ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 69 ในที่สุดพี่เฉินก็มีเมียแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 69 ในที่สุดพี่เฉินก็มีเมียแล้ว

ตอนที่ 69 ในที่สุดพี่เฉินก็มีเมียแล้ว

หลินเซี่ยสวมกอดหลิวกุ้ยอิง พลางทำท่าออดอ้อน “ก็ฉันอยากรู้เรื่องของแม่มากกว่านี้นี่นา”

“อย่า… พูดถึงเขาอีกเลย”

หลิวกุ้ยอิงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเธอ “รีบนอนซะ พรุ่งนี้ลูกยังต้องตื่นแต่เช้า”

จากนั้นหล่อนก็พลิกตัวไปอีกข้าง อ้าปากหาว ก่อนจะผล็อยหลับไป

“แม่?” หลินเซี่ยนอนไม่หลับ ยังมีเรื่องอยากคุยกับหล่อนต่อมากมาย จึงร้องเรียกหล่อนเบา ๆ

หลิวกุ้ยอิงไม่ตอบสนอง ดูเหมือนว่าหล่อนจะผล็อยหลับไปจริง ๆ

จากปฏิกิริยาของหลิวกุ้ยอิงเมื่อครู่นี้ ทำให้หลินเซี่ยรู้สึกว่าเรื่องดังกล่าวมีบางอย่างผิดปกติ

สักวันหนึ่ง เธอจะหาทางขุดคุ้ยความลับที่ซ่อนอยู่ภายในใจหลิวกุ้ยอิง และตามหาความจริงทุกอย่างให้เจอ

เช้าวันรุ่งขึ้น หลิวกุ้ยอิงตื่นแต่เช้า รวบรวมแป้งเหลียงผีที่ทำไว้สองสามแผ่นเมื่อคืนนี้ แล้วฝากให้หลินเซี่ยเอาไปมอบให้ผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลโจว

เมื่อคืนพวกเธอทำอาหารในปริมาณมากเกินไป หล่อนกับหลินเยี่ยนแบ่งกินหลายมื้อก็ไม่หมด

หลินเซี่ยเพิ่งล้างหน้าเสร็จ ก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะประตู

หลิวกุ้ยอิงวิ่งไปเปิดประตูให้ พบว่าคนที่อยู่หน้าประตูคือเฉินเจียเหอ “คุณแม่ ผมมารับเซี่ยเซี่ยครับ”

“เซี่ยเซี่ยตื่นแล้ว เข้ามาก่อนเถอะ” หลิวกุ้ยอิงเชิญให้เขาเข้าไป

หลินเซี่ยยังสวมผ้าพันคอไม่ทันเสร็จ เธอก็เดินออกมาจากห้องหลัก เมื่อเห็นว่าเฉินเจียเหอมารับแล้ว จึงถามว่า “คุณมาแล้วเหรอ ฉันไม่ได้ตื่นสายเกินไปใช่ไหม?”

“ไม่สาย” เฉินเจียเหอพันผ้าพันคอให้เธอ “ไปกันเถอะ”

ก่อนออกเดินทาง หลินเซี่ยจับมือหลิวกุ้ยอิงแล้วกำชับกับหล่อนอีกครั้งว่า “แม่ จำสิ่งที่ฉันพูดไว้นะ อย่าเปิดประตูให้ใครโดยไม่จำเป็น และต้องปกป้องตัวเองให้ดี หลังจากเราแจ้งความเรียบร้อย แม่กับเสี่ยวเยี่ยนค่อยเดินทางไปที่ไห่เฉิง ฉันจะล่วงหน้าไปที่นั่นก่อน จะได้หาที่อยู่ให้”

“อืม”

หลินเยี่ยนยื่นแป้งเหลียงผีที่พวกเธอทำเมื่อคืนนี้ให้หลินเซี่ย จากนั้นสองแม่ลูกก็ส่งพวกเขาออกไป

โจวลี่หรงไม่มีกะจิตกะใจจะต่อต้านการแต่งงานของเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยอีก ตอนนี้หล่อนกำลังกังวลเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของเฉินเจียวั่ง และผู้เฒ่าโจวก็ได้อบรมปรับทัศนคติกับหล่อนตลอดทั้งคืน โดยบอกให้หล่อนปล่อยวางและหยุดเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องของเฉินเจียเหอและหลินเซี่ย

ไม่อย่างนั้น สักวันหนึ่งหล่อนคงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยที่ลูกหลานไม่ยุ่งเกี่ยวจริง ๆ

โจวลี่หรงแทบไม่อยากฟังสิ่งเหล่านี้ เมื่อนึกถึงอาการป่วยของลูกชายคนเล็ก หัวใจก็เจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีด

ทั้งโทษตัวเอง ทั้งรู้สึกผิด อารมณ์ต่าง ๆ ผสมปนเปกัน ตกกลางคืนก็นอนไม่หลับเพราะความวิตก

โจวเจี้ยนกั๋วว่าจ้างรถสี่ล้อคันหนึ่งจากในหมู่บ้าน แล้วพาพวกเขาไปที่ตัวอำเภอ จากนั้นก็เดินทางไปที่สถานีรถไฟเพื่อซื้อตั๋ว

ก่อนขึ้นรถ หู่จื่อสวมกอดผู้เฒ่าสองคนของตระกูลโจว พร้อมกับกล่าวคำอำลาพวกเขา

“คุณปู่ทวด คุณย่าทวด คุณปู่เล็ก คุณย่าเล็ก ถึงวันหยุดฤดูร้อนอีกเมื่อไหร่ผมจะกลับมาเยี่ยมทุกคนนะฮะ”

“อืม เจ้าหนู ถึงวันหยุดแล้วอย่าลืมกลับมาล่ะ พวกเราจะรอเธออยู่ที่บ้านเกิดของเรา”

เอ้อร์เลิ่งวิ่งออกจากบ้าน ก่อนจะยื่นมันเทศต้มสองลูกให้เฉินเจียเหอสำหรับเอาไว้กินระหว่างทาง

“หู่จือ ถ้าเธอกลับมา ฉันจะพาเธอไปปีนเก็บไข่นกนะ”

“เยี่ยมเลยครับ ลุงเอ้อร์เลิ่ง”

ผู้เฒ่าสองคนของตระกูลโจวและครอบครัวโจวเจี้ยนกั๋วมองตามรถสี่ล้อที่ค่อย ๆ เคลื่อนจากไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย น่าเสียดายที่ปีนี้ไม่ใช่ปีที่ราบรื่น

แม่เฒ่าโจวตะโกนว่า “อย่าลืมเขียนจดหมายมาด้วยล่ะ”

วันที่หกของช่วงปีใหม่มีคนเดินทางไม่มากนัก สถานีรถไฟจึงไม่พลุกพล่านเท่าไหร่ เฉินเจียเหอซื้อตั๋วนอนสามที่ ถึงเวลาแล้วครอบครัวทั้งสี่คนก็ขึ้นไปบนรถไฟ

ทันทีที่โจวลี่หรงขึ้นรถ หล่อนก็เอนหลังนอนโดยที่ไม่พูดอะไรอีก

เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยนอนไม่หลับ พวกเขานั่งมองดูทิวทัศน์นอกหน้าต่างรถไฟ

หู่จือยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่แต่ก็รู้กาลเทศะ เมื่อรู้ว่าอาสามป่วย ย่าและพ่ออารมณ์ไม่ดี เขาจึงนั่งอยู่ในอ้อมแขนของเฉินเจียเหออย่างเงียบ ๆ

จนกระทั่งเฉินเจียเหอเริ่มคุยกับหลินเซี่ย เขาจึงดันตัวขึ้นมาจากอ้อมแขน อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามด้วยความสงสัย

“พ่อครับ พ่อเป็นคนสร้างรถไฟขบวนนี้เหรอ?”

“เปล่า”

“แล้วรถไฟที่โรงงานเครื่องจักรของพ่อผลิตคือขบวนไหนเหรอ?”

เฉินเจียเหอลูบหัวเขา “ไว้มีโอกาสพ่อจะพาลูกไปนั่งนะ”

เฉินเจียเหอมองไปที่หญิงสาวซึ่งเอาแต่จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย ถามเบา ๆ ว่า “ได้กลับไปไห่เฉิงคราวนี้ คุณรู้สึกยังไงบ้าง?”

หลินเซี่ยยิ้มบิดเบี้ยว “หลังจากฉันกลับไปแล้ว ชีวิตอาจไม่สงบสุขอีกต่อไป”

เขาจับมือเธอไว้ ดวงตาของเขามั่นคงและทรงพลัง “ผมอยู่เคียงข้างคุณเสมอ”

รถไฟแล่นตะลุยไปข้างหน้าทั้งวันทั้งคืน จนกระทั่งรุ่งเช้าวันที่เจ็ดของช่วงปีใหม่ ลำโพงบนรถก็ส่งเสียงประกาศว่าขณะนี้มาถึงสถานีไห่เฉิงแล้ว

โจวลี่หรงล้างหน้าล้างตา จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าพร้อมกระเป๋าสัมภาระของตัวเอง ตอนนี้หล่อนไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะทะเลาะกับเฉินเจียเหอ จึงไม่พูดจาเหน็บแนมอะไรในเชิงไม่อนุญาตให้เขาพาหลินเซี่ยเข้าไปที่บ้านตระกูลเฉิน

หล่อนรู้แก่ใจว่าตัวเองไม่สามารถห้ามปรามเขาได้

สถานีไห่เฉิงมีขนาดกว้างใหญ่มาก ช่วงวันหยุดปีใหม่แบบนี้มีผู้โดยสารเดินทางกันน้อยมาก จัตุรัสด้านนอกจึงว่างเปล่า

ทางด้านทิศใต้หน้าประตูสถานีมีป้อมตำรวจตั้งอยู่ ชายหนุ่มในชุดตำรวจเดินลาดตระเวนกลับไปกลับมาด้วยความเบื่อหน่าย

หู่จือมีสายตาที่เฉียบคมมาก ทันทีที่เขาเห็นร่างนั้น ก็ตะโกนเสียงดังว่า “อาจวิ้นเฟิง”

“พ่อครับ อาจวิ้นเฟิงทำงานอยู่ตรงนั้น”

ถังจวิ้นเฟิงได้ยินเสียงของหู่จือก็หันมองไปด้านข้าง และเห็นว่าเฉินเจียเหอและผู้ติดตามของเขากำลังเดินมาทางนี้

เขาอุ้มหู่จือขึ้นมาตัวปลิว

จากนั้นก็ทักทายโจวลี่หรงก่อนใคร

“สวัสดีครับป้าโจว”

เมื่อเห็นชายหนุ่มในชุดตำรวจตรงหน้า โจวลี่หรงก็ตอบกลับเบา ๆ “เสี่ยวถัง สุขสันต์วันปีใหม่จ้ะ วันนี้เธอยังมาทำงานอยู่เหรอ?”

“ป้าโจว ผมยังต้องปฏิบัติหน้าที่ครับ”

ขณะที่ถังจวิ้นเฟิงอุ้มหู่จื่อ สายตาของเขาก็จ้องมองไปที่ผู้หญิงซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ เฉินเจียเหอ แล้วถามอย่างสงสัยว่า “พี่เฉิน นี่ใครเหรอ?”

เฉินเจียเหอ “แฟนฉันเอง”

“อะไรนะ?” ถังจวิ้นเฟิงถึงกับสะดุ้ง รีบวางหู่จือลง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ระหว่างนั้นก็มองหน้าเฉินเจียเหอด้วยความไม่เชื่อ

“ฉันแต่งงานแล้ว” เฉินเจียเหอแนะนำเขา “หล่อนชื่อหลินเซี่ย นายควรเรียกหล่อนว่าพี่สะใภ้”

จากนั้นก็หันไปพูดกับหลินเซี่ย “นี่คือถังจวิ้นเฟิง อดีตสหายร่วมรบของผม ตอนนี้เขาทำงานในสำนักสันติบาลประจำการจุดสถานีรถไฟ”

หลินเซี่ยพยักหน้าให้เขาพร้อมส่งยิ้ม “สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับ” ถังจวิ้นเฟิงทักทายกลับอย่างเงอะงะ จากนั้นก็มองเฉินเจียเหอด้วยสีหน้าแปลก ๆ “พี่เฉิน อย่ามาอำกันเล่นนะ”

เฉินเจียเหอพูดเสริมว่า “ฉันจัดงานแต่งที่บ้านเกิดจริง ๆ”

“นี่…” ถังจวิ้นเฟิงยังคงรู้สึกเหลือเชื่อ “จัดที่บ้านเกิดเหรอ? ตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ?”

เฉินเจียเหอไม่ได้อธิบายอะไรมาก เขาพูดว่า “ฉันขอตัวก่อนแล้วกัน ที่บ้านยังมีธุระรออยู่ ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง”

หู่จื่อโบกมือให้เขา “อาจวิ้นเฟิง บ๊ายบาย”

ครอบครัวสี่คนหิ้วกระเป๋าเดินทางจากไป ทิ้งให้ถังจวิ้นเฟิงนิ่งงันอยู่ตามลำพังท่ามกลางสายลมหวีดหวิว

เมื่อมองจากระยะไกล เขาเห็นเฉินเจียเหอจับจูงมือของหญิงสาวไว้จริง ๆ

พอเห็นภาพน่าประทับใจนั้น ถังจวิ้นเฟิงก็ถึงกับหลั่งน้ำตาทันที

พี่เฉินมีเมียแล้วจริง ๆ!!

ในที่สุดเขาก็เต็มใจแต่งภรรยาสักคน

เขาต้องรีบไปบอกข่าวดีที่เป็นเหมือนระเบิดสั่นสะเทือนวงการให้สหายพี่น้องรู้โดยทั่วกัน

โจวลี่หรงร้อนใจรีบกลับบ้าน เดินฉับ ๆ อย่างรวดเร็วไปที่ป้ายรถเมล์โดยไม่หยุดโบกรถข้างถนน

เฉินเจียเหอสะพายกระเป๋าเดินทางไว้บนไหล่ มือข้างหนึ่งจับมือหลินเซี่ย มืออีกข้างจูงมือหูจือ เดินตามหลังโจวลี่หรงไปตามทาง

หลังจากนั่งรถเมล์ไปได้ประมาณยี่สิบนาที พวกเขาก็ลงป้ายใกล้บ้าน

คุณปู่ของตระกูลเฉินเป็นทหารผ่านศึก ดังนั้นครอบครัวจึงอาศัยอยู่ในบ้านพักสวัสดิการของเขตทหาร

โดยปกติแล้วพ่อแม่ของเขาจะแยกบ้านอยู่คนละที่กับปู่และย่า อาจเป็นเพราะอยู่ในช่วงปีใหม่ พวกเขาทั้งหมดจึงมาที่นี่เพื่อรวมญาติ

เช้าตรู่แบบนี้ ผู้สูงอายุหลายคนมาออกกำลังกายยามเช้าในบริเวณเขตทหาร ประตูบ้านตระกูลเฉินยังคงปิดอยู่ โจวลี่หรงเคาะประตูโดยไม่หยิบกุญแจออกมา จากนั้นเฉินเจียซิ่งก็เป็นคนมาเปิดให้

ดูเหมือนว่าเฉินเจียซิ่งเพิ่งตื่น ผมของเขาฟูยุ่งเหยิงจนเหมือนรังนก สารคัดหลั่งเป็นก้อนห้อยอยู่ที่มุมตา

ทันทีที่เขาเห็นหลินเซี่ยจับจูงมืออยู่กับเฉินเจียเหอ สีหน้าท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปทันที

แม่เขาบอกว่าจะอยู่ที่บ้านเกิดต่อเพื่อจัดการกับเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ?

หลายวันมานี้จัดการอะไรได้บ้าง?

ทำไมยังปล่อยให้เขาพาเธอกลับมาที่นี่อีกล่ะ!

แต่ตอนนี้เฉินเจียซิ่งไม่มีแก่ใจจะออกปากพล่ามถึงเรื่องส่วนตัวของเฉินเจียเหอ

เขาก้าวออกไปอย่างรู้สึกผิด “แม่ กลับมาแล้วเหรอ?”

“เจียวั่งเป็นยังไงบ้าง?” โจวลี่หรงรีบถาม

ดวงตาของเฉินเจียซิ่งกะพริบวูบไหว “ดีขึ้นมากแล้ว เมื่อคืนเขาก็ไม่ได้ชักเพิ่มอีก ตอนนี้น่าจะยังหลับอยู่”

เฉินเจียซิ่งเหลือบมองเฉินเจียเหอและหลินเซี่ย ก่อนจะพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา และเดินตามโจวลี่หรงเข้าไปในบ้าน

เฉินเจียเหอจับมือหลินเซี่ยไว้แน่น พลางพูดปลอบใจเธอเบา ๆ “ไม่ต้องกลัวนะ ปู่ ย่า รวมถึงพ่อของผมเป็นคนใจกว้างและเป็นกันเองมาก”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

สงบศึกชั่วคราว ดูอาการของเจียวั่งก่อนนะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท