ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 51 คนดื้อรั้น

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 51 คนดื้อรั้น

ตอนที่ 51 คนดื้อรั้น

แม่เฒ่าหลินเอ่ยสาปแช่งหลินเยี่ยน จนทำให้หลินเยี่ยนถอยไปหลบอยู่ด้านหลังหลินเซี่ยด้วยความกลัว

จากนั้นนางพลันเห็นสีหน้าหลินเซี่ยที่ไม่สบอารมณ์ จึงพยายามปรับสีหน้าเป็นปกติทันที “เจียเหอ เซี่ยเซี่ย เธอสองคนอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ เข้ามาในบ้านสิ”

นางจับมือหลินเซี่ยและถามอย่างมีความนัยแอบแฝง “โจวต้ายาคงไม่ได้ทำเรื่องให้หลานลำบากใจอีกใช่ไหม?”

“ไม่ค่ะ”

แม่เฒ่าหลินหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ “ให้มันรู้เสียบ้าง พอฉันออกไปเคลื่อนไหว หล่อนก็เชื่อฟังโดยดี”

หลินเซี่ยสะบัดมือของอีกฝ่ายออกพลางหัวเราะเยาะ “เชื่อฟังอะไรกันคะ คุณทำให้เรื่องยุ่งยากกว่าเดิมต่างหาก ก่อนหน้าฉันอยู่เฉย ๆ ของฉันได้ ตอนนี้แม่สามีคิดว่าฉันไร้ความสามารถและทำให้พวกเขาอับอายต่อหน้าคนในหมู่บ้าน และมันทำให้หล่อนอคติกับฉันมากขึ้นกว่าเดิม”

แม่เฒ่าหลิน “…”

“ถ้าไม่อยากทำลายการแต่งงานของฉัน ในอนาคตก็แค่เก็บตัวอยู่ในบ้านและไม่ต้องออกไปหาเรื่องใครอีก”

หลินเซี่ยโต้ตอบหญิงชราอย่างไม่สะทกสะท้าน ท่าทางอุกอาจของเธอทำให้ทุกคนถึงกับพูดไม่ออก

โดยเฉพาะหลินเอ้อร์ฝูและภรรยาที่รีบวิ่งเข้ามาหาเธอ “ทำไมแกถึงพูดกับคุณย่าแบบนี้หล่ะ? แกไม่มีคุณสมบัติเลยด้วยซ้ำ”

“ฉันไม่มีคุณสมบัติเหรอคะ แล้วฉันต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้างจึงจะพูดแบบนี้ได้?”

หลินเซี่ยมองดูคู่รักทั้งสองด้วยสายตาเย็นชา ขณะที่นึกถึงภาพหวังต้าจ้วงอยู่ในใจ

แม่เฒ่าหลินไม่เคยถูกด่าทอแบบนี้จากคนในครอบครัวมาก่อน แต่ตอนนี้รู้สึกหวาดกลัวกับความน่าเกรงขามของหลินเซี่ย

ในที่สุดนางก็แน่ใจว่าเด็กคนนี้เป็นหลานสาวของตัวเองจริง ๆ และยังมีพฤติกรรมแบบเดียวกันกับนางตอนที่ยังเป็นเด็ก

ชั่วขณะหนึ่งนางก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับอีกฝ่ายอย่างไร

ครั้งล่าสุดที่ร้องไห้และจัดฉาก ผู้หญิงคนนี้เมินนางโดยสิ้นเชิง

ไม่ยอมแพ้ต่อการโน้มน้าวใจหรือแรงกดดัน และเป็นคนดื้อรั้นอย่างแท้จริง

หลินเซี่ยมองหลิวกุ้ยอิงและถามว่า

“แม่ ที่บ้านเรามีน้ำมันนวดไหมคะ? เอามาทามือให้เสี่ยวเยี่ยนตอนกลางคืน แล้วห่อด้วยถุงพลาสติก ช่วงนี้อย่าปล่อยให้หล่อนสัมผัสน้ำเย็น เห็นหรือเปล่าว่าสภาพมือของหล่อนตอนนี้เป็นยังไง?”

เธอดึงหลินเยี่ยนเข้ามาและจับมืออีกฝ่าย แสดงให้ทุกคนในลานบ้านเห็น

หลิวกุ้ยอิงรู้สึกทุกข์ใจ “ได้สิ แม่จะทาให้หล่อนตอนกลางคืน”

ในความจริง มือของหลิวกุ้ยอิงก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีไปกว่ากัน

หล่อนต้องทำงานกับน้ำเย็นในฤดูหนาว ทำให้ถูกความเย็นกัด

แม่เฒ่าหลินไม่ได้สนใจมือของหลินเยี่ยน ขณะที่หลินเยี่ยนถูกหลินเซี่ยดึงไป นางก็สังเกตเห็นว่าหลินเยี่ยนได้ตัดผมยาวออกแล้ว

ทันใดนั้นหญิงชราก็พูดขึ้นเสียงดัง

“แกตัดผมทำไม? แล้วยังสั้นขนาดนี้อีก? ผมที่ตัดเอาไปไว้ไหน?”

หลินเยี่ยนตอบกลับคำเบา “อยู่ในกระเป๋าค่ะ”

“โอ๊ย บอกตั้งไม่รู้กี่ครั้งกี่หนว่าห้ามตัด ทำไมไม่ฟังกันบ้างว่าฉันขอให้แกไว้ผมยาวสักสองปี? ถ้าตัดถึงโคนผม มันคงเอาไปขายแลกเงินได้บ้าง แล้วตัดออกแบบนี้จะขายได้ยังไง?”

แม่เฒ่าหลินมองดูผมสั้นของหลินเยี่ยน ก่อนจะชี้หน้าด่าทอไม่หยุด

หลินเยี่ยนก้มศีรษะลงเหมือนเด็กที่กระทำความผิด

หลินเซี่ยดึงน้องสาวไปไว้ด้านหลังและโต้กลับ “นี่คุณหมกมุ่นอยู่กับเงินมากเกินไปหรือเปล่า? ถ้ารักเงินขนาดนั้นก็ควรจะหาเงินด้วยตัวเองสิ ทั้งครอบครัวมัวแต่นั่งอุ่นตัวอยู่บนเตียงเตาในฤดูหนาว ขณะที่เสี่ยวเยี่ยนเด็กสาวตัวเล็กต้องออกไปทำงานในร้านอาหาร น้ำแข็งกัดมือจนเป็นแผล พวกคุณใจร้ายกับหล่อนขนาดนี้ได้ยังไง? แล้วตอนนี้ยังมาเป็นเดือดเป็นร้อนกับผมบนหัวของหล่อนและจะเอาผมของหล่อนไปขาย นึกอยากจะพูดอะไรก็พูดออกมาได้เลยหรือไง”

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหญิงชราคนนี้คนที่เธอเรียกว่าคุณย่า และอายุมากกว่า เธออาจจะลงมือทุบตีอีกฝ่ายแล้วก็ได้?

ทันทีที่หลินเซี่ยเปิดปาก แม่เฒ่าหลินก็หมดคำพูด

หลินเซี่ยมองไปที่หลินเอ้อร์ฝูอีกครั้ง

“อารอง คุณเองก็เอาแต่กินและนอนสบาย ๆ อยู่ที่บ้านและทำตัวเหมือนปรสิต โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่กลับไร้ยางอายขนาดนี้ได้ยังไง? บ้านหลังนี้พ่อของฉันเป็นคนสร้างขึ้น ฉันได้ยินมาว่าตอนแรกทุกคนแยกกันอยู่ แต่หลังจากพ่อเสียชีวิต พวกคุณทุกคนก็มาอยู่ที่นี่ด้วยกัน เมื่อก่อนพวกคุณอาศัยอยู่ที่ไหนก็กลับไปที่ของตัวเองสิ พวกคุณไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียในบ้านที่พ่อของฉันสร้างขึ้น”

หลินเอ้อร์ฝูรู้สึกกังวล “นี่ นังเด็กเหลือขอคนนี้ แกกำลังพูดถึงเรื่องอะไร? แกแต่งออกจากบ้านไปแล้ว มีสิทธิ์อะไรมาไล่คนอื่นออกจากบ้าน?”

“งั้นก็ให้แม่ของฉันจัดการ”

หลินเซี่ยผลักหลิวกุ้ยอิงออกไปด้านหน้า

“แม่ พูดออกไปเลยสิ แม่อยากให้เรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้นต่ออีกเหรอ?”

หลิวกุ้ยอิงมองหลินเอ้อร์ฝูและหญิงชรา “เซี่ยเซี่ยพูดถูกค่ะ ลูกของเราล้วนเติบโตกันหมดแล้ว และมีความขัดแย้งกันบ้างเมื่ออยู่ด้วยกัน จินซานอยู่ในวัยที่จะแต่งงานกับภรรยาแล้ว ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะแยกย้ายกันออกไป ฉันจะเริ่มวางแผนหาภรรยาให้จินซานทันที”

นอกจากนี้ คำพูดของหลินเซี่ยยังทำให้หลิวกุ้ยอิงตระหนักได้

แม่ของเฉินเจียเหอคิดว่าตระกูลหลินไร้ความสามารถและจะทำให้พวกเขาอับอาย ดังนั้นจึงไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของเด็กทั้งสอง

หากหล่อนขีดเส้นแบ่งที่ชัดเจนกับคนเหล่านี้ได้ โจวลี่หรงอาจเปลี่ยนใจ

เพื่อประโยชน์ของเด็ก ๆ การตัดความสัมพันธ์กับหญิงชราก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย

แม่เฒ่าหลินตะคอกอย่างเย็นชา “จินซานเป็นหลานชายคนโตของฉัน ฉันจะเป็นคนจัดการเรื่องภรรยาของเขาเอง แม่เลี้ยงอย่างเธออย่ามาทำหน้าซื่อใจคด”

สิ้นเสียง หญิงชราหันมองหลินเซี่ยด้วยรอยยิ้มและพยายามเดินเข้าไปหา

“เซี่ยเซี่ย เธอเพิ่งกลับมาจากเมือง จึงไม่รู้สถานการณ์ที่บ้าน อย่ามาสร้างปัญหาที่นี่เลย อยากให้ครอบครัวแตกแยกหรือไง? หลังจากที่ครอบครัวแตกแยก แม่ของเธอและเสี่ยวเยี่ยนคงถูกคนอื่นรังแกจนตัวตายในหมู่บ้านนี้ ถ้าไม่มีฉันและอารองของเธอคอยช่วยเหลือ พวกเขาจะมีชีวิตรอดในหมู่บ้านได้ยังไง?”

หลิวกุ้ยอิงมองใบหน้าของหญิงชราพลางขมวดคิ้วมุ่น

แม่สามีของหล่อนเป็นแบบนี้มาตลอด ดูถูกหล่อนและพูดจาแย่ ๆ เกี่ยวกับหล่อนต่อหน้าลูกหลานอยู่เสมอ

เหมือนกับตอนที่อยู่ต่อหน้าหลินจินซานและเสิ่นอวี้อิ๋งก่อนหน้า เด็กพวกนั้นล้วนถูกล้างสมอง

และมันยังคงเหมือนเดิมเมื่อเผชิญหน้ากับหลินเซี่ยเวลานี้

โชคดีที่หลินเซี่ยไม่ได้เป็นเหมือนเด็กคนอื่น “เรื่องนั้นคุณย่าไม่ได้ต้องกังวลหรอกค่ะ มันคงเป็นชะตากรรมของพวกหล่อนเองที่ต้องถูกรังแกจนตาย”

หลินเอ้อร์ฝูคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ยังไงเราก็ต้องไปในเมืองหลังวันปีใหม่ ค่อยแยกกันตอนนั้นก็ได้”

หลินเอ้อร์ฝูกลัวว่าในอนาคตที่เขาเข้าไปทำงานในเมือง หลิวกุ้ยอิงอาจมาร้องขอผลประโยชน์จากเขา

ในอดีตมันเป็นเรื่องของการอาศัยอยู่ในบ้านอิฐของพี่ชาย และเป็นเรื่องบังเอิญที่พวกเขาสามารถใช้เงินชดเชยบางส่วนของพี่ชายได้

เมื่อไม่กี่วันก่อนแม่เฒ่าของเขาบอกว่าในอนาคตหล่อนก็อยากไปเที่ยวหาโอกาสในเมืองด้วย

หวังจวี๋เซียงบ่นกับเขาในเวลากลางคืนว่าไม่ต้องการให้หญิงชรามาเป็นภาระในอนาคต

หลินเอ้อร์ฝูพูดต่อ “ฉันจะเก็บข้าวของในบ้านหลังจากวันปีใหม่ แล้วให้ทั้งครอบครัวย้ายเข้าไปในเมือง”

หลังจากที่หลินเอ้อร์ฝูพูดจบ เขาหันมองเฉินเจียเหอและถามว่า “เจียเหอ เธอจะเดินทางกลับเมื่อไหร่? ห้ามผิดสัญญากับเราเด็ดขาด”

เฉินเจียเหอไม่ตอบเขา

หลินเอ้อร์ฝูรู้สึกกังวลและแอบขยิบตาให้หญิงชรา

แม่เฒ่าหลินเป็นกังวลเช่นกัน

นางเห็นว่าหลินเซี่ยปกป้องครอบครัวของเธออย่างเต็มที่ ขณะที่เฉินเจียเหอเข้าข้างหลินเซี่ย

นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากโบกมือแล้วปล่อยหลินเยี่ยนไป “เอาล่ะ ตัดไปแล้วก็แล้วไป”

จากนั้นก็พูดกับเฉินเจียเหอว่า “เจียเหอ งานของอารองจะต้องไม่ใช่งานผิดกฎหมายนะ”

เฉินเจียเหอยังคงเงียบ หลินเซี่ยมองหลินเอ้อร์ฝูและพูดเสียงหนักแน่นว่า “อารอง ถ้าคุณไม่ย้ายออกไป ก็อย่าหวังว่าเฉินเจียเหอจะหางานให้”

หวังจวี๋เซียงพึมพำ “ถ้าพวกนั้นอยากให้ย้าย ก็แค่ย้ายออกไปก็ได้นี่”

หลินเอ้อร์ฝูหันไปจ้องมองหวังจวี๋เซียงและส่งสัญญาณให้หล่อนหยุดพูด เขาหันมองหลินเซี่ยและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เซี่ยเซี่ย อย่าโกรธกันไปเลยนะ อาจะทำความสะอาดบ้านเก่าให้เร็วที่สุด แล้วหลังปีใหม่เราค่อยเดินทางเข้าเมืองด้วยกัน นับจากนี้อารองและอาสะใภ้จะสนับสนุนเธออย่างเต็มที่”

หลินเซี่ยพึงพอใจ

เธอกระตุกมุมปากเล็กน้อยอย่างมีเลศนัย “ก็ได้ค่ะ อารอง ในอนาคตก็ช่วยดูแลฉันให้ดีด้วยนะคะ”

ก่อนกลับออกไป หลินเซี่ยบอกกับหลิวกุ้ยอิง “แม่ แม่กับเสี่ยวเยี่ยนห้ามสัมผัสน้ำเย็นอีกนะ ดูแลรักษามือของตัวเองให้ดี ถ้าต้องการอะไรก็มาหาหนูได้”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

คนบ้านนี้มันต้องเจอกับเซี่ยเซี่ยตอนนี้ ต้องเจอคนที่ดุกว่าเด็ดขาดกว่า

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท