ตอนที่ 40 ฉากอกหักครั้งใหญ่สำหรับคนมีความรัก
ตอนที่ 40 ฉากอกหักครั้งใหญ่สำหรับคนมีความรัก
ปากของแม่เฒ่าหลินเหมือนประทัด เสียงดังราวกับระเบิด จนดึงดูดชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียง
ยิ่งไปกว่านั้น เฉินเจียเหอผู้เงียบขรึมมาโดยตลอดพลันตกตะลึง เมื่อแม่เฒ่าหลินเรียกเขาว่าเฉินซื่อเหม่ย
“ผมไม่ใช่เฉินซื่อเหม่ย ผมไม่ได้มีคนรักอื่นนะ”
เขาหันไปพูดกับสิ่งนี้กับหลินเซี่ย
หลิวกุ้ยอิงมองเฉินเจียเหอและพูดด้วยความไม่พอใจ “เจียเหอ ในเมื่อเธอมาที่บ้านของเราเพื่อขอแต่งงานกับลูกสาวของแม่ นั่นหมายความว่าเธอชอบลูกสาวแม่จริง ๆ แม้ว่าเราจะเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา แต่เซี่ยเซี่ยก็เติบโตอยู่ในเมือง การต้องปรับตัวให้เข้ากับชนบทเป็นเรื่องท้าทายสำหรับเธอ หากต้องการยกเลิกการหมั้นหมาย มันจะกระทบกระเทือนจิตใจเธออย่างมาก เธอเคยคิดบ้างไหม ฉันสูญเสียลูกสาวไปแล้วครั้งหนึ่ง ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายหล่อนอีก”
หลิวกุ้ยอิงไม่ได้ฉุนเฉียวเหมือนแม่เฒ่าหลิน หล่อนมีการศึกษา รู้จักพูดจา และน่าเชื่อถือ
ในเวลานี้หล่อนหลั่งน้ำตาและมองดูหลินเซี่ยด้วยความทุกข์ใจ โดยสาบานในใจว่าจะไม่มีวันปล่อยให้ลูกสาวกลับสู่วังวนที่เจ็บช้ำอีก
เฉินเจียเหอขอโทษด้วยความรู้สึกผิด “แม่ ผมขอโทษ อย่าห่วงเลย ผมจะจัดการเรื่องนี้เป็นอย่างดี ผมไม่มีทางเปลี่ยนใจจากเซี่ยเซี่ย”
แม่เฒ่าหลินตะคอกอย่างเย็นชา “ไม่เปลี่ยนใจ? แต่แม่ของเธอเองไม่ใช่เหรอที่บอกว่าเธอมีคนรักรออยู่ในเมือง”
เฉินเจียเหอยังคงมองหลินเซี่ยและอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า “ผมไม่มีทางทำแบบนั้น”
โจวลี่หรงมองลูกชายผู้มักจะทำตัวห่างเหินที่ในเวลานี้กำลังพยายามอธิบายให้ครอบครัวนี้ฟังด้วยท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตน หล่อนก็ยิ่งมองพวกเขาด้วยความเกลียดชังและพูดอย่างเย็นชาว่า “ทำไมไม่ถามหลินเซี่ยด้วยล่ะ ว่าหล่อนชอบใครบางคนในเมืองหรือเปล่า?”
หล่อนมองคนตระกูลหลินและเฉินเจียเหอ ขณะที่พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “พวกคุณรู้ไหมว่าตอนที่หลินเซี่ยอยู่เมืองไห่เฉิง เธอมีแฟนหนุ่มชื่อหลิวจื้อหมิง? ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นที่รู้กันดีในครอบครัวโรงงานเครื่องจักร ฉันเลยกลัวว่าลูกชายของฉันจะกลายเป็นสามีที่ภรรยานอกใจในอนาคต”
ทันทีที่โจวลี่หรงพูดสิ่งนี้ ทุกสายตาก็หันมาจับจ้องที่หลินเซี่ย
แม่เฒ่าหลินและคนอื่น ๆ มองหลินเซี่ยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม
นังเด็กคนนี้มีคนรักด้วยงั้นเหรอ?
“สิ่งที่เธอพูดเป็นเรื่องจริงเหรอ? หลิวจื้อหมิงเป็นใคร?” แม่เฒ่าหลินมองหลินเซี่ยและถามคำ
หากเขาคนนั้นมีคุณสมบัติดีกว่าเฉินเจียเหอ พวกเขาจะได้ไม่ปล่อยให้เด็กสาวคนนี้เกาะติดกับเฉินเจียเหอ
หลินเซี่ยเผชิญหน้ากับการจ้องมองที่รุนแรงเหล่านั้น เธอตอบกลับเสียงเคร่งขรึม “ฉันไม่มีคนรักค่ะ หลิวจื้อหมิงพยายามเข้าใกล้เพียงเพื่อใช้ฉันเข้าใกล้ผู้อำนวยการเสิ่น เขาไม่เคยชอบฉันอย่างแท้จริง เมื่อเขารู้ว่าฉันไม่ใช่ลูกสาวของเสิ่นเถี่ยจวิน เขาก็วิ่งหายไปเร็วกว่ากระต่าย เปลี่ยนเป้าหมายและไปติดตามเสิ่นอวี้อิ๋งแทน ฉันรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขานานแล้ว ตัวตนเช่นนั้นไม่มีอะไรเทียบกับเฉินเจียเหอได้ ตอนนี้ฉันโตเป็นผู้ใหญ่และไม่ได้ตามืดบอด ฉันมีวิจารณญาณของตัวเองและรู้ว่าใครจริงใจใครจอมปลอม ฉันจะหวงแหนผู้ที่ปฏิบัติต่อฉันอย่างดี และจะไม่มีวันทำให้เฉินเจียเหอต้องผิดหวัง”
เธอใช้ประสบการณ์ที่เจ็บปวดเพื่อมองผ่านสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ชีวิตในชาตินี้ เธอจะไม่ยอมตามืดบอดอีกแล้ว
เธอพูดสิ่งนี้อย่างจริงใจในขณะที่มองเฉินเจียเหอ
เมื่อเผชิญหน้ากับคำอธิบายที่จริงใจของเธอ เฉินเจียเหอรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นรัวลั่น ราวกับพลุดอกไม้ไฟกำลังเปล่งประกาย
เขาพบว่าตัวเองมีภาพลวงตาว่าเธอกำลังสารภาพรักกับเขา
หัวใจเขาเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เขาสบตาเธอพลางตอบคำเบา “ผมเชื่อในตัวคุณ ตราบใดที่คุณไม่จากไป ผมก็จะไม่ทอดทิ้ง”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฉินเจียเหอพูดเรื่องนี้
คำเหล่านี้ไม่ใช่แค่บอกรักเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงทัศนคติของเขาด้วย
ในชีวิตก่อน แม้ว่าเธอจะทิ้งเขาไป เขาก็ยังไม่ยอมแพ้และมักปรากฏตัวเสมอเมื่อเธอตกอยู่ในอันตราย
หลินเซี่ยมองเขา ดวงตาสองเริ่มพร่ามัวด้วยม่านหมอก
เธอซาบซึ้งใจจนอยากจะร้องไห้
พวกเขาทั้งสองยืนเผชิญหน้ากันเช่นนี้ มองหน้าซึ่งกันและกัน ความรักในดวงตาของพวกเขานั้นชัดเจนมากจนแม้แต่ผู้เฒ่าในชนบทที่ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องความรักมากนักก็สามารถรู้สึกได้
เดิมทีมันเป็นสถานการณ์ที่ตึงเครียด แต่ทันใดนั้นก็กลายเป็นฉากอกหักครั้งใหญ่สำหรับคนมีความรัก
บรรยากาศเริ่มเบาบางลง
ใบหน้าของผู้เฒ่าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย ขณะเฝ้าดูพวกเขาแสดงความรักอย่างเปิดเผยราวกับว่าไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย
คนหนุ่มสาวที่เติบโตในเมืองช่างน่าทึ่งจริง ๆ!
พูดแสดงความรักต่อหน้าพ่อแม่โดยที่ไม่เขินอายจนหน้าแดง
โจวลี่หรงมองดูลูกชายที่หล่อนให้ความคาดหวังสูงที่เวลานี้กลับกลายเป็นคนโง่เขลาหลงใหลในความรัก ความคับข้องใจพลันครอบงำหล่อน จนทำลายบรรยากาศที่คลุมเครือทันทีที่เธอเปิดปาก “ฟังดูดีนี่ แต่ฉันเคยเห็นคนเช่นเธอมามากมายที่ใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมาย เธอและครอบครัวเธอแค่อยากเข้าใกล้เฉินเจียเหอเพื่อคว้าโอกาสกลับเข้าเมืองเท่านั้นไม่ใช่หรือไง? ฉันจะไม่ปล่อยให้พวกแกทำสำเร็จหรอก”
คำพูดของโจวลี่หรงแทงใจดำของหลินเอ้อร์ฝู เขาคำรามอย่างขุ่นเคืองว่า “โจวต้ายา อย่ามาดูถูกคนอื่นแบบนี้นะ!”
บรรยากาศเริ่มตึงเครียดอีกครั้ง เฉินเจียเหอก้าวมาปกป้องหลินเซี่ยไว้ด้านหลัง จ้องมองโจวลี่หรงด้วยสายตาเย็นชาและถามว่า “แม่ สร้างปัญหาพอหรือยัง? อยากทำอะไรกันแน่?”
“ฉันอยากทำอะไร? ฉันทำสิ่งนี้ก็เพื่อประโยชน์ของแกเองไง ฉันปล่อยให้คนพวกนี้ทำลายแกไม่ได้”
โจวลี่หรงมองครอบครัวตัวปัญหาและยิ่งมุ่งมั่นที่จะแยกพวกเขาออกจากกัน การคบค้าสมาคมกับญาติเช่นนี้ จะเกิดผลดีอะไรขึ้นในอนาคต?
หล่อนทำงานอย่างหนักเพื่อหลีกหนีจากชีวิตในชนบท โดยมีเป้าหมายเพื่อกำจัดญาติที่ยากจนและตัดสายสัมพันธ์กับเหล่าคนในชนบท เพื่อให้แน่ใจว่าลูกชายจะสามารถหลุดพ้นจากชนชั้นเดิมของหล่อนได้อย่างสมบูรณ์ แทนที่จะเข้าไปพัวพันกับคนเจ้าปัญหาเหล่านี้
หากหลินเซี่ยไม่ได้ถูกส่งกลับไปยังชนบท หากเธอยังคงเป็นลูกสาวของเสิ่นเถี่ยจวิน แม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนรุ่นเดียวกับเสิ่นเสี่ยวเหมย โจวลี่หรงคงจะไม่คัดค้านอย่างรุนแรงเช่นนี้
แท้จริงหลินเซี่ยค่อนข้างเข้าใจมุมมองของโจวลี่หรงเป็นอย่างดี อย่าว่าแต่โจวลี่หรงเลย แม้แต่ตัวเธอเองยังกลัวต่อท่าทางข่มขู่ของแม่เฒ่าหลินและหลินเอ้อร์ฝู
เธอต้องการอธิบายให้โจวลี่หรงเข้าใจจริง ๆ ว่าเธอจะไม่คบหาคนอย่างหลินเอ้อร์ฝูอีกในอนาคต แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะพูดสิ่งเหล่านี้
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
มันอัดอั้นตันใจมากใช่ไหมคุณแม๊ อุตส่าห์ไม่ยอมให้ลูกมาคบค้ากับคนบ้านนอก แต่ลูกก็ยังคว้าหญิงบ้านนอกมาเป็นเมีย ว่าแต่คุณแม๊ลืมอะไรไปเปล่าคะ ว่าคุณแม๊ก็เป็นคนบ้านนอกเหมือนกัน
ไหหม่า(海馬)