บทที่ 187 ผิดปกติ
บทที่ 187 ผิดปกติ
แต่เดิมหลินตงซิ่วกำลังทำอาหารอยู่ในครัว
เสียงการทำอาหารข้างในดังมากจนเธอไม่ได้ยินอะไรในตอนแรกเริ่ม
ต่อมาก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นข้างนอก เธอคิดว่าคงเป็นเซี่ยชิงหยวนกำลังคุยกับเสิ่นอี้หลิน เธอจึงไม่ได้สนใจมากนัก
ทว่าหลังจากได้ยินไปเรื่อย ๆ เธอกลับรู้สึกเหมือนเป็นการทะเลาะกันมากขึ้น
เธอกลัวมากเลยวางตะหลิวแล้วรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
มันแย่มากที่ต้องมาเห็นสิ่งนี้ เธอเพิ่งได้ยินเติ้งซูอี้ดุด่าเสิ่นอี้หลิน จากนั้นไม่นานเซี่ยชิงหยวนก็ขับไล่เติ้งซูอี้ออกไปด้วยใบหน้าเย็นชา
ท่าทางเอาเรื่องของลูกสะใภ้ทำให้เธอตะลึงปากอ้ากว้างจนเกือบเท่าไข่เป็ดได้
เมื่อได้ยินเติ้งซูอี้ดุลูกชายของเธอเช่นนี้ เธอย่อมโกรธเป็นธรรมดา
แต่เมื่อได้เห็นเซี่ยชิงหยวนปกป้องเสิ่นอี้หลินแบบนี้แล้ว ดวงตาของเธอก็ชุ่มชื่นขึ้น
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยกเว้นเสิ่นอี้โจวที่กลับมาเป็นครั้งคราว มีเพียงเซี่ยชิงหยวนเท่านั้นที่ยืนหยัดเพื่อพวกเขาอย่างนี้
ใบหน้าของเติ้งซูอี้เต็มไปด้วยความโกรธ ร่างกายของเธอสั่นเทาไปหมด
เซี่ยชิงหยวนไล่ให้เธอไสหัวออกไปจริง ๆ!
อีกฝ่ายกำหมัดแน่น อยากจะยกมือขึ้นตบ
แน่นอนว่าเซี่ยชิงหยวนย่อมเห็นการเคลื่อนไหวนี้เป็นธรรมดา
เธอเชิดคางขึ้นอย่างท้าทาย “มาเลย มาสู้กันถ้าคุณมั่นใจ ไม่งั้นก็ไสหัวออกไปซะ!”
เติ้งซูอี้พูดอะไรไม่ออก “…”
เธอชี้ไปที่เซี่ยชิงหยวนอย่างโกรธจัด “เธอมันไอ้คนป่าเถื่อน!”
เซี่ยชิงหยวนตอกกลับ “คุณมันก็เป็นนังผู้หญิงปากพิษ!”
เติ้งซูอี้ “เธอมันไม่มีเหตุผล!”
เซี่ยชิงหยวน “ฉันก็กำลังโต้ตอบด้วยเหตุผลนี่ไง”
เติ้งซูอี้ “…”
เวลานี้ พฤติกรรมของพวกเธอได้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนรอบ ๆ บราวนี่ออนไลน์
แต่ด้วยตำแหน่งผู้ชายของทั้งสองฝ่ายเป็นข้าราชการระดับสูงทั้งคู่ ก็เลยไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งวุ่นวายด้วย ทุกคนเอาแต่โผล่หัวออกจากทางประตูหรือหน้าต่างเพียงเท่านั้น
แม้แต่ฟางเยว่ก็ยืนอยู่ที่ประตู มองด้วยรอยยิ้มกึ่งหนึ่ง
ทุกคนทำราวกับกำลังดูเรื่องสนุก
เติ้งซูอี้เสียเปรียบเซี่ยชิงหยวนตลอด
การอยู่ที่นี่ต่อไปรังแต่จะทำให้เธอเสียหน้าขึ้นเท่านั้น
เธอมองเซี่ยชิงหยวนอย่างเดือดดาล “เออ! เธอมันเก่ง!”
พอพูดอย่างนั้นเธอก็กำลังจะจากไป
แต่เซี่ยชิงหยวนก็โต้กลับมาทันที “แน่นอน ฉันเก่งกว่าคุณ”
สำหรับคนอย่างเติ้งซูอี้แล้ว เซี่ยชิงหยวนจะต้องรุกไล่ไม่ยอมถอยจนสุด
เธอจะไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้ตามที่ปรารถนา!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฝีเท้าของเติ้งซูอี้ก็สั่นสะท้าน
คราวนี้เธอไม่กล้ามองกลับไป และจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
เซี่ยชิงหยวนกอดเสิ่นอี้หลินที่ดวงตาแดงก่ำ พลางลูบหัวของเขาแล้วพูดว่า “อย่าไปสนใจกับคนแบบนี้เลย คนแบบนี้มันก็แค่พวกชอบพ่นขี้ปากใส่คนอื่นเท่านั้นแหละ”
เสิ่นอี้หลินขยี้ตาแล้วตอบว่า “ครับ”
แม้ครั้งนี้เขาจะโกรธเมื่อถูกด่าทอ แต่จริง ๆ แล้วเขาก็ไม่ได้เศร้าเหมือนเมื่อก่อนนัก
บางทีนี่อาจเป็นความแตกต่างเมื่อได้รับการปกป้องก็ได้
โดยไม่รู้ตัวเลยว่า เขารู้สึกปลอดภัยเหมือนกับที่มีแต่พี่ชายของเขาเท่านั้นที่ให้ได้
เขาลังเลและคว้าชายเสื้อของเซี่ยชิงหยวนพลางพูดว่า “พี่สะใภ้ ผมไม่เสียใจเลยครับ”
เขามีแม่ที่รักเขา มีพี่ชายที่เก่งกาจ และพี่สะใภ้ที่คอยปกป้อง เขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
หลังจากเห็นความโศกเศร้าในดวงตาจางหายไป เซี่ยชิงหยวนไม่เพียงแค่โกรธ แต่ยังมุ่งมั่นมากขึ้นเพื่ออนาคต
เธอตบไหล่เด็กชายด้วยความโล่งใจ และพูดด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อย เมื่อนายโตขึ้น นายจะต้องปกป้องพี่สะใภ้คนนี้ด้วยนะ”
หลังจากได้รับคำชมจากเซี่ยชิงหยวน เสิ่นอี้หลินก็รู้สึกเขินขึ้นมา เขาเกาหัวของตัวเอง พลางพูดว่า “ผมก็แค่โกรธน่ะ”
พี่สะใภ้ของเขาดีแบบนี้ทำไมคนอื่นถึงมาว่าร้ายเธอแบบนี้ได้?
เขาแอบทำข้อตกลงกับพี่ชายว่า ตัวเขาได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่สืบทอดตระกูลนับจากนี้ไป ส่วนพี่ชายและพี่สะใภ้จะใช้ชีวิตคู่กันแค่เพียงสองคน แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่เขารู้ว่านี่เป็นคำสัญญาระหว่างลูกผู้ชาย
เขาสัญญาแล้ว ดังนั้นเขาต้องปฏิบัติตาม และเมื่อพี่ชายคนโตไม่อยู่บ้าน ในฐานะผู้ชายคนเดียวในครอบครัว เขาจะปกป้องแม่และพี่สะใภ้ของเขาเอง
ทางด้านหลินตงซิ่วเองก็ไม่สามารถอดกลั้นได้อีกเช่นกัน และเช็ดน้ำตาของเธอ
แต่เมื่อมองไปที่ด้านหลังของเติ้งซูอี้ที่เพิ่งออกไปด้วยความโกรธ มันก็พลันรู้สึกกังวลขึ้นมาไม่ได้
ในความเป็นจริง เมื่อเธอทำงานที่บ้าน บางครั้งเติ้งซูอี้ก็เข้ามาเพื่อพูดอะไรสองสามคำ
แต่ทุกครั้งที่เปิดปาก เติ้งซูอี้ไม่ได้พูดเรื่องอื่นเลยนอกจากเรื่องครอบครัวของเธอเอง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับเสิ่นอี้โจวและเซี่ยชิงหยวน
แม้ว่าเติ้งซูอี้จะงี่เง่าแบบนี้ แต่หลินตงซิ่วก็ชัดเจนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของผู้คนในละแวกเพื่อนบ้าน
ผู้ชายของเติ้งซูอี้คือรองผู้อำนวยการ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับหลินตงซิ่วที่จะไล่อีกฝ่ายออกไป
เธอได้แต่ทนฟังอีกฝ่ายพูดไปเรื่อย ๆ โดยไม่พูดอะไรตอบ
เธอคิดว่าถ้าไม่ตอบโต้เติ้งซูอี้ อีกฝ่ายก็จะรู้สึกเบื่อไปเอง และจะไม่กลับมาอีก
แต่ใครจะคิดว่าความอุตสาหะและใบหน้าที่หนาของเติ้งซูอี้นั้นเกินขอบเขตความเข้าใจของเธอ
หลินตงซิ่วมองไปที่เซี่ยชิงหยวน และไม่รู้ว่าควรเผชิญหน้ากับลูกสะใภ้อย่างไรดี
ครั้งนี้เซี่ยชิงหยวนไม่ได้พูดกับเธออย่างอ่อนโยนและแผ่วเบาเหมือนในอดีต ‘แม่คะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ’
ตอนนี้เซี่ยชิงหยวนแค่เหลือบมองเธอเบา ๆ แล้วพูดว่า “แม่คะ หนูจะไปที่ครัวเพื่อดูว่าอาหารพร้อมหรือยังนะคะ”
เมื่อพูดจบแล้วก็เดินผ่านเธอไปที่ห้องครัว
หลินตงซิ่วยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความงุนงง จากนั้นมองไปที่เสิ่นอี้หลินเพื่อขอความช่วยเหลือ
แต่ตอนนี้เสิ่นอี้หลินรู้สึกอารมณ์เสียต่อแม่ของเขาเองอยู่
เขาต้องการถามแม่ว่าทำไมไม่ปกป้องเซี่ยชิงหยวน เมื่อเติ้งซูอี้พูดเรื่องซุบซิบเหล่านั้น
แต่พอเห็นแม่ตัวเองเป็นแบบนี้แล้วเขาก็คิดว่าช่างมันเถอะ
ปล่อยให้แม่คิดออกเองแล้วกัน
เขาแสร้งทำเป็นมองลึก ๆ ที่หลินตงซิ่ว พลางถอนหายใจและเข้าไปในครัว
หลินตงซิ่วยืนอยู่ในสนามมองไปที่เมฆบนท้องฟ้าอย่างรู้สึกหนักใจ แต่ก็ไม่สามารถแสดงความรู้สึกที่ไม่สบายใจนี้ได้
เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้ทำอะไรผิดไปจริง ๆ
เมื่อเสิ่นอี้โจวกลับถึงบ้าน เขาพบว่าบรรยากาศค่อนข้างอึดอัดแปลกๆ
ก่อนอื่นเขามองไปที่เซี่ยชิงหยวน ท่าทีของภรรยาเป็นปกติ
แต่เมื่อมองไปที่หลินตงซิ่วอีกครั้ง เสิ่นอี้โจวก็สังเกตเห็นดวงตาและท่าทางก้มหัวลงอย่างรู้สึกผิดของมารดา
ในที่สุดเขาก็หันไปมองเสิ่นอี้หลิน
เสิ่นอี้หลินกำลังกินปลาต้มที่ปรุงโดยเซี่ยชิงหยวน และเกือบสำลัก
หลังจากที่เขากลืนเนื้อปลารสเผ็ดเข้าไปในปากแล้ว เขาก็เหยียดนิ้วออกชี้ไปที่เซี่ยชิงหยวนอย่างเงียบ ๆ และจากนั้นไปที่หลินตงซิ่ว
จากนั้นเด็กน้อยก็ก้มหน้ากินข้าวอีกครั้ง
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เสิ่นอี้โจวก็กำลังจะหาโอกาสถาม จู่ ๆ ที่บ้านก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เขาเลิกคิ้วแล้วเดินไปเปิดประตู
เขาเห็นเหอเส้าหยวนและเติ้งซูอี้ยืนอยู่นอกประตู
เหอเส้าหยวนยิ้มตามปกติ
แต่เติ้งซูอี้ที่ยืนอยู่ข้างหลังเหอเส้าหยวนนั้นมีสีหน้าเหมือนท้องผูกก็ไม่ปาน
เมื่อเสิ่นอี้โจวเห็นแบบนี้ เขาก็พยายามคิดว่ามันน่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
มุมปากของเขากระตุกขึ้นมา “รองผู้อำนวยการเหอ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอครับ?”