ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 32 ทำงานหาเงิน

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 32 ทำงานหาเงิน

ตอนที่ 32 ทำงานหาเงิน

ในเมื่อหลินเซี่ยยืนกรานเช่นนี้ เฉินเจียเหอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องประนีประนอม “เอาล่ะ หู่จือกับผมจะไปบ้านของลุง ระหว่างนั้นจะซื้อของเพิ่มเติม แล้วเราค่อยกลับบ้านด้วยกัน”

“ค่ะ งั้นฉันไปทำงานก่อนนะ”

หลินเซี่ยโบกมือให้เฉินเจียเหอและหู่จือ ก่อนเดินเข้าไปในร้านตัดผม

วันนี้เธอเพิ่งซื้อเสื้อบุนวมตัวใหม่ และกลัวว่ามันจะสกปรก เธอจึงขอปลอกแขนเสื้อจากเถ้าแก่เนี้ยและเริ่มทำงาน

เนื่องจากเธอตัดผมของลุงคนก่อนได้ดีมาก เถ้าแก่เนี้ยจึงยอมรับทักษะของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังได้ยินว่าเธอมาจากเมืองไห่เฉิง

ลูกค้าหลายรายที่รอต่อแถวด้านหลังต่างเต็มใจให้เธอตัดผมให้เช่นกัน

พนักงานชั่วคราวคนใหม่นี้คงเป็นช่างตัดผมมืออาชีพ และเคยผ่านประสบการณ์มามาก

หลังจากที่หญิงสาวได้รับการสระผมแล้วลุกมานั่งที่เก้าอี้ หลินเซี่ยก็เริ่มลงมือตัดผม

ผมของผู้หญิงคนนี้ยาวเลยไหล่ และอยากเล็มให้สั้นลง เพราะปกติหล่อนมักจะรวบผมขึ้น หล่อนจึงอยากให้ผมตรงกลางพองขึ้นเล็กน้อย และดูไม่เรียบเกินไป

หลินเซี่ยทำตามคำขอของอีกฝ่าย โดยตัดเล็มผมให้เป็นทรงประบ่า จากนั้นใช้เครื่องเป่าผมเพื่อม้วนจัดทรงด้านใน

ผมของหล่อนดูมีสไตล์และเงางามในทันที หญิงสาวมองดูตัวเองในกระจก และรู้สึกประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลง

หล่อนถามอย่างมีความสุขว่า “ต่อจากนี้ไปผมของฉันจะเป็นแบบนี้ตลอดไหมคะ?”

หลินเซี่ยส่ายหัวและตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ฉันใช้เครื่องเป่าผมทำลอนให้ มันจะอยู่ได้ราวสองถึงสามวัน หลังจากสระผมแล้ว มันจะไม่ได้อยู่ในสภาพนี้อีกต่อไปน่ะค่ะ”

ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือเครื่องม้วนผมแบบโลหะในปัจจุบันใช้งานยุ่งยากเล็กน้อย ซึ่งส่งผลต่อสไตล์ของเธอ

หญิงสาวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “เอ๋ แล้วฉันยังทำทรงผมแบบนี้ได้อีกไหมคะ?”

“ถ้าต้องการทำผมทรงนี้ คุณจะใช้วิธีดัดลอนตรงปลายก็ได้ค่ะ แต่มันจะดูต่างจากการม้วนด้วยเครื่องเป่าผมแบบนี้ไปบ้าง ถึงอย่างนั้นการลอนปลายผมหลวมๆ ก็ดูสวยเหมือนกันนะคะ”

“ผมของคุณค่อนข้างสั้น ดัดผมเพียงเล็กน้อยก็ดูหนาและมีสไตล์มากขึ้นแล้ว”

เด็กสาวกล่าว “ฉันจะรอจนกว่าผมรอบนี้จะเสียทรงก่อน แล้วค่อยมาให้คุณดัดแล้วกัน”

“ได้ค่ะ”

เถ้าแก่เนี้ยเฝ้าดูความสามารถในการเอาใจลูกค้าของหลินเซี่ย และรู้สึกเขินอายเล็กน้อย

เนื่องจากหล่อนเป็นช่างตัดผมอาวุโสและเคยทำงานในร้านตัดผมของรัฐ จึงมักมีทัศนคติไม่แยแสต่อลูกค้ามากนัก

หล่อนรู้สึกว่าอาชีพของตนมีความเหนือกว่า เว้นแต่จะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีสถานะพิเศษเข้ามา จึงจะต้อนรับอย่างอบอุ่น และไม่ค่อยยิ้มให้กับลูกค้าทั่วไปที่หล่อนไม่รู้จัก

การตัดผมของหล่อนค่อนข้างหยาบ พูดตามตรงแล้ว ทรงผมที่หลินเซี่ยสร้างขึ้นด้วยเครื่องเป่าผมนั้นเป็นสิ่งที่หล่อนเลียนแบบไม่ได้จริง ๆ

“ดัดผมค่ะ” หญิงวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมขนสัตว์เดินเข้ามา

หลินเซี่ยรีบเข้ามาทักทาย “คุณพี่ ต้องการดัดผมแบบไหนคะ?”

ผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามามองหาเถ้าแก่เนี้ย

ผู้หญิงข้างหน้าที่กำลังรอตัดผมต่างก็ไม่ไว้ใจหลินเซี่ย ขณะรอให้เถ้าแก่เนี้ยมาทำผมให้

หลินเซี่ยรีบคว้าตัวหญิงสาวที่เพิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

เถ้าแก่เนี้ยดึงหลินเซี่ยเข้ามาและแนะนำเธอให้ลูกค้ารู้จัก “นี่คือช่างทำผมที่ฉันจ้างมาจากเมืองไห่เฉิง หล่อนมีฝีมือมาก คุณลูกค้าไว้วางใจให้หล่อนดัดผมได้นะคะ”

หลินเซี่ยกลัวว่าลูกค้าจะไม่ไว้ใจเธอ จึงรีบแนะนำทรงผมยอดนิยมหลายแบบอย่างมืออาชีพ

นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างทรงผมหลายแบบติดไว้บนผนังของร้าน ผลงานการจัดแต่งทรงผมของเถ้าแก่เนี้ยแทบจะไม่เหมือนในรูป แต่ทุกคนก็ไม่ได้ใส่ใจ สำหรับพวกเขา ตราบใดที่ดัดผมตัวเอง ก็ถือว่ามีสไตล์มากแล้ว

“คุณมาจากไห่เฉิงใช่ไหม? งั้นขอแบบลอนใหญ่แบบนี้ให้ฉันหน่อยสิ”

“คุณพี่ มันเป็นตัวเลือกที่ดีมากค่ะ ผมลอนใหญ่จะทำให้ดูเด็กลง และยังดูเป็นผู้หญิงมากขึ้น”

“กรุณานั่งตรงนี้นะคะ”

เถ้าแก่เนี้ยไม่มีน้ำยาดัดให้เลือกมากมายเหมือนร้านตัดผมสมัยปัจจุบัน และคิดราคาห้าหยวนสำหรับทุกคน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเจรจาเพื่อให้ลูกค้าเลือกน้ำยาดัด และให้เลือกเพียงทรงผมที่ต้องการ จากนั้นก็เริ่มทำได้ทันที

กุญแจสำคัญในการดัดผมอยู่ที่เทคนิคและคุณภาพของน้ำยาดัดผม ซึ่งหลินเซี่ยค่อนข้างเชี่ยวชาญ เธอสามารถม้วนผมได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

หลังจากทาน้ำยาดัดแล้ว ก็จะให้ลูกค้านั่งอบผมด้วยความร้อนเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง

ระหว่างรอ หลินเซี่ยก็ตัดผมให้ลูกค้าคนอื่น ๆ

สรุปคือไม่มีเวลาพักผ่อนเลย

นอกจากนี้เธอยังรู้จักทรงผมสมัยใหม่หลากหลายแบบ เธอสามารถเลือกทรงผมให้เหมาะกับรูปศีรษะและรูปหน้าของลูกค้าแต่ละคนอย่างระมัดระวัง ประกอบกับการมีวาทะศิลป์ เต็มใจที่จะสื่อสารกับลูกค้าและรับฟังความคิดเห็น ทั้งยังแนะนำทรงผมต่าง ๆ อย่างอดทน ซึ่งทำให้ลูกค้าพึงพอใจอย่างมาก

คนที่เข้ามาทีหลังต่างยอมรอเพื่อให้เธอทำผมให้

เธอและเถ้าแก่เนี้ยต่างก็ยุ่งอยู่กับการทำผมลูกค้า ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นเท่าหนึ่ง

หลินเซี่ยงานยุ่งจนลืมเวลา เธอตัดผมให้ลูกค้าไปเรื่อย ๆ กระทั่งเห็นว่าเฉินเจียเหอและหู่จือกลับมารับเธอ

เฉินเจียเหอถามว่า “ทำงานเสร็จหรือยัง? ได้เวลากลับบ้านแล้ว”

หลินเซี่ยเหลือบมองนาฬิกาแขวนบนผนัง และพบว่ามันเป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็นแล้ว

วันในฤดูหนาวค่อนข้างสั้น ถึงเวลาหกโมงเย็นท้องฟ้าก็มืดแล้ว พวกเขาต้องรีบกลับบ้านก่อนหกโมงเย็น ไม่อย่างนั้นพวกเขาต้องเดินทางกลับบ้านในความมืด

หลินเซี่ยตอบ “แค่ตัดผมให้หนุ่มหล่อคนนี้ก็เสร็จแล้วค่ะ”

หลินเซี่ยตัดผมให้เด็กชายด้วยทรงแสกข้าง 4/6 หลังจัดทรงแล้วทำให้ดูเป็นเด็กหนุ่มมีพลัง และยังดูคล้ายกับดาราฮ่องกงยามสะบัดผม

ชายหนุ่มจ่ายเงินแล้วจากไปด้วยความพึงพอใจ

หลินเซี่ยเก็บกรรไกรและวางแผนที่จะเลิกงาน

เถ้าแก่เนี้ยต้องการรั้งให้หลินเซี่ยไว้และให้เธอพักอาศัยอยู่ที่นี่ในตอนกลางคืน แต่เฉินเจียเหอไม่เห็นด้วย

หลินเซี่ยดึงแขนเสื้อของเธอขึ้นและพูดกับเถ้าแก่เนี้ย “คุณพี่ ฉันตัดผมลูกค้าหกหัวและดัดผมอีกสามหัว ราคาที่เราตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้คือทั้งหมดเก้าหยวนค่ะ”

เจตนาของหลินเซี่ยนั้นชัดเจน เธอต้องการรับเงินค่าจ้าง

เถ้าแก่เนี้ยจับมือเธออย่างกระตือรือร้น ขณะพยายามเข้ามาใกล้

“เสี่ยวหลิน คุณจะทำงานต่ออีกสองถึงสามวันไม่ใช่เหรอ? งั้นค่อยจ่ายรวมกันทีหลังนะ”

หลินเซี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “เราตกลงกันว่าจะจ่ายวันต่อวันนะคะ”

“เสี่ยวหลิน ฉันเกรงว่าพรุ่งนี้เธอจะไม่มาแล้วหลังจากได้รับเงิน ฝีมือเธอดีมาก บ่ายวันนี้ต้องขอบคุณเธอจริง ๆ ไม่อย่างนั้นลูกค้าคงต้องเข้าแถวรอจนถึงค่ำ และฉันคงจัดการคนเดียวไม่ได้”

ลูกค้าบางคนที่ไม่อยากรออาจไปร้านทำผมอื่น ซึ่งได้ยินว่ามีอีกร้านหนึ่งที่เปิดอยู่ทางเหนือ การแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้เริ่มรุนแรงขึ้นอย่างมาก

หลินเซี่ยพูดด้วยเสียงหนักแน่น

“มาค่ะ ฉันมาแน่ มีงานทำและได้เงิน ฉันจะไม่มาได้ยังไง พรุ่งนี้เช้าฉันจะมาตอนแปดโมงเช้าค่ะ”

เถ้าแก่เนี้ยพูดอย่างจริงใจว่า “ในเมื่อเธอจะกลับมา งั้นเราจะจ่ายค่าจ้างรวมกันในทีหลัง ไม่ต้องห่วงนะ ฉันเปิดร้านนี้มาหลายปีแล้ว และจะไม่หักค่าจ้างแน่นอน เธอลงบันทึกบัญชีของเธอ ฉันจะลงบัญชีของฉัน เป้าหมายหลักของฉันคือการที่เธอทำงานที่นี่ต่อไป”

“ได้ค่ะ งั้นก็ถือเป็นอันตกลง เราค่อยพูดเรื่องค่าจ้างทีหลัง”

“ไปเถอะ กลับบ้านกันค่ะ”

เดิมทีเฉินเจียเหอต้องการเกลี้ยกล่อมให้เธอไม่มาที่นี่อีก แต่เนื่องจากเธอได้ตกลงกับเถ้าแก่เนี้ยแล้ว และยังไม่ได้รับค่าจ้างเลยด้วยซ้ำ แต่ท้ายที่สุดเธอเต็มใจกลับบ้านกับเขา ในที่สุดหัวใจของเขาก็เริ่มผ่อนคลายลง

ขณะที่ทั้งสามคนออกจากร้านทำผม หลินเยี่ยนบังเอิญถือถังขยะใบใหญ่ออกมาเททิ้งนอกร้านคนเดียว

ตลาดปิดแล้ว และร้านอาหารก็เตรียมปิดเช่นกัน

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

นึกออกเลยเวลาไปร้านทำผมที่ช่างหน้านิ่งไม่แนะนำอะไรกับอีกร้านที่ช่างเสนอนู่นนี่สารพัด

พี่เหออย่าหวงภรรยาให้มากนักสิคะ หวงจนเขามองออกแล้วนะ

ไหหม่า(海馬)

ปล. วันนี้มาช้าหน่อยนะคะ ต้องขออภัยผู้อ่านด้วย ผู้แปลเป็นไข้หวัดใหญ่ เลยแปลช้าหน่อย ความน่าเบื่อของการเป็นโรคนี้ก็คืออาการปวดหัวไม่หายนี่แหละค่ะ อย่างไรผู้อ่านก็ต้องรักษาสุขภาพกันนะคะ ช่วงนี้ระบาดหนักมากพอๆ กะโควิดเลยค่ะ

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท