ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 108 แผนสมคบคิดไม่สำเร็จ

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 108 แผนสมคบคิดไม่สำเร็จ

ตอนที่ 108 แผนสมคบคิดไม่สำเร็จ

“ใครกันคะ?” หลินเซี่ยถาม

ลุงหนิวตอบว่า “เป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ดูมีชีวิตชีวาทีเดียว เขาบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอ ให้คุณรีบออกไปพบ”

ความคิดแรกของหลินเซี่ยเมื่อได้ยินสิ่งที่ลุงหนิวพูดคือหลินจินซาน

แม้ว่าเธอจะไม่ได้บอกที่อยู่ของเธอกับหลินจินซาน แต่เจ้าของบ้านก็รู้ว่าเธอมาจากเขตอาศัยของโรงงานยานยนต์

หลินเซี่ยไม่มีเวลามัดผมด้วยซ้ำ เธอรีบปิดประตูด้วยความตั้งใจที่จะลงไปชั้นล่าง “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวออกไปดูก่อน ลุงหนิว เช้านี้อากาศเย็น อย่าปล่อยให้ตัวเองรับไอเย็นนะคะ ซ้อมเต้นอยู่ที่บ้านเถอะ”

“ฉันมีนัดกับฝึกซ้อมที่บ้านของเหล่าหลี่กับเหล่าหลี่และเหล่าหวัง ฉันกำลังจะไปบ้านเหล่าหลี่ล่ะ”

ที่ชั้นล่าง บริเวณลานบ้านเย็นเยียบเงียบสงัด ถึงเวลาเข้างานแล้วทุกคนจึงออกไปกันหมด ส่วนสมาชิกคนอื่น ๆ ในบ้านต่างก็กลัวความหนาวเย็น คนที่ออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านจึงไม่มาก

เธอเพิ่งเห็นคุณป้าสองสามคนห่อตัวแน่นเพื่อออกไปซื้อของ

หลินเซี่ยซึ่งเดินเข้าใกล้ประตูบ้าน เมื่อเห็นร่างของใครคนหนึ่งที่อยู่ที่นั่น ฝีเท้าเธอพลันหยุดลง ขมวดคิ้วนิ่วหน้าแน่น แววตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ

ที่แท้ก็ชายสารเลวนั่น

หลินเซี่ยหันหลังกลับด้วยต้องการจะเดินจากไป

แต่กลับถูกหลิวจื้อหมิงที่ทันเห็นเธอเข้าไล่ตามมา

“หลินเซี่ย มาคุยกันหน่อยเถอะ” หลิวจื้อหมิงรั้งเธอเอาไว้พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ฉันกับคุณมีเรื่องอะไรให้ต้องคุยกันเหรอ?”

“มีสิ ผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับคุณ”

หลิวจื้อหมิงคว้าเขาที่แขนของเธอ ก่อนจะพาเดินไปยังกำแพงบ้าน “ไปที่คุยกันด้านนั้น ตรงนี้มากคนจะมากความ”

“ปล่อยนะ มีอะไรให้คุยกันอีก?”

มือของหลิวจื้อหมิงนั้นมีพละกำลังมหาศาล เขาคว้าเธอไปยังมุมกำแพง หลินเซี่ยพยายามสะบัดออกสองครั้งแต่ไม่สามารถสะบัดออกได้

หลินเซี่ยเกรงว่าเพื่อนบ้านของเธอจะมาเห็นและแอบฟังเพื่อเอาไปรายงานเฉินเจียเหอต่อเหมือนที่หวังซิ่วฟางทำครั้งก่อน

เมื่อเดินมาถึงมุมกำแพง หลิวจื้อหมิงก็ยอมปล่อยเธอ

“หลิวจื้อหมิง มียางอายบ้างเถอะ คุณมีเรื่องอะไรอีก?”

หลิวจื้อหมิงเข้าประเด็นทันที “คุณบอกว่าจะแต่งงานกับผมไม่ใช่เหรอ? ผมคิดไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างจริงจังในช่วงหลายวันมานี้ แถมผมยังโน้มน้าวพ่อแม่ได้แล้ว ผมยินดีจะจดทะเบียนสมรสกับคุณ คุณไปเก็บข้าวของตอนนี้เลย แล้วไปกับผม”

“อะไรนะ? คุณคิดดีแล้วจริง ๆ เหรอ?” มุมปากของหลินเซี่ยโค้งขึ้นเล็กน้อย เมื่อมองดูใบหน้าที่จริงใจของเขาจึงเอ่ยถามว่า “พ่อแม่ของคุณก็ยินยอมหรือ? ไม่ตามจีบลูกสาวผู้จัดการโรงงานแล้ว?”

หลิวจื้อหมิงเต็มไปด้วยความเสน่หา “ในใจผมมีเพียงคุณ เพื่อคุณแล้ว ผมเต็มใจที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง”

“จุ๊ ๆ ช่างน่าประทับใจ” หลินเซี่ยวางมือบนหัวใจของเธอด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้ง

ดวงตาของหลิวจื้อหมิงฉายแววแห่งชัยชนะ พลางมองออกไปนอกกำแพงลานบ้านโดยไม่รู้ตัว

“เธอไม่จำเป็นต้องเก็บข้าวของไปก็ได้ ไปกับฉันตอนนี้เลย แล้วเราไปเริ่มต้นกันใหม่”

หลินเซี่ยทำท่าทีเกินจริงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเรียกคืนสีหน้าเย็นชาของเธอ

จู่ ๆ ผู้ชายคนนี้ก็ปรากฏตัวขึ้น อยากจะพาเธอหนีไปอย่างร้อนใจ นี่คงเป็นแผนการใหม่ที่พวกเขาคิดขึ้นมาอีกแล้วสินะ

เธอมั่นใจว่าหากเธอยอมไปกับเขาตอนนี้ จะต้องมีแผนการสมคบคิดครั้งใหญ่รอเธอแน่นอน

เสิ่นเสี่ยวเหมยและเสิ่นอวี้อิ๋งกำลังรอให้เธอกระโดดลงไปในหลุมนี้อยู่เบื้องหลัง

หลินเซี่ยมองไปยังชายตรงหน้า นัยน์ตาเต็มไปด้วยความดูถูก

ต่ำช้าจริง ๆ

ชาติที่แล้วเธอเต้นรำกับหมาป่า(1)มาหลายปีโดยไม่รู้ตัวได้อย่างไร? เลนส์แห่งความรักนี่อันตรายเสียจริง

“หลิวจื้อหมิง เรื่องที่ฉันพูดเมื่อวันก่อนนั้นฉันล้อเล่น ในใจของฉันไม่มีคุณอยู่มานานแล้ว อย่าเสียเวลาเลย”

“คุณว่าไงนะ?” ใบหน้าของหลิวจื้อหมิงแข็งค้าง

หลินเซี่ยพูดซ้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉันบอกว่าวันนั้นฉันจงใจทดสอบคุณเพื่อให้คุณเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาก็เท่านั้น”

สีหน้าของหลิวจื้อหมิงดูไม่อยากเชื่อ “คุณ… เซี่ยเซี่ย นี่คุณตั้งใจประชดประชันผมอยู่ใช่ไหม? ผมรู้ว่าผมทำให้คุณเสียใจ ในตอนที่แม่ผู้ให้กำเนิดคุณพาตัวคุณไป ผมไม่ได้ยับยั้งไว้ เมื่อคุณกลับมาในเมืองและบอกว่าอยากแต่งงานกับผม อยากย้ายไปอยู่ที่บ้านของผม ผมก็ไม่ได้ตอบรับตั้งแต่แรกอีก คุณก็เลยโกรธผม ผมขอโทษ ตอนนี้อย่างเพิ่งคิดอะไรเลย รีบไปเก็บข้าวของแล้วไปกับผมเถอะนะ ผมยินดีจะแต่งงานกับคุณ ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะเป็นสาวบ้านนอกหรือสาวในเมือง สิ่งที่ผมให้ความสำคัญก็คือคุณ”

น้ำเสียงของหลิวจื้อหมิงจริงใจและร้อนรน เอ่ยแล้วก็จะจับมือของหลินเซี่ย

แต่หลินเซี่ยรีบถอยหลังด้วยความรังเกียจ มองดูท่าทางหน้าซื่อใจคดของเขา ก่อนจะก่นด่าสาปแช่งด้วยความรังเกียจ “คุณหยุดแสดงละครนี่สักทีได้ไหม? ไม่ขยะแขยงบ้างหรือไง? คุณคิดว่าฉันจะซาบซึ้งด้วยเรื่องความรักอันเปี่ยมล้นที่คุณพูดไปเรื่อยงั้นหรือ? คุณคิดผิดแล้ว ความรู้สึกเดียวของฉันคือรังเกียจ”

“ฉันแต่งงานกับเฉินเจียเหอมานานขนาดนี้แล้ว แล้วจู่ ๆ คุณมาจากไหนก็ไม่รู้และต้องการแต่งงานกับฉันงั้นเหรอ? อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ คุณกับเสิ่นอวี้อิ๋งและเสิ่นเสี่ยวเหมยรวมกลุ่มกันไม่ใช่หรือไง? รวมตัวเป็นพันธมิตรกันเพื่อแยกฉันและเฉินเจียเหอออกจากกัน ด้วยเพราะไม่ต้องการให้ฉันและเสิ่นเสี่ยวเหมยเป็นพี่สะใภ้น้องสะใภ้กัน เป็นเพราะการไกล่เกลี่ยครั้งที่แล้วไม่เป็นผล วันนี้เลยจงใจมาหาเรื่องอะไรอีก? อย่าหาเรื่องให้ตัวเองอับอายเลย แผนการของคุณจะไม่มีวันสำเร็จ และอย่าพยายามทำลายชีวิตคู่ของฉันกับเฉินเจียเหออีก ฉันรักเขามาก และเขาก็รักฉันมาก ความรักของเราแข็งแกร่งยิ่งกว่าทองคำ ไม่มีใครสามารถแยกเราออกจากกันได้”

หลิวจื้อหมิงไม่คาดคิดว่าหลินเซี่ยจะมีท่าทีเช่นนี้ แถมเธอยังมองทุกอย่างออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ไม่ตกหลุมพรางเลยสักนิด

หลิวจื้อหมิงเลิกเสแสร้ง แล้วเริ่มแดกดันถากถาง “คุณชอบอะไรในตัวเขากัน? ไม่ใช่เพราะพื้นฐานครอบครัวเขาหรอกหรือ? คุณกลับไปที่ชนบทด้วยความรู้สึกสิ้นหวังและกลัวที่จะต้องแต่งงานกับคนในชนบท คุณจึงคว้าเฉินเจียเหอไว้เป็นฟางเส้นสุดท้าย แต่จริง ๆ แล้วคุณไม่ได้รักเขาเลย คุณมันก็แค่ผู้หญิงเห็นแก่ได้คนหนึ่ง”

“พื้นฐานครอบครัวของเขาดีกว่าของคุณอยู่แล้ว นิสัยของเขาก็ดีกว่าคุณ หน้าตาของเขาหล่อกว่าคุณ หน้าที่การงานของเขาดีกว่าคุณ ทั้งยังรักฉัน เขาปฏิบัติต่อฉันราวกับสมบัติล้ำค่า ฉันจะมีเหตุผลอะไรที่จะไม่รักเขา ฉันตาบอดใจบอดหรืออย่างไร? ใครที่มีสมองปกติล้วนก็เลือกเฉินเจียเหอทั้งนั้น”

“คุณ…”

“ไม่พอใจเหรอ? ไม่พอใจก็รีบไปคุกเข่าเป็นเบี้ยล่างให้เสิ่นอวี้อิ๋งเถอะ ผีเน่ากับโลงผุก็เหมาะสมที่จะอยู่ด้วยกันไปจนตาย”

หลังจากเอ่ยด่าจบ หลินเซี่ยก็มองประเมินหลิวจื้อหมิงพร้อมหัวเราะเยาะออกมา “หากแต่รูปร่างหน้าตาน่าเวทนาอย่างคุณนี่ เกรงว่าอวี้อิ๋งก็จะไม่ชอบคุณเหมือนกัน”

“งั้นคุณก็คิดผิดแล้วจริง ๆ” ใบหน้าและลำคอของหลิวจื้อหมิงแดงก่ำเมื่อถูกเธอยั่วยุ เพื่อเห็นแก่ศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย ปากของเขาจึงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ “อวี้อิ๋งจิตใจดีและงดงามเหนือกว่าคุณมากนัก”

เขาคิดว่าคำพูดของเขาสามารถยั่วยุหลินเซี่ยได้ แต่กลับกลายเป็นว่าสีหน้าของหลินเซี่ยไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนแปลง

“หลินเซี่ย จำสิ่งที่คุณเลือกวันนี้ไว้ให้ดี สักวันหนึ่งคุณจะต้องเสียใจ”

หลินเซี่ยขี้เกียจเกินกว่าจะพูดไร้สาระกับเขา เธอหยิบเศษกระเบื้องแหลมคมขึ้นมาจากมุมกำแพง แล้วฟาดเข้าที่หัวของเขาอย่างไร้ความปรานี “ไปให้พ้นจากที่นี่ หากผู้ชายของฉันกลับมาแล้วเห็นคุณ เขาจะโยนคุณทิ้งในรางน้ำเหม็นเน่าแน่”

หลินเซี่ยเอ่ยด่าอย่างสะใจ ก่อนจะปัดสิ่งสกปรกบนมือออก จากนั้นจึงหันหลังเพื่อวิ่งกลับบ้านอย่างรวดเร็ว

หลิวจื้อหมิงแตะหน้าผากที่ปวดหนึบ ก่อนจะเห็นคราบเลือดบนมือ จึงร้องออกมาว่า “เลือด เลือด… นางตัวดี ฝากไว้ก่อนเถอะ”

เขาสาปแช่ง แล้วรีบออกไปพร้อมปิดหน้าเอาไว้

ในเวลานั้นเองที่ใต้ต้นไป๋หยางนอกกำแพงของลานบ้าน

“ปู่ครับ แม่ครับ…”

เฉินเจียซิ่งมองผู้อาวุโสเฉินและโจวลี่หรงซึ่งมีใบหน้ามืดมนราวกับน้ำลึกด้วยความหวาดผวา ไม่รู้ว่าจะอธิบายทุกเรื่องที่เขาเพิ่งได้ยินได้อย่างไร

ใบหน้าของโจวลี่หรงมืดครึ้มพลางมองไปยังเฉินเจียซิ่งอย่างผิดหวัง “ลูกเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นการที่หลินเซี่ยทรยศต่อพี่ใหญ่ของลูกงั้นหรือ? ลูกเร่งเร้าลากพวกเรามาที่นี่ตั้งแต่เช้าเพื่อพิสูจน์อะไร?”

………………………………………………………………………………………………………………………….

(1) เต้นรำกับหมาป่า เป็นการอุปมาว่าอยู่กับคนชั่ว

สารจากผู้แปล

โดนตลบหลังร้อยแปดสิบองศาจนหน้าหันเลยไหมล่ะ ทำอะไรเซี่ยเซี่ยไม่ได้หรอก

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท