ตอนที่ 140 ดูเหมือนเขา… กำลังมีความรัก
ตอนที่ 140 ดูเหมือนเขา… กำลังมีความรัก
หลินเซี่ยเดินไปพร้อมกับชี้ถังน้ำมัน “เห็นช่องที่ตำแหน่งด้านล่างตัวถังไหม เราจะทำเป็นปล่องสำหรับเติมเชื้อไฟที่ด้านหลังและต่อท่อระบายควันครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็เอาดินอุดลงไปในช่องด้านในถังน้ำมันเพื่อยกสูงขึ้นมา เหมือนกับเตาในชนบทของเราไงล่ะ ใช้ฟืนหรือถ่านเป็นเชื้อเพลิงก็ได้”
ชาติก่อน เธอเคยเห็นพ่อครัวอาหารแผงลอยหลายคนใช้ถังน้ำมันมาดัดแปลงเป็นเตาเคลื่อนที่
โดยเฉพาะงานแต่งงานและงานศพในพื้นที่ชนบท
ทั้งหมดเป็นเตาธรรมดาซึ่งใช้งานได้สะดวกมาก
ทันทีที่หลินเซี่ยชี้ให้เห็นภาพ หลินจินซานก็เข้าใจ “เข้าใจแล้ว ไว้พรุ่งนี้ค่อยจัดการ”
“พี่ชาย พี่ต้องทำสิ่งนี้ให้เสร็จภายในวันนี้เลย จะได้เอาไปตากข้างนอกให้แห้ง พรุ่งนี้รอดินแห้ง เราก็ยกไปดัดแปลงทำปล่องเชื้อไฟและท่อระบายควันได้ พร้อมใช้งานทันที”
หลินจินซานพูดว่า “ไม่เห็นต้องรีบร้อนเลย ให้แม่กับหลินเยี่ยนอยู่ในเมืองต่ออีกสักวันสองวันเพื่อทำความคุ้นเคยกับเมืองก่อนก็ได้”
หลินเซี่ยอธิบาย “พรุ่งนี้ฉันจะตั้งร้านให้บริการตัดผมแบบกลางแจ้ง ถ้าเตาเสร็จจะได้ยกไปตั้ง เอาไว้สำหรับต้มน้ำอุ่นเพื่อสระผมให้ลูกค้า”
ถ้าร้านเสร็จเรียบร้อยก็สามารถสระผมในร้านได้เลย แต่เมื่อร้านอยู่กลางแจ้ง ทางที่ดีไม่ควรให้พวกเขาไปสระผมที่อื่น
“โอ้ แต่ฉันจะไปหาดินมาจากไหน?” หลินจินซานมองไปรอบ ๆ เห็นว่าลานหน้าบ้านมีแต่พื้นซีเมนต์
“เดินออกไปนอกประตูสองสามก้าว ตรงนั้นมีมุมที่เป็นหลุมเป็นบ่ออยู่ ไปขุดเอามาจากตรงนั้นก็ได้”
“เดี๋ยวค่อยออกไปขุดแล้วกัน”
ดวงตาของหลินจินซานยังคงจับจ้องไปที่เจียงอวี่เฟยตลอดเวลา ไม่อาจละสายตาไปจากหล่อนได้ ขณะตอบน้องสาวไปแบบส่ง ๆ เพราะไม่ต้องการขยับตัว
“ไปตอนนี้เลย รอนานกว่านี้เดี๋ยวฟ้าก็มืดจนมองไม่เห็นหรอก แล้วจะขุดดินยังไง?”
หลินเซี่ยผลักหลินจินซานออกไปทันที ขอให้เขาไปยืมพลั่วจากบ้านของเพื่อนบ้านมาทำงาน
หู่จือได้ยินเสียงหลินจินซานก็รีบวิ่งออกจากห้องครัว เงยหน้าขึ้นแล้วถามหลินเซี่ย “แม่ครับ ถ้าอย่างนั้นลุงจินซานก็ยังเป็นลุงของผมใช่ไหม?”
หลินเซี่ยยิ้มและพยักหน้า “ใช่แล้วลูก เขาจะเป็นลุงของลูกนับจากนี้ไป”
“จริงเหรอ? ถ้าอย่างนั้นผมก็ไว้ใจเขาได้ ผมจะออกไปขุดดินกับเขา”
หู่จือวิ่งไล่ตามเขาไปด้วยสองขาสั้น ๆ หลินจินซานเห็นจึงอุ้มเขาขึ้นมา
“คุณเจียงครับ แม่ผมกำลังทำเกี๊ยวอยู่ในครัว อยู่ที่นี่กินอาหารเย็นด้วยกันก่อนสิครับ” หลินจินซานกลัวว่าสาวงามจะจากไป จึงเชิญชวนหล่อนอย่างกระตือรือร้นก่อนจะออกไปข้างนอก
เขาเรียนรู้วัฒนธรรมการเรียกขานมาจากเมืองเชินเฉิง จึงเรียกอีกฝ่ายว่าคุณเจียง
ขนตามร่างกายของเจียงอวี่เฟยถึงกับลุกเกรียวเมื่อได้ยินเขาเรียกหล่อนว่าคุณเจียง
“เซี่ยเซี่ย ช่วยพาอวี่เฟยเข้าไปรอในบ้านก่อน เสี่ยวเยี่ยนกับแม่ห่อเกี๊ยวกันเสร็จแล้วเหลือแต่ปรุงรส”
หลิวกุ้ยอิงเดินกลับเข้าไปที่ห้องครัวเพื่อทำเกี๊ยวต่อ หลินเซี่ยจึงพาเจียงอวี่เฟยเข้ามาในบ้าน
เจียงอวี่เฟยมองหน้าเธอแล้วถอนหายใจ “มะรืนนี้ถึงวันรับสมัครผู้เข้าร่วมประกวดนางแบบแล้ว นักศึกษาหญิงหลายคนจากวิทยาลัยของฉันก็จะลงสมัครเหมือนกัน รู้สึกว่าการแข่งขันครั้งนี้ชักจะดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ”
“เธอฝึกซ้อมอยู่ที่บ้านจนมั่นใจหรือยังล่ะ?” หลินเซี่ยถาม
“ซ้อมสิ แต่วิทยาลัยเพิ่งเปิดภาคเรียน ฉันไม่กล้าซ้อมเดินในหอพัก เลยทำเรื่องไม่ประสงค์อยู่หอพักในเทอมนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องคอยระวังพ่อที่บ้าน ห้องฉันเล็กเกินไป ใช้ฝึกซ้อมได้ไม่ดีนัก”
“มาเถอะ ออกไปที่สนามแล้วฝึกเดินกันสักสองสามรอบ”
หลินเซี่ยดึงเจียงอวี่เฟยให้ลุกขึ้น ขอให้หล่อนลองเดินแบบในสนาม จะได้ตรวจสอบและติดตามความคืบหน้า
หลิวกุ้ยอิงและหลินเยี่ยนทำเกี๊ยวสองสามชิ้นสุดท้ายเสร็จแล้ว พวกเธอเริ่มตั้งหม้อต้มน้ำบนเตา จุดน้ำมันก๊าด จากนั้นก็รอให้หลินจินซานกลับมาแล้วค่อยปรุงเกี๊ยว
เจียงอวี่เฟยเหลือบมองหลิวกุ้ยอิงและหลินเยี่ยนที่เดินออกมาจากห้องครัว รู้สึกลังเลเล็กน้อยที่จะซ้อมเดินแบบต่อหน้าคนแปลกหน้า
หลินเซี่ยมองหล่อนและเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ที่นี่มีพวกเราอยู่แค่ไม่กี่คน เธอจะประหม่าทำไม? ถ้าขึ้นไปอยู่บนเวทีจริงแล้วตื่นเต้นจนเสียศูนย์จะทำยังไง? ถ้ามัวแต่กลัวเธอคงไม่เข้ารอบไปเฉิดฉายบนรันเวย์แน่”
ทันทีที่หลินเซี่ยพูดแบบนี้ เจียงอวี่เฟยก็รวบรวมความกล้า ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกอย่างว่าง่าย เหลือเพียงเสื้อสเวตเตอร์รัดรูปและกางเกงยีนส์ จากนั้นก็เริ่มเดินแบบอย่างเต็มศักยภาพในสนาม
ใช่แล้ว หล่อนต้องไม่ตื่นกลัวเมื่ออยู่บนเวที!
“ว้าว สวยจังเลย”
หลินเยี่ยนยืนพิงอยู่ที่ประตูห้องครัว มองดูเด็กสาวรูปร่างสูงโปร่งหุ่นเพรียว เดินอกผายไหล่ผึ่งทิ้งสะโพกด้วยความมั่นใจ สองเท้าที่ก้าวไขว้ไปมาขณะเดินราวกับเหินลอยจนหล่อนอดตกตะลึงไม่ได้
สาว ๆ ในเมืองเดินด้วยจริตเย่อหยิ่งและมีความมั่นใจสูงอย่างนี้นี่เอง
ตั้งแต่ร่างกายของหล่อนเริ่มพัฒนาเข้าสู่วัยสาว หล่อนก็พยายามปกปิดหน้าอกที่เริ่มตูมตั้งออกมามากขึ้นโดยการสวมใส่เสื้อผ้าตัวหลวมโพรก ตอนเดินก็จะห่อไหล่ซ่อนหน้าอกอยู่เสมอ และก้มศีรษะตลอดเวลา
นั่นก็เพราะกลัวว่าคนอื่นจะเห็นหน้าอกที่นูนออกจากร่างกายตัวเอง
แต่พี่สาวคนนี้กลับเปิดเผยมันอย่างมั่นใจ
หลินเยี่ยนมองดูเจียงอวี่เฟยเดินกลับไปกลับมาอยู่ในสนาม ทันใดนั้นก็รู้สึกราวกับพันธนาการบนร่างกายของตัวเองถูกปลดออก
จากนี้ไปเมื่อหล่อนอยู่ในเมือง หล่อนไม่จำเป็นต้องระมัดระวังเหมือนตอนที่อยู่ในหมู่บ้านอีกแล้ว
เมื่อหลินจินซานเดินกลับเข้ามาพร้อมกับที่โกยผงเหล็ก เขาเห็นว่าเจียงอวี่เฟยกำลังเดินแบบอยู่กลางลานบ้าน
หัวใจดวงน้อยของเขาเหมือนถูกโจมตีอย่างจังอีกครั้ง
สวยมาก
ตอนนี้หล่อนเปรียบได้กับเทพธิดาตัวน้อยผู้งดงามและน่ารักในเวลาเดียวกัน ร่างกายแผ่รัศมีเปล่งปลั่งไปด้วยออร่า จังหวะย่างเดินเต็มไปด้วยความมั่นใจ เดินเหมือนนางแบบสาวฮ่องกงที่เขาเคยเห็นในทีวี เป็นเทพธิดาผู้งามสง่าอย่างแท้จริง
หลินจินซานชื่นชอบดาราภาพยนตร์หญิงหลายคน เขามักจะสะสมปฏิทินและสินค้าอื่น ๆ ที่เป็นรูปถ่ายของพวกหล่อน ถือเป็นแฟนบอยคนแรก ๆ ในยุคนี้
เขามองไปที่เจียงอวี่เฟยซึ่งอยู่ตรงหน้า คิดในใจว่าหล่อนคือคนที่เขาสมควรไล่ตามมากกว่าดาราหญิงผู้เป็นเพียงภาพมายาเหล่านั้น
เจียงอวี่เฟยเหลือบหางตาไปเห็นหลินจินซานเข้ามาจากประตูกำลังจ้องมองมาเหมือนจะกลืนกิน หล่อนจึงคิดจะหยุดฝึกซ้อม แต่ทันใดนั้นก็ฉุกคิดถึงถ้อยคำของหลินเซี่ยว่าตนต้องไปเดินเฉิดฉายอยู่บนรันเวย์และทีวีในอนาคต ดังนั้นจึงไม่ควรเกิดอาการตื่นเวทีเด็ดขาด
ดังนั้นหล่อนจึงเพิกเฉยต่อหลินจินซานเหมือนเขาเป็นธาตุอากาศ เดินต่อไปอีกสองรอบด้วยย่างก้าวที่มั่นใจ
หู่จือตามมาทีหลังเพราะยังคงยุ่งอยู่กับการขุดดิน เมื่อเห็นว่าหลินจินซานเอาแต่ยืนนิ่งถือที่โกยผงอยู่อย่างนั้นก็พูดเร่งเร้า “ลุงครับ รีบขุดกันต่อเถอะ เอาแต่มองน้าคนสวยอีกแล้ว”
หลินเซี่ยเหลือบมองหลินจินซานอย่างเงียบ ๆ เขาทำอย่างกับชีวิตนี้เขาไม่เคยพบเห็นสาวงามมาก่อน แล้วหันไปพูดกับเจียงอวี่เฟยว่า “อวี่เฟย วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน”
ขืนปล่อยให้เจียงอวี่เฟยเดินต่อไป หลินจินซานคงหลั่งน้ำตาแน่ ไม่มีทางที่เขาจะมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการทำเตา
“ได้”
“ไปขุดดินต่อเร็วเข้า”
หลินจินซานละสายตาจากหล่อน เทดินออกจากที่โกยผงซึ่งเพิ่งยกเข้ามา ก่อนจะเดินกลับออกไปขุดดินเพิ่มจากมุมเล็ก ๆ ข้างรั้วด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูก
หลังจากที่หลินจินซานผสมดินเข้าด้วยกันและเทลงไปอัดก้นถังน้ำมันเรียบร้อย เขาก็ล้างมือแล้วเดินกลับเข้าบ้าน
เป็นเวลาเดียวกันกับหลิวกุ้ยอิงที่ยกซุปเกี๊ยวต้มยำใส่ต้นหอมและไข่ออกมาเสิร์ฟ
“มา มากินข้าวกันเถอะ”
หลิวกุ้ยอิงเลื่อนชามไปให้เจียงอวี่เฟยพลางพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณอวี่เฟย ไม่ต้องเกรงใจนะคะ กินให้เต็มที่”
“ขอบคุณค่ะคุณป้า”
หลินจินซานเตือนหลิวกุ้ยอิงอย่างเคร่งขรึม “แม่ อย่าเรียกหล่อนว่าคุณอวี่เฟย ต้องเรียกว่าคุณเจียง นั่นเป็นวิธีที่คนในเมืองใช้เรียกคนอื่นอย่างสุภาพ”
เจียงอวี่เฟยโบกมืออย่างร้อนรน “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร เรียกฉันว่าอวี่เฟยเฉย ๆ ก็ได้ เซี่ยเซี่ยกับฉันโตมาในละแวกเดียวกันตั้งแต่เด็ก พวกเราเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้”
หลินจินซานไม่เกรงใจอีกต่อไป เมื่อหล่อนออกปากบอกว่าพวกเขาสามารถเรียกหล่อนว่าอวี่เฟยได้ เขาก็เปลี่ยนคำเรียกขานทันทีและพูดว่า “อวี่เฟย ถึงน้องสาวของผมจะกลายเป็นสาวบ้านนอกไปแล้ว แต่คุณก็ยังยินดีที่จะเป็นเพื่อนกับเธอ ช่างมีจิตใจงดงามสมกับที่เป็นเทพธิดาจริง ๆ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ” เจียงอวี่เฟยมองไปที่หลินเซี่ยเพื่อขอความช่วยเหลือ
หลินจินซานคนนี้ช่างจ้อเกินไปจนหล่อนไม่ค่อยอยากเสวนากับเขาแล้ว
หลินเซี่ยจึงพูดกับหลินจินซานด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “หยุดพูดพล่ามไม่เข้าท่าแล้วกินข้าวก่อนเถอะ”
“โอ้” ในที่สุดหลินจินซานก็ยอมเงียบ ก้มหน้ากินเกี๊ยวอย่างเชื่อฟัง
…
“พี่ชาย พรุ่งนี้อย่าลืมตื่นนอนแต่เช้า แล้วขนเตาเคลื่อนที่อันนี้ไปไว้ที่ร้านให้ฉันหน่อย อ้อใช่ อย่าลืมหม้อเหล็กกับทัพพีตักน้ำด้วย”
หลินเซี่ยพูดกับหลิวกุ้ยอิง “แม่คะ แม่กับเสี่ยวเยี่ยนควรออกไปทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในเมืองให้ชิน พออะไร ๆ อยู่ตัวแล้ว เราจะเริ่มสร้างรายได้กันทันที”
หลิวกุ้ยอิงพยักหน้า “ได้ ไว้พรุ่งนี้แม่จะออกไปตลาดแล้วซื้อของที่จำเป็นมาตุนไว้ที่บ้าน”
หลินเซี่ยสังเกตท่าทางสงบและเป็นธรรมชาติของหลิวกุ้ยอิง และอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองหล่อนอีกครั้ง
ตอนที่อยู่ในชนบท หลิวกุ้ยอิงมีนิสัยหัวอ่อน เชื่อฟัง และระมัดระวังตัวอยู่เสมอ
แทบไม่มีปากเสียงอะไรเลยเมื่ออยู่ในบ้านหลังนั้น
เดิมทีหลินเซี่ยกังวลว่าหล่อนอาจต้องใช้เวลานานพอสมควรในการปรับตัวหลังจากย้ายเข้ามาอยู่ในเมือง
แต่เมื่อมองเห็นสภาพของหลิวกุ้ยอิงในเวลานี้ ดูเหมือนว่านับตั้งแต่หนีพ้นจากทะเลแห่งความทุกข์ทรมานได้แล้ว เมืองใหญ่ที่ไม่คุ้นเคยก็ไม่ถือเป็นอุปสรรคสำหรับหล่อนอีกต่อไป
หลินเซี่ยมองไปที่หลิวกุ้ยอิง อดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงเนื้อหายาวเหยียดซึ่งถูกบันทึกไว้ในสมุดไดอารี่ของเสิ่นอวี้อิ๋ง
เธอเหลือบมองหลิวกุ้ยอิงพลางประเมินด้วยสายตา เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาอันเหมาะสมที่จะล้วงความลับจากหล่อน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่จินซานเป็นเอามากนะคะ คลั่งไคล้คนสวยอะไรขนาดนี้
หลินเยี่ยนเป็นเหมือนผู้แปลตอนเด็กเลยค่ะที่ชอบเดินห่อไหล่เพราะซ่อนหน้าอกไม่อยากให้ใครมอง ตอนนี้น่ะเหรอ มองยังไงก็มองไปเถอะ ปัญหาอยู่ที่คนมองไม่ได้อยู่ที่เราแล้ว ถ้ามันมองแบบแทะโลมก็ค่อยหันไปด่า
เนื้อหาในไดอารี่นั้นมีอะไรซ่อนอยู่อีกน้า
ไหหม่า(海馬)