บทที่ 197 ลงโทษ
บทที่ 197 ลงโทษ
หลังจากที่ตื่นมา มีครั้งไหนบ้างที่สามีของเธอจะไม่ขอโทษแต่สุดท้ายก็ลืมเรื่องทั้งหมดอยู่ดี?
ดังนั้นคำขอโทษจะไปมีประโยชน์อะไรกัน?
เธอลุกจากผ้าห่ม บนร่างของเธอเต็มไปด้วยรอยจ้ำแดงตั้งแต่คอลงมา
เธอชี้ไปที่ร่างกายของตัวเอง “ดูสิ แบบนี้จะให้ฉันออกไปข้างนอกได้ยังไง!”
เพราะผิวของเธอขาวผ่องอยู่แล้ว ร่องรอยเลยค่อนข้างชัดเจน
ดวงตาของเสิ่นอี้โจวมืดลง พลางช่วยหญิงสาวดึงเสื้อผ้าที่เลื่อนตกลงไปด้านหนึ่งขึ้น พร้อมพูดว่า “เสื้อผ้าสามารถปกปิดได้อยู่นะ”
เซี่ยชิงหยวน “!”
เธอปัดมือของเขาออกและเลิกคิ้วขึ้น “คุณก็เลยคิดว่าทำแบบนี้มันไม่เป็นไรงั้นสิ?”
จู่ๆ เสิ่นอี้โจวดึงเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน และเกลี้ยกล่อมภรรยาอย่างอดทน “โอ๋ ๆ อย่าโกรธไปเลย ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วตกลงไหม?”
ชิงหยวนมองที่เขา “จริงเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “แน่นอน มันเป็นเรื่องจริง”
ต่อให้เขาสัญญาว่าจะไม่ทำแบบเดิม แต่เขาก็ยังสามารถลักพาตัวเธอขึ้นเตียงได้อยู่ใช่ไหม?
ด้วยการรับประกันของเสิ่นอี้โจว ความโกรธของเซี่ยชิงหยวนก็สงบลงอย่างสมบูรณ์
เธอปล่อยให้เขาช่วยเธอลุกจากเตียงแล้วพูดว่า “เอาล่ะ คุณไปทำงานได้แล้ว”
ดูเหมือนเธอจะได้ยินเสียงรถดังมาจากทางประตู
เสิ่นอี้โจวจูบเธอที่หว่างคิ้วและพูดว่า “ครับ ๆ”
หลังจากพูดอย่างนั้นเขาก็ออกจากห้องไป
เมื่อเซี่ยชิงหยวนและหลินตงซิ่วขี่สามล้อหมายจะออกไปที่ร้านตรอกเก่า พวกเธอก็ไม่ลืมที่จะทักทายยามที่ประตูใหญ่ตามปกติ
เมื่อยามเห็นเซี่ยชิงหยวน เขาก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง และอารมณ์ที่ซับซ้อนก็ฉายแววในดวงตาของเขา
แต่หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างรวดเร็ว “สวัสดีครับป้าหลิน สวัสดีครับคุณนาย!”
แม้ว่าท่าทางของยามจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แต่เซี่ยชิงหยวนก็ยังสังเกตเห็น
เธอไม่คิดมาก พลางพยักหน้าให้เขา และจากไปพร้อมกับหลินตงซิ่วบนจักรยานสามล้อของเธอ
ยามที่มองเซี่ยชิงหยวนปั่นจักรยานสามล้อจากไป ก็ทำได้เพียงส่ายหัวอย่างเสียใจ
มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับเซี่ยชิงหยวน บางอันฟังดูธรรมดาและบางอันฟังดูอุกอาจมาก
แต่ยังไงเขาก็ไม่เชื่อ
เซี่ยชิงหยวนมักจะพูดคุยอย่างเป็นมิตรโดยไม่มีการวางท่า
ยิ่งไปกว่านั้น เขาเห็นสายตาของเธอสดใสอยู่เสมอ มันไม่มีแววตาเกินงาม เมื่อเธอคุยกับเพศตรงข้ามเลย
เขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่เซี่ยชิงหยวนจะมีนิสัยเจ้าชู้
คนร้อยละแปดสิบอิจฉาเธอ และจงใจทำลายชื่อเสียงของเธอก็เท่านั้น
โชคดีที่เซี่ยชิงหยวนไม่พบผู้คนมากมายจากหน่วยตอนเธอออกไป ไม่อย่างนั้นอาจจะมีใครพูดอะไรบางอย่างต่อหน้าเธอเหมือนกัน
ส่วนเสิ่นอี้หลินที่นั่งอยู่บนหลังรถสามล้อรู้สึกกังวลใจมาก โดยเฉพาะก่อนออกจากประตูใหญ่ของเขตที่อยู่อาศัย
จนกระทั่งพวกเขาทักทายยามที่อยู่ชั้นนอกสุด เขาก็รู้สึกโล่งใจ
โชคดีที่ยามไม่พูดอะไร
หลังจากทั้งสามคนก็ไปถึงร้านตรอกเก่า โดยเซี่ยชิงหยวนก็เริ่มทำจานเนื้อและผักอีกครั้ง
ยำเนื้อวัวเป็นของโปรดของเธอก็จริง แต่ราคาของเนื้อวัวนั้นสูงเกินไป และก็ไม่ได้มีคนเอามาขายบ่อย ๆ ด้วย
หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เธอเลยตัดสินใจที่จะเริ่มด้วยเนื้อหมูที่มีความต้องการมากที่สุดก่อน
หมูต้มกับซอสกระเทียมเป็นอาหารที่ดีที่จะกินในฤดูร้อน
ก่อนอื่น ก็ควรเลือกหมูที่มีไขมัน เนื้อไม่ติดมันและมีไขมันน้อย จากนั้นแล่เป็นชิ้นบาง ๆ
ในการทำหมูต้มกับซอสกระเทียม ถ้าเนื้อหมูมีไขมันมากไปมันจะเลี่ยนเกิน แต่ถ้าไขมันน้อยไปรสสัมผัสก็จะหนักเกินไปเช่นกัน
วันนี้เธอเลยไม่ได้ไปซื้อเนื้อหมูเร็วนัก โชคดีที่ยังมีเนื้อหมูเหลืออยู่สองสามจินจากที่เถ้าแก่ร้านขายหมูที่เธอไปอุดหนุนบ่อย ๆ แบ่งเก็บไว้ให้
เขาหยิบมันออกมาจากตะกร้าไม้ไผ่แล้วพูดว่า “เดิมทีผมกะจะเก็บไว้ให้คนอื่น แต่ถ้าคุณต้องการ ผมจะขายให้คุณแล้วกัน”
หมูสามชั้นยังแบ่งออกเป็นเกรด บางชนิดมีไขมันเพียงชั้นเดียวและเนื้อไม่ติดมันอีกเพียงหนึ่งชั้น สัดส่วนไขมันกับเนื้อก็ไม่สม่ำเสมอทั้งชิ้น นี่คือหมูสามชั้นเกรดที่พบมากที่สุด
ส่วนอีกแบบคือที่มีไขมันบางและเรียงสลับกับส่วนเนื้ออย่างประณีตอย่างน้อยสามหรือสี่ชั้น ซึ่งเป็นหมูสามชั้นที่ดีที่สุด
เถ้าแก่คนนี้เก็บแบบที่ดีที่สุดเอาไว้
เซี่ยชิงหยวนมองไปที่หมูสามชั้น มันดูมีขนาดประมาณห้าหรือหกจิน ซึ่งหลังจากลวกแล้วน้ำหนักจะลดไปอีกพอสมควร
ดังนั้นเธอจึงพูดว่า “ฉันต้องการทั้งหมดนี้เลยค่ะ”
เถ้าแก่ร้านหมูหัวเราะ “ได้ ๆ ผมจะเอาใส่ถุงให้คุณนะ”
เขาถามอีกครั้ง “คุณต้องการให้ผมเอาหนังออกให้ไหม?”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะเถ้าแก่”
หนังหมูกับกระเทียมและเนื้อขาวจะทำให้ซุปเข้มข้นขึ้น และยิ่งมีน้ำมันมากขึ้น ดังนั้นทางที่ดีอย่าเอามันออกจะดีกว่า
เพียงแค่ล้างหมูสามชั้น ต้มรวมกับส่วนผสมที่ใส่ไว้ หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วหั่นแตงกวาเป็นชิ้นบาง จากนั้นม้วนเข้ากับชิ้นเนื้อ ปิดท้ายด้วยการราดซอสกระเทียมข้างบน
หมูต้มกับซอสกระเทียมรสเผ็ด อร่อยและเนื้อสัมผัสนุ่มชุ่มฉ่ำ
ตามชื่อของเมนูซึ่งมีรสกระเทียมแรงมาก การกินคู่กับแตงกวาจะช่วยให้รสเนื้อของหมูสามชั้นกำลังพอดี
ยิ่งจิ้มกับซอสกระเทียม แล้วเอาเข้าปากพร้อมกับความหวานของแตงกวา ถึงจะกินเยอะก็ไม่ต้องกลัวเลี่ยนเลย
เซี่ยชิงหยวนให้เสิ่นอี้หลินที่ยืนจ้องน้ำลายสอชิม “อร่อยไหม?”
เสิ่นอี้หลินกลืนมันในคำเดียวอย่างรวดเร็ว “อื้ม มันอร่อยมาก!”
หลังจากผ่านไปหนึ่งคืนที่เขาถูกทำร้ายเมื่อวานนี้ บนใบหน้าตรงรอยช้ำสีม่วงก็เข้มขึ้น ทำให้เขาดูน่าสงสารมากยิ่งขึ้น
แต่ตัวเขาเองไม่ได้สนใจกับรอยช้ำมากนัก และเมื่อเช้าตอนเขาทายา เขาก็ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่
เซี่ยชิงหยวนแย้มยิ้มและพูดว่า “เราเก็บไว้กินเป็นข้าวเที่ยงกันเถอะ”
เสิ่นอี้หลินกลืนน้ำลาย “ขายมันดีกว่าไหมพี่สะใภ้ น่าเสียดายออกที่จะกินมัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ไม่ใช่ว่าเราหาเงินเพื่อให้ได้มีเงินซื้อของกินดี ๆ เหรอ? และอีกอย่างเราทำมาตั้งเยอะแยะ มันน่าจะมีน้ำหนักมากกว่าสี่จินด้วยซ้ำ เราแบ่งมากินสักครึ่งจินและขายส่วนที่เหลือ เราก็ยังได้เงินเยอะอยู่ดี”
ถึงยังไงวันนี้เธอก็ทำสิ่งนี้เพื่อทดสอบตลาดเท่านั้น แต่เสิ่นอี้หลินรู้สึกว่าสิ่งที่พี่สะใภ้ของเขาพูดนั้นเจ๋งจริง ๆ
หากเป็นหลินตงซิ่ว เธอคงบอกให้เขากินน้อยลงและเก็บไว้ขายอย่างแน่นอน
เด็กน้อยตอบกลับด้วยความอ่อนโยน “ขอบคุณพี่สะใภ้!”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “อย่าลืมทบทวนคำศัพท์และเลขคณิตที่พี่สอนให้ในตอนเช้าด้วย พี่จะทดสอบนายที่บ้านในตอนเย็น”
เสิ่นอี้หลินกุมหัวตัวเองพลางส่ายหน้า “พี่สะใภ้ ปล่อยผมไปเถอะ!”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “ตอนนี้เป็นเดือนสิงหาคมแล้ว โรงเรียนจะเปิดในเร็ว ๆ นี้ นายต้องค่อย ๆ คุ้นเคยกับมันนะ”
เสิ่นอี้หลินก้มศีรษะลง “ถ้างั้นก็ได้”
จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง “ตอนเที่ยงผมอยากกินข้าวเพิ่มอีกชามอะ”
เซี่ยชิงหยวนตอบกลับ “ได้สิ”
ด้วยแรงจูงใจนี้ เสิ่นอี้หลินก็มีพลังใจมากขึ้น
ขณะเดียวกัน เขาหวังว่าเมื่อพี่ชายคนโตของเขากลับมาในตอนเย็น พี่ชายจะจัดการกับเรื่องเหล่านั้นแล้ว
ณ ที่ศาลากลาง
ภายในกระดานข่าวมีโปสเตอร์สีแดงแปะอยู่
คณะกรรมการระดับสูงได้มีการแปะรายงานเกี่ยวกับข่าวลือที่เกิดขึ้นในหน่วยในช่วงสองวันที่ผ่านมา นอกจากจะแก้ไขชื่อเสียงของเซี่ยชิงหยวนแล้ว พวกเขายังประกาศชื่อผู้กระทำผิดด้วย ได้แก่ เลี่ยวชางกุ้ย เติ้งซูอี้ และจางอวี้เอ๋อ
ทั้งสามคนได้รับคำเตือนและการลงโทษ
เลี่ยวชางกุ้ยและเติ้งซูอี้ถูกย้ายไปที่แผนกสุขอนามัยและความสะอาด ให้คอยรับผิดชอบด้านสุขอนามัยของหน่วยทุกวัน
ส่วนจางอวี้เอ๋อได้รับมอบหมายให้อยู่ในแผนกจัดซื้อของโรงอาหาร รับหน้าที่ในทีมจัดซื้อวัตถุดิบทุกวัน และรับผิดชอบในเรื่องการขนส่ง
สิ่งที่น่าแปลกใจที่สุดคือ ผู้ที่รับผิดชอบการสอบสวนและลงโทษนี้คือเหอเส้าหยวน
หลายคนยืนอยู่หน้ากระดานข่าว อ่านการลงโทษด้านบนแล้วกระซิบกระซาบกัน
ไม่รู้ว่าเหอเส้าหยวนเป็นคนเข้มงวดและไม่เห็นแก่ตัวหรือเพราะเขากลัวเสิ่นอี้โจวจริง ๆ จนยอมลงโทษภรรยาตัวเองแบบนี้
มีคนพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่าเมื่อคืนนี้รองผู้อำนวยการเหอและเติ้งซูอี้ทะเลาะกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยนะ”
“ดูเหมือนว่าจางอวี้เอ๋อจะอิจฉาภรรยาของเลขาธิการเสิ่น ดังนั้นเธอจึงจงใจทำลายชื่อเสียงของอีกฝ่ายแหละ”
“ฉันเคยพูดแล้วว่าจางอวี้เอ๋อไม่ใช่คนดี แต่ตอนนั้นเธอไม่เชื่อฉัน บางทีจางอวี้เอ๋ออาจเป็นคนที่ผ่านการทำแท้งมาหลายครั้งแล้วด้วยซ้ำ”
“เลขาธิการเสิ่นเป็นอะไรกันแน่ ทำไมแม้แต่รองผู้อำนวยการก็ยังต้องไว้หน้าขนาดนี้?”
“ไม่กลัวตายเหรอถึงกล้าพูดลับหลังแบบนี้!”
…
ในสำนักงานเลขาธิการ จางอวี้เอ๋อยืนผมเผ้ากระเซิง เธอร้องไห้ฟูมฟายอย่างหนัก
เสิ่นอี้โจวนั่งบนเก้าอี้ที่โต๊ะ มองเธออย่างเย็นชาด้วยสายตาที่เข้มงวดราวกับว่าหมดความอดทน