บทที่ 216 ไม่อาจทำให้เธอเสียใจ
บทที่ 216 ไม่อาจทำให้เธอเสียใจ
เช้าวันต่อมา ทั้งสองก็ไปที่โรงพยาบาลด้วยกัน
มีเพียงเซี่ยชิงหยวนเท่านั้นที่กินอาหารเช้าคนเดียว
เธอถามเสิ่นอี้โจว “คุณจะไม่กินมื้อเช้าเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวยิ้มและส่ายหัว “ไม่จำเป็น ผมจะต้องเข้าไปตรวจอยู่แล้ว ดังนั้นมันจะดีกว่าถ้าท้องยังว่าง”
เสิ่นอี้โจวนัดหมายกับสูตินรีเวชแพทย์ที่หยวนหงหลี่แนะนำล่วงหน้าให้ และฉู่ซิงอวี่ยังช่วยนัดหมายหมอที่เขาต้องการเข้าพบ
ว่ากันว่าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญที่เพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาลเมืองหลวง ทั้งทักษะและชื่อเสียงดีมาก
ต่อมาฉู่ซิงอวี่ส่งข่าวกลับมาว่าหมอบอกให้เขามาที่โรงพยาบาลในขณะท้องว่าง
หมอที่ดูแลเซี่ยชิงหยวนเป็นผู้หญิงแซ่ฮวง ซึ่งดูอายุราวห้าสิบปีและมีชื่อเสียงว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนรีเวชวิทยา
เธอเคยอยู่ต่างประเทศมาก่อน และกลับมาที่ประเทศจีนหลังจากการปฏิรูปและเปิดประเทศ
หมอฮวงมักจะยิ้มด้วยคิ้วและดวงตาที่ดูใจดีของตนเมื่อเห็นผู้คน
หลังจากอ่านรายงานก่อนหน้าของเซี่ยชิงหยวนในเมืองเตียนเฉิง และถามคำถามบางอย่างเกี่ยวกับเซี่ยชิงหยวน หมอฮวงก็ขมวดคิ้ว
พอเห็นแบบนั้น หัวใจของเซี่ยชิงหยวนเริ่มเต้นระส่ำ
หมอฮวงกล่าวว่า “เบื้องต้นฉันพอเข้าใจสถานการณ์ของคุณแล้ว แต่รายละเอียดลึก ๆ นั้นฉันคงต้องตรวจสอบเพื่อหาข้อสรุปอีกทีนะคะ”
เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูประหม่าของเสิ่นอี้โจวและเซี่ยชิงหยวน หมอฮวงก็ยิ้มและปลอบใจ “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องกังวลไป เดี๋ยวหมอขอรอดูผลการตรวจอีกหน่อยนะคะ”
เมื่อพูดอย่างนี้ หมอฮวงจึงเขียนรายงานการตรวจเบื้องต้นลงในเอกสารก่อนจะพูดว่า “ไปที่แผนกชำระเงินก่อนเพื่อชำระเงินนะคะ จากนั้นไปที่ห้องอัลตราซาวนด์เพื่อตรวจร่างกายค่ะ”
“แต่ก่อนการตรวจ คุณควรนั่งพักอยู่ข้างนอกสักครึ่งชั่วโมงเพื่อให้อารมณ์ของคุณไม่แปรปรวนมากเกินไปนะคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยชิงหยวนก็พยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
ทั้งสองเดินออกจากห้องให้คำปรึกษา และเสิ่นอี้โจวก็ตบหลังมือของเซี่ยชิงหยวนเบาๆ “ไม่เป็นไรนะ หมอฮวงเป็นหมอที่เก่งที่สุดในด้านนรีเวชวิทยา เธอมีชื่อเสียงมากและโรงพยาบาลที่นี่ก็ใช้ความพยายามไปเยอะมากในการดึงตัวเธอออกจากโรงพยาบาลเซี่ยงไฮ้”
ด้วยการปลอบโยนของหมอฮวงและเสิ่นอี้โจว มันทำให้เซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าก้อนหินที่กดทับอยู่ในหัวใจของเธอเบาลง
เธอพยักหน้า “อืม ฉันเข้าใจแล้ว”
เพราะเซี่ยชิงหยวนต้องรอครึ่งชั่วโมงก่อนที่เธอจะได้ตรวจสุขภาพ เวลาของเสิ่นอี้โจวในการไปพบหมอก็ใกล้เข้ามาแล้ว
เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “คุณไปตรวจของคุณเองก่อนเถอะ เมื่อคุณกลับมาฉันอาจยังไม่เสร็จก็ได้”
การเดินทางมาเมืองหลวงของมณฑลนั้นเป็นโอกาสที่หายาก และเธอยังเคยได้ยินชื่อของหมอที่เสิ่นอี้โจวจะไปพบ ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการให้เขาพลาดการตรวจเพราะตัวเธอเอง
เสิ่นอี้โจวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พลางพยักหน้าและพูดว่า “ตกลง ผมจะลงไปตรวจก่อนแล้วผมจะขึ้นมาเร็ว ๆ นะ”
เขาคิดเช่นกันว่าบางทีมันอาจจะดีกว่าถ้าไม่มีเธออยู่ด้วย
เมื่อเสิ่นอี้โจวไป หมอก็รออยู่ในห้องตรวจแล้ว
เสิ่นอี้โจวถูกผู้ช่วยนำทางไปที่ห้องตรวจโดยตรง
หมอมีใบหน้าที่ดูอ่อนวัยมากแต่มีผมสีขาว สวมแว่นตาขอบโลหะ มุมปากหยักดูจริงจัง
เมื่อเห็นเสิ่นอี้โจวเข้ามา หมอก็พยักหน้าและพูดว่า “ผมเป็นคนรับตัวอย่างทางพยาธิวิทยาที่คุณส่งมาจากเตียนเฉิงก่อนหน้านี้เองครับ”
โรงพยาบาลเตียนเฉิงไม่มีเครื่องมือที่ทันสมัยเหมือนของเมืองหลวงมณฑล ดังนั้นพวกเขาจึงส่งตัวอย่างมาที่นี่
ในความเป็นจริง มันถูกมอบหมายให้กับนักศึกษาของเขาในเวลานั้น และบังเอิญเขากำลังบรรยายให้กับนักศึกษา ดังนั้นเขาจึงนำตัวอย่างของเสิ่นอี้โจวมาทำโดยตรง
เมื่อรวมกับบันทึกการตรวจทั้งหมดแล้ว เคสของเสิ่นอี้โจวจึงถูกย้ายมาให้เขาทั้งหมด
ความประหลาดใจฉายแววในดวงตาของเสิ่นอี้โจว และเขาตอบทันที “ดูเหมือนว่าผมจะมีชะตาผูกกับหมอหมิ่นนะครับ”
ในขณะที่สวมถุงมือ หมอหมิ่นกล่าวว่า “แต่ผมกลับหวังว่าคุณจะไม่มาหาผมที่เมืองหลวงของมณฑลซะมากกว่านะ”
หากไม่อยากให้มาหา หมายความว่าอาการของเสิ่นอี้โจวไม่ได้แย่ลง
แต่การมาเมืองหลวงของมณฑลแบบนี้ บ่งบอกว่าสภาพร่างกายของเสิ่นอี้โจวอาจแย่ลงแล้ว
เสิ่นอี้โจวขมวดคิ้ว “ขอร้องนะครับ หมอช่วยผมที”
หมอหมิ่นถอนหายใจ “ดื่มยา แล้วขึ้นไปนอนบนเตียงเลยครับ”
…
สิบห้านาทีต่อมา เสิ่นอี้โจวยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของหมอหมิ่นและในมือของเสิ่นอี้โจวกำลังถือเอกสารรายงานผล สีหน้าของเขาค่อนข้างแย่
หมอหมิ่นเขามองไปที่เสิ่นอี้โจวและพูดว่า “สถานการณ์ปัจจุบันของคุณค่อนข้างแย่อยู่สักหน่อย”
เขาพูดต่อ “โดยปกติแล้ว คุณมักจะมีความรู้สึกแสบร้อนในท้องใช่ไหม? แถมบางครั้งยังปวดจนไม่อยากอาหารด้วยซ้ำ?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ใช่ครับ”
หมอหมิ่นถอดแว่น “ผมแนะนำให้คุณนอนโรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการ”
เขาชี้ไปที่รูปภาพด้านบน “คุณเริ่มมีอาการอักเสบที่อวัยวะภายในแล้ว และยังมีรอยโรคที่ยังไม่ได้วินิจฉัยในบางส่วน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยเพิ่มเติม”
“เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว ยาที่รับประทานในระยะแรกเริ่มจะรักษาได้เฉพาะการระงับอาการเบื้องต้นเท่านั้น แต่ไม่สามารถรักษาที่ต้นเหตุได้ หากคุณเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ผมสามารถสังเกตอาการของคุณได้ทุกเมื่อ แล้วจึงรักษาได้ตรงจุด”
สิ่งที่หมอหมิ่นพูดอยู่ในความคาดหมายของเสิ่นอี้โจว
ยาที่หมอสั่งครั้งล่าสุดได้ผลหลังจากผ่านไประยะหนึ่ง แต่ต่อมาท้องก็เริ่มรู้สึกอึดอัดอีกครั้ง
แม้ว่าจะไม่ร้ายแรงเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ไม่ดีขึ้นมากนัก
เสิ่นอี้โจวถามกลับ “ถ้าเข้าโรงพยาบาลจะใช้เวลานานแค่ไหนครับ?”
หมอหมิ่นกล่าวว่า “พูดยากอยู่นะ เวลาที่สั้นที่สุดคือครึ่งเดือน และเวลาที่นานที่สุดอาจเป็นสองหรือสามเดือน นอกจากนี้ ในกรณีของคุณ มีโอกาสมากที่คุณจะต้องเข้ารับการผ่าตัด”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เสิ่นอี้โจวก็ลังเลใจ ยกเว้นร่างกายของเขา ทุกอย่างกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ดี แต่ถ้าเขาต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เซี่ยชิงหยวนอาจจะเลิกอาชีพของเธอและอยู่ดูแลเขา
ครั้งนี้เธอยังบอกเขาด้วยความกระตือรือร้นที่เธอจะไปกว่างโจวหลังจากกลับบ้าน และในอนาคตเธอจะเปิดร้านเสื้อผ้าที่ดีที่สุดในถนนคนเดินเมืองหลวงของมณฑล…
ถ้าเธอรู้ เขานึกไม่ออกเลยว่าเธอจะร้องไห้ขนาดไหน
ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ยังมีปัญหากับร่างกายของตัวเองอยู่ด้วย ถ้าเธอต้องมาเป็นกังวลกับเรื่องของเขาอีก เธออาจจะทนไม่ไหว
เขาทนไม่ได้ถ้าต้องเห็นเธอเศร้าและร้องไห้ จึงกล่าวว่า “หมอครับ ตอนนี้จ่ายยาให้ผมก่อน ผมยังไม่สามารถลางานได้ในช่วงนี้ ผมจะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ”
นอกจากเซี่ยชิงหยวนแล้ว งานของมณฑลยูนนานรวมถึงเมืองเตียนเฉิงยังมีอยู่อีกมากมาย ซึ่งเขายังไม่สามารถวางทุกอย่างลงและนอนอยู่ในโรงพยาบาลได้
ครั้งนี้ที่เขามาถึงเมืองหลวงของมณฑลก็เพื่อรายงานเรื่องสำคัญอย่างหนึ่ง คือภัยแล้งในมณฑลยูนนาน
เมื่อฉู่ซิงอวี่เป็นคนโทรนัดหมอหมิ่นเพื่อนัดหมาย หมอหมิ่นจึงรู้จักตัวตนของเสิ่นอี้โจวไม่มากก็น้อย
เมื่อเห็นการยืนกรานของเสิ่นอี้โจว หมอหมิ่นก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดว่า “ในเมื่อเป็นกรณีนี้ ผมจะไม่บังคับคุณ ผมจะช่วยคุณเปลี่ยนยา และจะสั่งยาใหม่ตามอาการของคุณ ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารมีหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ อาหาร การทำงานและการพักผ่อน อย่าลืมรักษาอารมณ์ให้มีความสุข ทานอาหารให้ตรงเวลา และทานอาหารอ่อน ๆ มากขึ้นด้วย”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ขอบคุณครับหมอ”
ในที่สุดหมอชราก็ลุกขึ้นและส่งเขาออกไป “แม้ว่าคุณบอกจะรับปากว่าคุณจะกลับมาอีก แต่ผมจริงจังกับเรื่องนี้มากนะ คุณยังเด็ก ดังนั้นโปรดให้ความร่วมมือกับการรักษาด้วย คุณยังมีโอกาสสูงที่จะฟื้นตัวได้”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ผมเข้าใจแล้วครับ”
จากนั้นเสิ่นอี้โจวก็เปิดประตู ทว่าขณะที่เขากำลังจะก้าวออกไป เขากลับเห็นคนคุ้นหน้ายืนอยู่ที่หน้าประตู และดวงตาของเขาเบิกโพลง
เซี่ยจื่ออี้พูดด้วยรอยยิ้มขอโทษบนใบหน้าของเธอ “เลขาธิการเสิ่น”