บทที่ 195 อย่าบอกพี่สะใภ้ของนาย
บทที่ 195 อย่าบอกพี่สะใภ้ของนาย
เสิ่นอี้หลินไม่รู้ว่าคำพูดที่ว่าเชือดไก่ให้ลิงดูของเสิ่นอี้โจวหมายถึงอะไร แต่เขารู้ว่าไม่มีอะไรที่เสิ่นอี้โจวทำไม่สำเร็จ
ดังนั้นเด็กชายจึงพยักหน้าอย่างคาดหวัง “ตกลง!”
ทั้งสองบรรลุข้อตกลงและออกจากห้องไป
ในเวลาเดียวกันก็บังเอิญว่าเซี่ยชิงหยวนและหลินตงซิ่วกลับมาพร้อมกับจานอาหารพอดี
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของสองพี่น้อง เซี่ยชิงหยวนคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเสิ่นอี้โจวที่เห็นอาการบาดเจ็บบนร่างกายของเสิ่นอี้หลิน ดังนั้นพี่น้องจึงพูดคุยกันเอง
เห็นแบบนี้เธอก็รู้สึกโล่งใจ
หลินตงซิ่วพูดว่า “ลูกกลับมาเมื่อไหร่เนี่ย ไปล้างมือและมากินอาหารกันเถอะ”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ครับแม่”
จากนั้นเขาก็ออกจากห้องนั่งเล่นพร้อมกับเสิ่นอี้หลิน
ขณะที่ล้างมือ เสิ่นอี้โจวปล่อยให้น้ำใสล้างมือที่กว้างและเรียวของเขา พลางถามเบา ๆ ว่า “ถ้าพี่สะใภ้ของนายถาม นายรู้ไหมว่าจะตอบว่าอะไร?”
เสิ่นอี้หลินพูดโดยไม่ต้องคิด “แค่บอกว่าไอ้เด็กพวกนั้นล้อผมว่าลูกไม่มีพ่อก็พอ”
น่าแปลก พอตอนนี้ได้พูดคำนี้ออกมา เขากลับไม่เศร้าเลย
เมื่อเรามีคนที่ต้องการปกป้อง บาดแผลในอดีตที่เคยสร้างรอยแผลเป็นไว้ก็จะกลายเป็นเกราะของเราเอง
เหตุผลนี้สมเหตุสมผลที่สุด และมีโอกาสน้อยที่สุดที่จะทำให้เซี่ยชิงหยวนสงสัย
ความทุกข์ปรากฏในดวงตาของเสิ่นอี้โจว
เขาอยากจะเอื้อมมือไปลูบหัวของน้องชาย แต่ก็พบว่ามือของเขายังเปียกอยู่
เขาหรี่ตาลงและพูดว่า “น้องชาย นายโตขึ้นมากจริง ๆ”
ดวงตาของเสิ่นอี้หลินเป็นประกายเมื่อเขาได้ยินคำพูดของเสิ่นอี้โจว
พี่ชายของเขาบอกว่าเขาโตขึ้นแล้ว มันคือคำชมที่ยิ่งใหญ่สำหรับเขา
เสิ่นอี้หลินยิ้มและพูดว่า “แน่นอน”
จากนั้นเขาก็วิ่งออกไปอย่างมีความสุข “ผมหิวมากเลย วันนี้พี่สะใภ้ทำอาหารอร่อย ๆ มากมายให้ผมด้วย!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นอี้โจวฉายชัดขึ้น
ชายหนุ่มพลางส่ายหัวแล้วตามออกไป
หลังอาหาร เซี่ยชิงหยวนใช้ประโยชน์จากการเดินออกไปทำงานบ้านของหลินตงซิ่ว และถามเสิ่นอี้หลินถึงเหตุผลที่แท้จริงเรื่องการต่อสู้
เสิ่นอี้หลินได้เตรียมคำตอบไว้แล้ว “พวกนั้นเรียกผมว่าเด็กไม่มีพ่อ ผมเลยต่อสู้กับพวกเขา”
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกอึดอัดเมื่อได้ยินสิ่งนี้
เธอจับมือเล็ก ๆ ของเสิ่นอี้หลิน “ไม่ต้องไปสนใจพวกนั้นหรอกนะ ครั้งหน้าใครก็ตามที่กล้าพูดเรื่องไร้สาระนี้อีก แค่บอกพี่มา พี่จะไปทุบตีคนพวกนั้นให้นายเอง”
คำพูดของเซี่ยชิงหยวนนั้นดีมากกว่าของหลินตงซิ่ว และเธอก็พูดจากใจจริง
ต่อให้เธอจะทุบตีเด็กเหล่านั้นด้วยตัวเองไม่ได้ แต่เธอก็สามารถไปสร้างปัญหาให้พ่อแม่ของพวกเด็กเหล่านั้นได้แน่นอน
ถ้าผู้ใหญ่ไม่พูดอะไรไร้สาระออกมา แล้วเด็ก ๆ จะรู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร?
เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวนปกป้องตัวเองมาก เสิ่นอี้หลินก็รู้สึกเศร้าเพราะเขาโกหกเธอ
เขาพยักหน้าและพูดว่า “ตกลง คราวหน้าผมจะบอกพี่สะใภ้แน่นอน”
สำหรับเด็กที่ทุบตีเขาคือใคร เสิ่นอี้หลินไม่เต็มใจที่จะพูด และเซี่ยชิงหยวนก็ไม่ได้ถามเพิ่มเติม
แต่ว่าเธอมีเบาะแสอยู่ในใจแล้ว
เด็กชายอายุสิบขวบที่เธอพบในเวลานั้นมีดวงตาตื่นตระหนก และมีรอยแผลบนใบหน้า
เมื่อเธอถามเขา อีกฝ่ายดูรู้สึกผิด
พอมองย้อนกลับไปแล้ว มันเหมือนคนที่เพิ่งทำร้ายคนอื่นมาแล้วกำลังหนีความผิดจากที่เกิดเหตุเลยใช่ไหม?
ทันทีที่เซี่ยชิงหยวนถามเสร็จ เสิ่นอี้โจวก็เร่งให้เธอไปอาบน้ำ
เซี่ยชิงหยวนไม่รู้ว่าทำไม
เพราะเสิ่นอี้หลินมักจะอาบน้ำก่อน
ยิ่งกว่านั้นนี่ก็ยังไม่ดึกเลย และก็เพิ่งกินอิ่มยังแน่นท้องอยู่
เสิ่นอี้โจวเดินเข้ามาหาเธอและพูดด้วยเสียงเบา “คุณรีบไปอาบน้ำแต่หัววันเร็ว แล้วเดี๋ยวผมจะตามคุณกลับไปที่ห้องของเรา”
ขณะที่เขาพูด เขาก็ตบบั้นท้ายกลมของเธอด้วยฝ่ามือใหญ่ พลางกะพริบตาให้ภรรยา
ความหมายโดยนัยนั้นชัดเจนเกินไป
เซี่ยชิงหยวนตกใจมากจนเธอเกือบจะกระโจน
นี่คือห้องนั่งเล่นนะ!
แต่ถึงอย่างนั้น ตำแหน่งที่เธอและเสิ่นอี้โจวยืนอยู่นั้นอยู่ที่ด้านหลังของโซฟา
ความสูงของพนักพิงโซฟาปิดบังมือที่ซุกซนของเสิ่นอี้โจวเข้าพอดี
เสิ่นอี้หลินรู้เพียงว่าพี่ชายและพี่สะใภ้ของเขากำลังหยอกล้อกัน แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังโซฟา
เซี่ยชิงหยวนจ้องมองที่เสิ่นอี้โจวพลางกัดฟันกรอด จากนั้นก็เข้าไปในห้อง แล้วหยิบเสื้อผ้าของเธอพร้อมไปอาบน้ำ
ทว่าหลังจากที่เซี่ยชิงหยวนเพิ่งเข้าห้องน้ำไปก็มีคนมาเคาะประตูบ้าน
ถ้าฟังให้ดีดูเหมือนว่าผู้มาเคาะกำลังเรียกชื่อเซี่ยชิงหยวน
เสิ่นอี้หลินมองไปที่เสิ่นอี้โจวทันที
เสิ่นอี้โจวนั่งบนโซฟาโดยไขว้ขาข้างหนึ่งขึ้น ดูไม่ใส่ใจ
เขาพยักหน้าขึ้นส่งสัญญาณให้เสิ่นอี้หลินไปเปิดประตู
เสิ่นอี้หลินเปิดประตูและเห็นเฉิงเฟิงกับพ่อแม่ของเขายืนอยู่ที่ประตู
เสิ่นอี้หลินนึกถึงเซี่ยชิงหยวนทันที
จากนั้นเขาก็จำได้ว่าเซี่ยชิงหยวนเพิ่งไปอาบน้ำ ดังนั้นเด็กชายจึงรู้สึกโล่งใจ
ถ้าเธออยู่ที่นี่ เขาจะไม่สามารถปิดบังอะไรได้อีกเลย
เมื่อพ่อและแม่ของเฉิงเฟิงเห็นเสิ่นอี้หลิน พวกเขาก็ระบายยิ้มอย่างรวดเร็ว “อี้หลิน พี่สะใภ้ของเธออยู่บ้านหรือเปล่า?”
เสิ่นอี้หลินส่ายหัว “พี่ชายของผมอยู่บ้านน่ะ”
หัวใจของทั้งคู่เต้นผิดจังหวะทันทีเมื่อพวกเขาได้ยินประโยคนี้
เมื่อพวกเขากลับถึงบ้าน พวกเขาได้ยินจากเด็กคนอื่น ๆ ว่าลูกชายของพวกเขาทุบตีเสิ่นอี้หลินร่วมกับเลี่ยวจวิ้น และพวกเขาก็หวาดกลัวจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง
เสิ่นอี้หลินเป็นน้องชายของเสิ่นอี้โจวเชียวนะ!
ครอบครัวพวกเขามีรายได้จากพวกเขาสองคน แต่พวกเขาทั้งคู่ล้วนทำงานที่ศาลากลาง หากตกงานเพราะเหตุการณ์นี้พวกเขาจะทำอย่างไร?
ทั้งคู่จึงรีบไปร้านค้าละแวกบ้านเพื่อซื้อของขวัญ และคิดจะไปขอโทษ
แน่นอนว่าสิ่งที่พวกเขาหวังไว้ในใจก็คือเป็นการดีที่สุดที่เสิ่นอี้โจวจะไม่อยู่บ้าน
เซี่ยชิงหยวนดูเหมือนจะคุยด้วยได้ง่ายกว่า พวกเขาอาจจะรอดตัวหลังจากขอโทษเธออย่างจริงใจสำเร็จ
สำหรับครอบครัวของเลี่ยวจวิ้น พวกเขารู้สึกเกลียดชังมาก
สอนลูกตัวเองไม่ดีแล้วยังมาทำให้ลูกคนอื่นเดือดร้อนไปด้วยอีก
พวกเขายังไปเรียกครอบครัวของเลี่ยวจวิ้นเมื่อออกมาข้างนอกเช่นกัน แต่ครอบครัวของเลี่ยวจวิ้นกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แถมยังบอกอีกว่าการที่เด็กทะเลาะกันไม่ใช่เรื่องใหญ่
เลี่ยวจวิ้นพูดให้ร้ายเซี่ยชิงหยวน แถมยังสอนให้ลูกของพวกเขาเรียนรู้เรื่องแบบนี้
จิ๊ จิ๊ เด็กอายุสิบขวบมีนิสัยแบบนี้ได้ยังไงกัน?
ไม่ใช่ว่าพ่อแม่คู่นั้นนินทาคนอื่นที่บ้านให้เด็ก ๆ ได้ยินหรือไง?
พวกเขาไม่สนใจครอบครัวของเลี่ยวจวิ้นอีกต่อไป หลังจากกลับมาจากซื้อของขวัญขอขมา พวกเขาก็ไม่คิดจะทำอาหารเย็น แต่รีบบึ่งมาที่นี่ก่อนเป็นอันดับแรก
เสิ่นอี้โจวค่อย ๆ หยิบถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นจิบแล้วพูดว่า “อี้หลิน ใครมา?”
เสิ่นอี้หลินตอบเข้าไปในบ้านว่า “อ้อ พ่อแม่ของเฉิงเฟิงที่วันนี้ทุบตีผมมาหาน่ะ”
สองพี่น้องตอบรับเข้าขากันได้เป็นอย่างดี ทำให้พ่อแม่ของเฉิงเฟิงเหงื่อแตกพลั่ก
มีเพียงความรู้สึกเดียวในใจของพวกเขา นั่นคือพวกเขาจะต้องตายแน่ ๆ!
ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงของใครบางคนเดินมา จากนั้นเสิ่นอี้โจวก็ปรากฏตัวที่ประตู
เสิ่นอี้โจวเลิกคิ้ว “พวกคุณมีปัญหาอะไร?”
ราวกับว่าเสิ่นอี้โจวปล่อยแรงกดดันของผู้ที่เหนือกว่า ทำให้คู่พ่อแม่ก้มหัวลงโดยไม่ได้ตั้งใจ
พ่อของเฉิงเฟิงพูดทันที “เลขาธิการเสิ่น วันนี้เรามาเพื่อขอโทษภรรยาของคุณและอี้หลินน่ะครับ”
จากนั้นเขาก็ผลักเฉิงเฟิงออกมาข้างหน้า “เรื่องวันนี้มันเป็นเพราะลูกโง่ของผมที่ทำผิด ไปเชื่อฟังคำพูดของเลี่ยวจวิ้น เราได้สอนบทเรียนให้เขาแล้วที่บ้าน และเขาก็สัญญาว่าจะไม่กล้าทำอีกครับ”
แน่นอนว่าเฉิงเฟิงถูกทุบตีโดยทั้งคู่อย่างรุนแรง
คู่สามีภรรยาพูดอย่างซื่อสัตย์และพวกเขาก็ไร้ความปรานีตอนที่พวกเขาทุบตีเฉิงเฟิง ตอนนี้เนื้อตัวเด็กชายถูกปกคลุมไปด้วยรอยไม้เรียว
ดวงตาของเสิ่นอี้โจวกวาดไปที่พวกเขาเบา ๆ และพูดว่า “คุณได้ยินอะไรเกี่ยวกับครอบครัวของผม? และได้ยินมาจากไหน?”
ตามปกติเซี่ยชิงหยวนจะใช้เวลาอาบน้ำราวยี่สิบนาทีถึงจะเสร็จ
เวลาราวยี่สิบนาทีนั้นเพียงพอสำหรับเสิ่นอี้โจวแล้วที่จะสอบสวนเรื่องราวและเข้าใจอะไรได้หลายอย่าง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทั้งคู่ก็ตกใจแล้วนึกถึงสิ่งที่พวกเขาได้ยินในที่ทำงาน
คนหนึ่งเป็นเลขาธิการ อีกคนเป็นรองผอ. พวกเขาไม่สามารถทำให้ใครโกรธเคืองได้เลย
แต่พวกเขามีทางเลือกด้วยเหรอ?
เมื่อเผชิญหน้ากับเสิ่นอี้โจวที่อายุน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด พวกเขากลับรู้สึกหวาดกลัวอย่างอธิบายไม่ถูก
พ่อของเฉิงเฟิงเม้มปากแน่น แต่เขาก็ตัดสินใจเล่าสิ่งที่ตนได้ยินมา