กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี – บทที่ 178 กลัวจะถูกเล่นงาน

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 178 กลัวจะถูกเล่นงาน

บทที่ 178 กลัวจะถูกเล่นงาน

หลังจากจบเรื่องกับเซี่ยจื่ออี้ เสิ่นอี้โจวก็รีบโทรหาเซี่ยชิงหยวนโดยบอกว่าเขาได้ซื้อตั๋วรถไฟให้เธอแล้ว

เซี่ยชิงหยวนพูดกับอาเซียงว่า “เราพักสั้น ๆ กินข้าวตอนเที่ยง แล้วค่อยนั่งรถไฟกลับตอนห้าโมงเย็นนะ”

อาเซียงตั้งใจฟังการจัดการของเซี่ยชิงหยวนอย่างเต็มที่

เด็กสาวพูดว่า “งั้นฉันจะเก็บข้าวของของตัวเองเดี๋ยวนี้เลย”

เช้านี้พวกเธอซื้อเสื้อผ้ามาอีกสองถุงกระสอบ ดังนั้นจึงมีถุงกระสอบที่ใส่เสื้อผ้าถึงสี่ถุงแล้ว

เซี่ยชิงหยวนตัดสินใจซื้อถุงกระสอบใบที่ใหญ่กว่าเดิมมาสองถุง ขนาดใหญ่ที่จะใส่ถุงกระสอบสองถุงที่มีเสื้อผ้าไว้ข้างใน

ด้วยวิธีนี้ เธอและอาเซียงก็จะแบกถุงกระสอบกันแค่คนละถุงเท่านั้น

อีกทั้งพวกเธอก็มีเสื้อผ้าติดตัวไม่มากนัก เลยใส่ในกระเป๋าเป้ใบเล็ก ๆ

หลังจากเก็บข้าวของแล้ว เซี่ยชิงหยวนและอาเซียงก็ไปกินข้าวด้วยกัน

พวกเธอไม่กล้าไปไหนไกล เลยหาร้านที่อยู่ในซอยเล็ก ๆ ข้างโรงแรมเท่านั้น

ในซอยเป็นถนนที่ปูด้วยแผ่นกระเบื้องหิน ซึ่งมีพ่อค้าแม่ค้าขายของอยู่สองข้างทาง

ส่วนใหญ่เป็นรถเข็นเล็ก ๆ หรือตั้งแผงลอยชั่วคราว

เซี่ยชิงหยวนกับอาเซียงเลือกแผงขายบะหมี่เกี๊ยว และสั่งบะหมี่เกี๊ยวเนื้อสองชาม

ทันทีที่อาเซียงได้ยินคำว่า ‘วัว’ เธอก็โบกมือครั้งแล้วครั้งเล่า “พี่สาวเซี่ย ของฉันไม่ต้องใส่เนื้อสัตว์หรอกค่ะ”

เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “หลังจากมื้อเที่ยงดี ๆ นี้เรายังต้องนั่งรถไฟนานกว่าสามสิบชั่วโมงเลยนะ และเธอก็อุตส่าห์เดินทางมากับพี่ด้วย พี่จะปล่อยให้เธอหิวได้ยังไงล่ะ”

เธอหยิบตะเกียบออกมา วางแก้วลง และกำลังจะรินชาด้วยกาน้ำชา

อาเซียงรับมันอย่างรวดเร็วและพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันจะทำให้ค่ะ”

เธอเห็นเซี่ยชิงหยวนทำสิ่งเหล่านี้แล้วเมื่อวาน มันเลยไม่ใช่เรื่องยากอะไร

เซี่ยชิงหยวนส่งยิ้มและส่งตะเกียบให้อาเซียง

อาเซียงรับตะเกียบมา จากนั้นใส่ปลายตะเกียบลงในแก้วพร้อมเทชาร้อนลงไปตรงกลางตะเกียบ

เธอวนตะเกียบเล็กน้อย สะบัดน้ำออก และส่งให้เซี่ยชิงหยวน “พี่สาวเซี่ย นี่ค่ะ ได้แล้ว”บราวนี่ออนไลน์

เซี่ยชิงหยวนยิ้มและพูดว่า “เธอเรียนรู้ได้เร็วเลยนะ”

ไม่นานนัก บะหมี่เกี๊ยวก็ถูกเสิร์ฟ

บะหมี่เกี๊ยวสไตล์กวางตุ้งของที่นี่คล้ายกับบะหมี่สไตล์แต้จิ๋วในมณฑลอวิ๋น ยกเว้นแต่ตัวบะหมี่ที่ทำด้วยน้ำด่าง ซึ่งมีรสชาติต่างกัน

นอกจากนี้เนื้อสัตว์ส่วนใหญ่เป็นเนื้อสด ซึ่งมีหอมแดงที่เอามาผัดรวมกันก่อน เนื้อแบบนี้จึงมีรสสัมผัสที่นุ่มชุ่มกว่า

เส้นบะหมี่ที่มีส่วนผสมของน้ำด่าง เป็นเส้นบางเหนียว

ซุปทำจากน้ำซุปกระดูกหมู ซึ่งมีรสชาติที่กลมกล่อม

เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “ลองเลย”

หากไม่ใช่เพราะความไม่สะดวกที่จะนำขึ้นรถไฟไปด้วย เซี่ยชิงหยวนก็อยากจะซื้อกลับไปอีกสักชุดเพื่อกินบนรถ

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังรับประทานอาหาร พวกเธอก็ได้ยินคนตะโกนเป็นภาษากวางตุ้งใกล้ ๆ “พี่ชุน! พี่อยากกินไหม?”

ทันใดนั้นเซี่ยชิงหยวนก็เงยหน้าขึ้นและเห็นฟู่ชุนไจ๋พาคนสองสามคนมาที่นี่

ระหว่างทางพ่อค้าแม่ค้าที่ทำธุรกิจต่างมอบเงินให้ด้วยรอยยิ้ม

มันเป็นการเก็บค่าคุ้มครอง

เมื่อวานโดนจับ แต่วันนี้ออกมาได้แล้ว?

ความสัมพันธ์ของพวกเขาในกว่างโจวแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่?

เซี่ยชิงหยวนกระซิบกับอาเซียง “เรารีบกินกันเถอะ”

อาเซียงจำฟู่ชุนไจ๋ได้

เธอแทบจะฝังหัวของตัวเองลงไปในชามบะหมี่แสนอร่อย แต่ตอนนี้เธอไม่รู้สึกถึงรสชาติของมันแล้ว

โชคดีที่แผงลอยที่พวกเธอกินเต็มไปด้วยผู้คน ภายใต้ความกลัวของเซี่ยชิงหยวน ฟู่ชุนไจ๋ก็นำคนทั้งกลุ่มเดินผ่านไป

หลังจากฟู่ชุนไจ๋เดินไปแล้ว เซี่ยชิงหยวนและอาเซียงก็รีบจ่ายค่าอาหาร และมุ่งหน้ากลับไปยังโรงแรมทันที

พวกเธอไม่กล้างีบหลับอีก ทั้งสองต่างรีบช่วยกันเก็บข้าวของที่เหลือและจากไปอย่างรวดเร็ว

โดยไม่คาดคิดเลยว่า ทันทีที่พวกเธอทั้งสองเดินลงไปถึงประตูโรงแรม พวกเธอก็เห็นฟู่ชุนไจ๋เฝ้าประตูอยู่

เมื่อฟู่ชุนไจ๋เห็นเซี่ยชิงหยวน เขายิ้มและพูดว่า “คนสวย ช่างบังเอิญจริง ๆ”

เซี่ยชิงหยวนดึงอาเซียงเข้าไปข้างในโรงแรมโดยไม่เหลียวมอง

“เฮ้ อย่าเพิ่งไปสิ” ฟู่ชุนไจ๋หยุดเธอไว้ “เธอว่างไหม ไปดื่มชากับลูกพี่ของฉันหน่อย”

เขาสืบจนรู้ว่าเซี่ยชิงหยวนพักอยู่ที่ไหน เขาจะปล่อยให้เธอไปแบบนี้ได้อย่างไร?

ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ฉันไม่ได้สนิทกับเขา”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟู่ชุนไจ๋ก็ยิ้ม “สาวน้อย อย่าใจร้ายกันนักสิ ลูกพี่ของฉันเสียเลือดไปตั้งมากเพื่อปกป้องเธอ ตอนนี้เขายังนอนบนเตียงอยู่เลย อย่างน้อยเธอก็ควรไปเยี่ยมเขาใช่ไหม?”

อาเซียงทนไม่ไหวแล้วขณะนี้ เธอก้าวไปข้างหน้าและยืนอยู่ข้างหน้าเซี่ยชิงหยวน “พี่สาวของฉันบอกว่าเธอไม่รู้จักพวกคุณ อีกอย่างเราไม่ได้ทำให้ลูกพี่ของคุณบาดเจ็บเสียหน่อย ถ้าจะให้พูดตรง ๆ พวกคุณนั่นแหละที่สร้างความเดือดร้อนให้พวกเรา”

ฟู่ชุนไจ๋ลูบคางของเขาและมองไปที่อาเซียง “สาวน้อย ทำไมเธอหยาบคายจัง แค่คิดว่าเราต้องการเป็นเพื่อนกับพวกเธอก็ได้ ตกลงไหม?”

“ไม่” เซี่ยชิงหยวนปฏิเสธโดยตรง “ถ้าคุณยังไม่ไปอีก ฉันจะตะโกนเรียกคนแล้วนะ”

เมื่อเธอพูดประโยคสุดท้าย ระดับเสียงของเธอก็เพิ่มขึ้น

ในตอนแรกคนรอบ ๆ คิดว่าพวกเขากำลังคุยกันในหมู่เพื่อน แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว

บางคนที่อยู่ใกล้เคียงถึงกับถามว่า “คุณต้องการความช่วยเหลือไหม?”

เมื่อมีคนคนหนึ่งก้าวมาข้างหน้า คนอื่น ๆ ก็จะตามมา

ส่วนใหญ่เป็นผู้คนที่สัญจรไปมาและไม่รู้จักฟู่ชุนไจ๋

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าอย่างเป็นมิตรกับกลุ่มคนที่เข้ามาถาม “ฉันไม่รู้จักเขาค่ะ แต่เขายืนยันที่จะให้ฉันไปดื่มชาด้วย”

ทันทีที่ทุกคนได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาให้คำจำกัดความของฟู่ชุนไจ๋ว่าเป็นพวกกุ๊ยที่ไม่สามารถดึงดูดผู้หญิงได้ เลยอยากเล่นบทอันธพาลทันที

ดังนั้นพวกเขาจึงล้อมรอบเซี่ยชิงหยวนและอาเซียงโดยทันที พลางมองไปที่ฟู่ชุนไจ๋อย่างตั้งรับ

เมื่อฟู่ชุนไจ๋เห็นแบบนี้ก็เริ่มกลัว

ไม่ใช่ว่าเขากลัวผู้คน แต่เขากลัวว่าจะมีคนเลือดร้อนไปแจ้งตำรวจในภายหลัง และเขาจะถูกตำรวจจับอีกครั้ง ซึ่งโจวจิ่นจือคงจะสั่งสอนเขาอย่างแรงแน่

ดังนั้นเขาหัวเราะทันทีและพูดว่า “เข้าใจผิดกันแล้ว พี่ชายของฉันรู้จักเธอจริง ๆ และต้องการดื่มชากับเธอเท่านั้นเอง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนมองไปที่เซี่ยชิงหยวนและอาเซียงเพื่อรอคำตอบ

เซี่ยชิงหยวนไม่พูดอะไร และทำท่าทางหวาดกลัวโดยตรง

ดวงตาของเธอสั่นไหวอย่างรุนแรงและริมฝีปากเม้มแน่น ผู้คนต่างคิดกันว่าเธอไม่กล้าพูดเพราะกำลังกลัวการบังคับของฟู่ชุนไจ๋อยู่หรือเปล่า?

ดังนั้นชายชราคนหนึ่งจึงตะโกนทันที “ไม่มีใครรู้จักนาย ออกไปซะ!”

“ก็ได้ ฉันก็ไม่อยากจะทำตัวน่าเกลียดกลางวันแสก ๆ เหมือนกัน แต่ระวังหน่อยแล้วกันนะตอนเดินบนถนนน่ะ!”

ฟู่ชุนไจ๋ไม่ต้องการสร้างเรื่องใหญ่ ดังนั้นเขาจึงชี้ไปที่เซี่ยชิงหยวน จากนั้นโบกมือและจากไปพร้อมกับกลุ่มคนของเขา

เซี่ยชิงหยวนและอาเซียงขอบคุณผู้คนที่ช่วยพูดทั้งหลายทันที

มีบางคนเป็นห่วงพวกเธอและพูดว่า “มีพวกเดนคนอยู่แถวนี้ไม่น้อย สาว ๆ พวกเธอระวังตัวด้วยนะ”

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าอย่างสุภาพ “เข้าใจแล้วค่ะ”

หลังจากที่ฝูงชนแยกย้ายกันไป อาเซียงก็ดึงชายเสื้อของเซี่ยชิงหยวน “พี่สาวเซี่ยเราจะถูกเล่นงานเพราะทำแบบนี้ไหม?”

เซี่ยชิงหยวนถอนหายใจ “อาจจะไม่”

เมื่อกี้ฟู่ชุนไจ๋อาจทำท่าทางเหมือนโกรธ แต่ภายในแววตาไม่มีความขุ่นเคืองเลย และลูกพี่โจวคนนั้นก็ดูไม่ใช่คนเลวทรามเช่นกัน

แม้แต่ตอนที่ฟู่ชุนไจ๋บอกว่าจะเชิญไปดื่มชา เธอก็ยังสงสัยว่าเป็นความคิดของลูกพี่โจวคนนั้นเองหรือเปล่า

เซี่ยโยว่หมิงหรือคุณพ่อเซี่ยสอนเธอไว้ ว่าเกณฑ์สำคัญในการตัดสินคนคือ การมองเข้าไปในดวงตาของพวกเขา

เธอจึงรู้สึกว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คนเลวซะทีเดียว ยิ่งกว่านั้น มันจะกินเวลามากกว่าหนึ่งเดือน ก่อนที่พวกเธอจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง

มีเรื่องเกิดขึ้นทุกวัน ใครจะจำเหตุการณ์เล็ก ๆ นี้ได้บ้าง?

อย่างไรก็ตาม ครั้งต่อไปที่พวกเธอมา มันจะดีกว่าถ้าปลอมตัวมา เพื่อความปลอดภัย

เซี่ยชิงหยวนและอาเซียงถือถุงกระสอบใส่เสื้อผ้าใบใหญ่คนละถุง ซื้อรถเข็นขนาดเล็กระหว่างทางแล้วเอาถุงกระสอบเสื้อผ้าใส่ลงไป จากนั้นก็ไปที่สถานีรถไฟด้วยกัน

ทั้งสองยังคงได้นั่งในตู้นอน

ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวจากครั้งที่แล้วคือ ที่นั่งของพวกเธอไม่ได้นั่งอยู่ด้วยกันแล้ว พวกเธอนั่งอยู่ในตู้โดยสารสองตู้ที่อยู่ติดกันแทน

เซี่ยชิงหยวนไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เธอคิดว่าแค่ซื้อตั๋วได้ทันเวลาก็โชคดีมากแล้วมันจึงไม่มีทางเลือกอื่น

พวกเธอยัดเสื้อผ้าไว้ใต้ที่นั่งและเข้านอน

ในวันที่สอง เซี่ยชิงหยวนเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในตู้รถ

เมื่อเธอเข้าห้องน้ำ เธอสังเกตเห็นว่าบนรถมีคนน้อยกว่าตอนที่มาจริง ๆ

เธอเลยไม่ได้สนใจอะไรมาก เธอคุยกับอาเซียงแล้ววันเวลาก็ผ่านไปแบบนี้

กลางดึกเซี่ยชิงหยวนได้ยินเสียงประกาศรถไฟอย่างคลุมเครือโดยบอกว่าถึงสถานีคุนเฉิงแล้ว

คุนเฉิงเป็นเมืองหลวงของมณฑลอวิ๋น

เมื่อได้ยินเสียงนี้ เซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าหัวใจของเธอสงบลง

ในที่สุดเธอก็กลับมาที่มณฑลอวิ๋นเสียที

เธอมองออกไปนอกกระจกรถไฟที่มืดมิด หญิงสาวไม่สามารถหยุดอาการง่วงนอนได้ และผล็อยหลับไปอีกครั้ง

สักพักเธอก็รู้สึกว่ามีคนนั่งลงข้างเธอ

ชายคนนั้นเอื้อมมือมาลูบแก้มของเธอเบา ๆ

สิ่งนี้ทำให้เซี่ยชิงหยวนตื่นขึ้นจากความฝันทันที!

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Status: Ongoing
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี …ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด!หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท