นก้มหัวลงและพูดบางอย่างกับฟู่ชุนไจ่

ฟู่ชุนไจ่มองตรงไปทางเซี่ยชิงหยวนด้วยความไม่พอใจ จากนั้นเขาก็ก้มหน้าลงหลังจากถูกโจวจิ่นจือจ้องเขม็ง

เขาพูดกับตำรวจทันทีว่า “คุณตำรวจ เราไม่รู้จักสาวงามสองคนนี้ แค่ว่าก่อนหน้านี้สถานการณ์วุ่นวายจนพวกเธอเข้ามาเกี่ยวข้องโดยบังเอิญเท่านั้น”

เขาพูดและมองไปยังเซี่ยชิงหยวนอย่างมีความหมาย

คำให้การของเซี่ยชิงหยวนและอาเซียงในตอนนี้สอดคล้องกับคำพูดของโจวจิ่นจือและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นตำรวจจึงโบกมือให้พวกเธอ “พวกคุณสามารถกลับไปได้”

จากนั้นเขาก็บอกกับพวกเธอว่า “ตอนที่พวกคุณเดินออกจากที่พักก็ระวังตัวด้วย บริเวณนี้อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟและมันไม่ค่อยสงบนัก”

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “เราเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ”

ถึงอย่างไร ตำรวจคนนั้นก็มอบหมายให้ตำรวจอีกนายหนึ่งพาพวกเธอมาส่งที่โรงแรม

วันนี้เซี่ยชิงหยวนกับอาเซียงเหนื่อยมาก โดยเฉพาะเซี่ยชิงหยวนที่วิ่งหนีกับโจวจิ่นจือตลอดทั้งคืน

เธอหมดแรงแล้ว จึงเดินตามนายตำรวจไปอย่างงัวเงีย

ฟู่ชุนไจ่มองตามหลังของเซี่ยชิงหยวนและพูดว่า “ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักบุญคุณคนเลยจริง ๆ ลูกพี่อุตส่าห์ปกป้องขนาดนี้แล้ว เธอกลับไม่แม้แต่จะกล่าวขอบคุณ! ไม่สิ ไม่แม้แต่จะมองหน้ากันด้วยซ้ำ!”

โจวจิ่นจือมองไปยังทิศทางที่เซี่ยชิงหยวนจากไป สายตาของเขาจับจ้องไปที่รูขากางเกงขาด เผยผิวตรงต้นขาของเธอ มันทั้งขาวและวาววับ…

ในมือของเขายังคงถือเศษผ้าผืนเล็กที่มีสีเดียวกับกางเกงของเซี่ยชิงหยวนไว้อยู่

รอยตัดนั้นดูเรียบ เหมือนว่าจะถูกตัดด้วยกรรไกร

ก่อนจะเป็นลมชายหนุ่มก็ยังมีสติอยู่ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าเซี่ยชิงหยวนเตะตัวเอง

เป็นผู้หญิงที่โหดร้ายเสียจริง

โจวจิ่นจือรีบละสายตาอย่างรวดเร็วและกำผ้าไว้

เขามองไปยังฟู่ชุนไจ่อย่างเย็นชา “นายจะพูดอีกนานไหม”

อันที่จริง ถ้าเซี่ยชิงหยวนเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ในคืนนี้ การจัดการเรื่องต่าง ๆ คงจะแก้ไขได้ง่ายกว่านี้

แต่การปล่อยเธอไปแบบนี้ จะกลายเป็นคดีทะเลาะวิวาททันที

ฉะนั้น เมื่อรูปการณ์เป็นแบบนี้ เรื่องราวต่าง ๆ จะจัดกาได้ยากขึ้น

ฟู่ชุนไจ่หวาดกลัวต่อสายตาของโจวจิ่นจือ

เขาส่งยิ้มให้และกล่าวว่า “นี่ลูกพี่ ผมแค่ล้อเล่นน่ะ แค่ล้อเล่น”

จากนั้นคิ้วที่เหมือนหนอนสองตัวของเขาขมวดเข้าหากัน “แต่ลูกพี่ เราควรทำยังไงกับเรื่องนี้ดีล่ะ?”

โจวจิ่นจือพูดเบา ๆ “ก็ปล่อยไปแบบนี้แหละ”

ฟู่ชุนไจ่ “…”

หลังจากพูดจบ โจวจิ่นจือก็เดินนำออกไปจากสถานีตำรวจ

ฟู่ชุนไจ่ไม่ได้อายุน้อย ๆ แล้ว และเขาไม่เคยเห็นคนหยิ่งผยองอย่างลูกพี่เป็นแบบนี้มาก่อน

ไม่ทำอะไรแล้วก็จากไปแบบนี้เนี่ยนะ?

เมื่อเห็นว่าโจวจิ่นจือจากไปแล้ว สมาชิกของแก๊งชิงเฉิงก็ไม่ยินยอม “ทำไมแกถึงปล่อยเธอไป!”

คืนนี้คนที่ดูแลโรงพักก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน เรื่องของโจวจิ่นจือคงต้องให้หัวหน้าของเขาตัดสินใจสินะ

ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “พวกนายเป็นคนไล่ฆ่าเขา แต่เขาไม่ได้พูดอะไรเลย พวกนายยังต้องการอะไรอีก?”

ทว่าสมาชิกของแก๊งชิงเฉิงกลับยังคงส่งเสียงดัง

“แต่พี่น้องของเราหลายคนได้รับบาดเจ็บเพราะเธอเช่นกัน ทำไมคุณไม่สนใจบ้างล่ะ!”

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่เคยได้ยินก่อนหน้านี้ว่าโจวจิ่นจือเคยถูกคุมขังในสถานีตำรวจเลยสักครั้ง

ว่ากันว่าเป็นเพราะตำรวจไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับโจวจิ่นจือ

ตำรวจคนนั้นตะโกนปราม “ถ้าพวกนายยังคงกล้าโวยวายอีก ฉันจะสั่งขังพวกนายเพิ่มอีกสิบวัน!”

โจวจิ่นจือเดินนำหน้าฟู่ชุนไจ่และพี่น้องกลุ่มหนึ่งก็ตามหลังไป

คนอื่น ๆ สงสัยเป็นอย่างมากว่า ทำไมตำรวจถึงปล่อยลูกพี่ของพวกเขาออกมาอย่างง่ายดาย

แต่พวกเขารู้สึกว่าโจวจิ่นจือในขณะนี้ดูจะอารมณ์ไม่ดี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าถามอะไร

พวกเขาสงสัยว่าโจวจิ่นจือไม่สบายใจเพราะเรื่องของเซี่ยชิงหยวนหรือไม่

ดังนั้นมีคนหนึ่งพูดอย่างกล้าหาญ “ลูกพี่ ผมมีวิธีที่ดีในการจัดการกับผู้หญิงคนนั้นนะ ตราบใดที่ลูกพี่หลอกล่อเธอและหลับนอนกับเธอสักสองสามวัน ทำอย่างว่าคืนละหลายครั้ง ไม่ว่าเธอจะบริสุทธิ์หรือแข็งแกร่งเพียงใด ท้ายที่สุดเธอก็จะต้องเชื่อฟังลูกพี่อย่างแน่นอนครับ”

“ตราบใดที่ลูกพี่สั่งมาแค่คำเดียว ผมจะพาเธอมาหาลูกพี่ทันที!”

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท