บทที่ 192 ใครทำร้ายนาย?
บทที่ 192 ใครทำร้ายนาย?
เซี่ยชิงหยวนประเมินความกระตือรือร้นของคนหนุ่มสาวเหล่านี้ต่ำเกินไป ก่อนที่เธอจะพูดจบ เหล่าลูกค้าก็หยิบเสื้อผ้าทั้งหมดบนไม้แขวนแล้ว
โชคดีที่เสื้อผ้าที่เซี่ยชิงหยวนหยิบมาวันนี้ล้วนเหมาะกับคนหนุ่มสาวทั่วไป ยกเว้นบางคนที่ไม่เหมาะกับพวกมันเป็นพิเศษ
เหล่าคนหนุ่มสาวที่ไม่เหมาะ เซี่ยชิงหยวนและอาเซียงก็จะพยายามช่วยเลือกจากประสบการณ์และบุคลิกส่วนตัวของพวกเขา
ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ก็มีเสื้อผ้าเหลือเพียงโหลเดียวจากทั้งหมดหนึ่งร้อยตัวที่ถูกนำมาขาย แต่ละตัวที่เหลือนั่นเพราะขนาดไม่พอดีกับตัวลูกค้า
พวกเธอยังเอ่ยชื่อ ‘ตรอกเก่า’ เมื่อขายเสื้อผ้าด้วย และสัญญาว่าจะมาที่นี่ราวสัปดาห์ละครั้งในอนาคต
อาเซียงแตะถุงเงินที่นูนออกมา อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
เธอพูดด้วยรอยยิ้มดีใจ “พี่เซี่ย วันนี้เราได้เงินมากมายเลยค่ะ”
เซี่ยชิงหยวนเองก็ยิ้มด้วยเช่นกัน “ใช่ มันเกินความคาดหมายของฉันจริงๆ”
เพราะถึงยังไง มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะคาดหวังว่าลูกค้าจะซื้อเสื้อผ้าเหมือนซื้อสลัดเย็นได้ทุกวัน
ดังนั้นหลังจากขายที่หนึ่งได้ไม่กี่วันก็ต้องเปลี่ยนไปขายที่อื่น
เธอพูดว่า “ขายที่นี่สักสองสามวันแล้วเราจะไปลองดูแถวโรงงานบุหรี่กันนะ”
อาเซียงเข้าใจความจริงข้อนี้
เธอพยักหน้า “ดีค่ะๆ”
ตอนนี้เธอเชื่อฟังเซี่ยชิงหยวนอย่างสมบูรณ์
ไม่ว่าจะเป็นวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจหรือความกล้าหาญที่แสดงออกเมื่อเผชิญกับสิ่งต่าง ๆ มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงธรรมดาจะทำได้
เธอรู้เพียงว่าตราบใดที่เธอติดตามเซี่ยชิงหยวน เธอจะไม่ต้องกังวลกับสิ่งใด
เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “ไปขายที่ทางเข้าร้านในบ่ายวันนี้และหยุดพักกันเถอะ”
จาก ‘ตรอกเก่า’ มาที่นี่ ใช้เวลาสี่สิบนาทีในการปั่นรถสามล้อมา
ถ้าไปขายที่อื่นตอนบ่ายอีกคงจะเหนื่อยมากไปหน่อย
อาเซียงพูดว่า “ตกลงค่ะ”
ไม่ว่าเซี่ยชิงหยวนจะพูดอะไร สำหรับเธอมันถูกต้องทั้งหมด
ในช่วงบ่าย เซี่ยชิงหยวนขายเสื้อผ้าได้ประมาณยี่สิบตัวที่ตรอกเก่าบราวนี่ออนไลน์
จำนวนนี้อยู่ในความคาดหมายของเธอเช่นกัน
เสื้อผ้ากินเป็นอาหารไม่ได้ เธอเลยไม่สามารถคาดหวังให้ลูกค้าซื้อเยอะ ๆ ในทุกวันได้หรอกจริงไหม?
เธอปิดร้านและกลับบ้านพร้อมกับหลินตงซิ่ว
เสิ่นอี้หลินมาด้วยเมื่อเช้านี้ จากนั้นก็กลับไปงีบหลับที่บ้านคนเดียวในช่วงบ่าย แล้วก็ออกไปเล่นในบริเวณแถวละแวกบ้าน
เมื่อพวกเขากลับถึงบ้าน เสิ่นอี้หลินก็ยังไม่กลับมา
เซี่ยชิงหยวนเลยอาสาว่า “ฉันจะออกไปหาเขาเองค่ะ”
เสิ่นอี้หลินมักจะออกไปเล่นอยู่แถวบ้านเท่านั้น
ในเขตที่พักอาศัยเจ้าหน้าที่จะมียามเฝ้าอยู่ และหลาย ๆ คนในละแวกบ้านก็รู้ว่าเสิ่นอี้หลินเป็นน้องชายของเสิ่นอี้โจว ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าเด็กชายจะถูกลักพาตัวไปที่ไหน
เซี่ยชิงหยวนไปที่สวนสาธารณะในบริเวณนั้นก่อน
ที่นี่มีเด็กจำนวนมาก และเด็ก ๆ มักจะเล่นกัน
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้เซี่ยชิงหยวนกลับไม่พบตตัวเสิ่นอี้หลิน
เธอเลยคว้าเด็กที่อายุประมาณสิบขวบ พลางเอ่ยถามว่า “หนูน้อย หนูเห็นเสิ่นอี้หลินบ้างไหม?”
เด็กคนนั้นมองที่เซี่ยชิงหยวนก่อนแล้วพูดว่า “ผมไม่รู้”
จากนั้นเขาก็ผละจากเธอและวิ่งหนีไป
เซี่ยชิงหยวนขมวดคิ้ว
มีบางสิ่งไม่ปกติ
เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินไปตามทางลูกรังในสวนสาธารณะ และเธอจำได้ว่ามีบ่อทรายอยู่ข้างใน
ก่อนถึงบ่อทราย เธอเห็นเด็กกลุ่มหนึ่งวิ่งมาทางเธอ
เด็กบางคนวิ่งเร็วและชนเธอเข้า เซี่ยชิงหยวนช่วยเด็กคนหนึ่งให้ลุกขึ้น และรู้สึกกระวนกระวายโดยไม่มีเหตุผล เธอเร่งฝีเท้าและเดินเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว
ที่ก๊อกน้ำข้างบ่อทราย ร่างบางร่างหนึ่งเปิดก๊อกน้ำแล้วเทน้ำใส่หน้าเหมือนกำลังล้างหน้า เขายังคงสวมเสื้อเชิ้ตตัวสั้นสีขาวและชุดเอี๊ยมสีเขียวทหารที่เซี่ยชิงหยวนซื้อให้ตอนที่เธอส่งเขากลับตอนเที่ยง
ตอนนี้เสื้อเชิ้ตสีขาวเต็มไปด้วยโคลนและคราบสกปรก ทั้งยังมีรอยฉีกขาดที่ไหล่
สายข้างหนึ่งของเอี๊ยมขาด อีกข้างหนึ่งห้อยลงมาที่ขา และกระดุมหายไป
เซี่ยชิงหยวนมองจากด้านหลัง เธอรู้สึกเหมือนใจหล่นไปที่ตาตุ่ม
ขณะที่เธอกำลังจะเรียกหาเขา เสิ่นอี้หลินก็หันศีรษะมาทางเธอพอดี
เมื่อเด็กชายเห็นเซี่ยชิงหยวน เขาก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย จากนั้นเขาก็แตะจมูกโดยไม่รู้ตัว
เมื่อจำได้ว่าเมื่อกี้เขาล้างเลือดกำเดาออกแล้ว เสิ่นอี้หลินจึงลดมือลงและยิ้มให้เซี่ยชิงหยวน “พี่สะใภ้ ทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ?”
เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าวแต่ไม่เข้าใกล้เธอ “มันได้เวลาอาหารแล้วใช่ไหม?”
ขณะที่เขาพูดอย่างนั้น เขาก็ออกเดินนำไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว “โอ้ย ผมหิวมากเลยอะ!”
เมื่อเสิ่นอี้หลินเดินผ่านเธอไป เซี่ยชิงหยวนสังเกตเห็นบาดแผลบนใบหน้าของเสิ่นอี้หลิน มันเป็นรอยข่วนอย่างชัดเจน และยังมีรอยเท้าบนเสื้อผ้าของเขาด้วย
เสียงของเธอสั่นพลางเอ่ยเรียก “อี้หลิน”
ฝีเท้าของเสิ่นอี้หลินหยุดนิ่ง แต่เขาไม่กล้าหันกลับไป “มีอะไรเหรอครับพี่สะใภ้?”
เซี่ยชิงหยวนก้าวไปข้างหน้า วางมือบนไหล่ของเขา และจับร่างเล็ก ๆ ของเขาให้หันมาหาเธอ
ตอนนี้รอยแผลบนใบหน้าของเขาชัดเจนมากขึ้น
มีทั้งรอยแดงจากเล็บมือ รอยม่วงที่น่าจะเกิดจากการถูกชก และรอยถลอกที่น่าจะเกิดจากการไถลไปกับพื้น
แม้ว่าเด็กชายจะล้างมันไปแล้ว และรอยก็จางลง แต่จุดที่ถลอกก็มีเลือดไหลซึมออกมาอีกครั้ง
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกเจ็บปวดใจเมื่อเห็นเขาสภาพนี้
เธออดกลั้นความเจ็บปวดในใจและความโกรธที่ปลายจมูกไว้ แล้วถามว่า “ใครทำร้ายนาย?”
เธอไม่ถามถึงเหตุผลที่เขาต่อสู้ แต่เป็นใครที่ทำร้ายเขา
คำถามสองคำถามนี้มีความหมายต่างกันโดยสิ้นเชิง
ในอดีต ด้วยวันเวลาที่ยาวนานและมืดมนนั้น เขาสู้ไม่ถอยไม่ว่าจะกี่หนเหตุเพราะถูกด่าทอและรังแก
เมื่อกลับถึงบ้าน นอกจากความเสียใจและน้ำตาของหลินตงซิ่วแล้ว แม่ของเขาก็ยังถามเขาเสียงดังว่า “ลูกจะไปทะเลาะกับคนอื่นทำไมอีก!?”
เมื่อนานเข้า เขาก็หยุดที่จะสู้กลับไปทีละน้อย
คนเหล่านั้นทั้งทุบตีและดูถูกสาปแช่ง ทว่าตราบใดที่เขาเงียบและไม่ตอบโต้ คนเหล่านั้นก็จะหมดความสนใจหลังจากนั้นไม่นาน
พอมาคราวนี้เขาคิดว่าเซี่ยชิงหยวนจะตำหนิเขาเหมือนหลินตงซิ่ว และถามเขาว่าทำไมเขาถึงต่อสู้
ทว่าคำถามของเธอกลับแตกต่างออกไป
เบ้าตาของเขาเริ่มร้อนขึ้น เขาจึงหันหน้าหนี “ไม่มีใครทำอะไรผมหรอก ผมแค่หกล้มน่ะ”
สีหน้าของเขาแข็งกร้าว ดวงตาของเขามองไปทางอื่น ริมฝีปากเม้มแน่นราวกับว่าเขาพยายามที่จะแบกรับบางสิ่งไว้กับตัวเอง
แสงระเรื่อของดวงอาทิตย์ที่ใกล้จะตกฉายอาบลงบนใบหน้าของเขาด้วยความอ่อนโยน
มือของเซี่ยชิงหยวนลูบแก้มของเด็กชาย พลางแตะเบา ๆ บนรอยฟกช้ำแล้วถามว่า “เจ็บไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเธอ เสิ่นอี้หลินก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
เขารีบเช็ดมันออกทันพลัน
ตอนนั้นเอง เซี่ยชิงหยวนตระหนักได้ว่ามีรอยแผลเป็นทั่วมือและหัวเข่าของเขาเช่นกัน
เขาส่ายหัวครั้งแล้วครั้งเล่า “ไม่เจ็บ”
ความโกรธในใจของเซี่ยชิงหยวนไม่สามารถระงับได้อีกต่อไป และเธอก็ลุกขึ้นพร้อมกับพูดเสียงดัง “ไป! พาพี่ไปหาไอ้คนพวกนั้น!”