ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 169 จุดสิ้นสุดของจักรวาลคือระบบราชการ

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 169 จุดสิ้นสุดของจักรวาลคือระบบราชการ

ตอนที่ 169 จุดสิ้นสุดของจักรวาลคือระบบราชการ

หลังจากที่เซี่ยไห่จากไป ผู้เฒ่าเฉินก็ยังคงจู้จี้จุกจิก “เจียเหอ ในฐานะน้องชาย ทำไมเธอไม่พยายามเกลี้ยกล่อมเซี่ยไห่ให้เขาดำเนินธุรกิจในทางที่ถูกที่ควรล่ะ?”

ชายชรามีแนวคิดหัวโบราณมาก ทำให้เฉินเจียเหอปวดหัวจริง ๆ กับการชี้แจงให้เขาเข้าใจ “ปู่ครับ ถึงยังไงเขาก็ทำธุรกิจอย่างโปร่งใสและถูกต้องตามกฎหมายนะ”

ผู้เฒ่าเฉินไม่คาดคิดว่าหลานชายคนโตของเขาซึ่งยึดถือหลักการมาโดยตลอดจะตามใจเซี่ยไห่ขนาดนี้ เขาเตือนด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า “ถูกกฎหมายแล้วยังไง? ถ้าเธอยอมคล้อยตามเขา เธอก็ถูกเหมารวมว่าเป็นคนส่งเสริมศีลธรรมอันเลวทรามเหมือนกัน ควรตระหนักไว้ว่างานของตัวเองมีความหมายมากแค่ไหน เธอเป็นแกนนำหลักของฝ่ายช่างเทคนิค แน่นอนว่าต้องทำงานอย่างหนักและศึกษาค้นคว้าอย่างหนักเพื่อพัฒนาตำแหน่งหน้าที่การงานของตน มุ่งมั่นที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพความเร็วและความปลอดภัยของหัวรถจักรโดยเร็วที่สุด อย่าคิดเลียนแบบเซี่ยไห่ คิดแต่เรื่องการหาเงิน ครอบครัวเราไม่ได้ขาดแคลนทุนทรัพย์ขนาดนั้น ถ้าเธอขาดเหลืออะไรก็กลับมาคุยที่บ้านได้ทุกเมื่อ”

ชายชราสั่งสอนเขามากมาย เฉินเจียเหอจึงพยักหน้ารับอย่างอดทน “เรื่องนั้นผมรู้แล้วครับปู่”

ผู้เฒ่าเฉินยังคงเตือนอย่างเป็นกังวลต่อไปว่า “อีกอย่าง ควรเตือนเซี่ยไห่ให้มากกว่านี้หน่อย อย่าปล่อยให้เขาหลงเดินทางผิด”

เฉินเจียเหอมองดูชายชราผู้สง่างามตรงหน้า สีหน้าฉายความสิ้นหวัง “คุณปู่ เขาไม่ได้หลงเดินทางผิดอะไรเลย เขาเพิ่งลงทุนในธุรกิจแปลกใหม่ที่ปู่ไม่เข้าใจก็เท่านั้น”

“ห้องเต้นรำเป็นสถานที่ที่เหมาะสมงั้นเหรอ? เจ้าของกิจการพรรค์นั้นแบบเขาจะเป็นนักธุรกิจที่ดีได้ยังไง?”

ผู้เฒ่าเฉินถอนหายใจด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เฮ้อ ฉันจำได้ว่าพี่ชายคนโตของเขาเป็นวีรบุรุษที่เข้าร่วมในสงครามและรอดพ้นจากความตายมาได้อย่างน่ายกย่องเชิดชู แต่ทำไมน้องชายของเขาถึงได้มีอุดมการณ์พิลึกพิลั่นนัก?

หลังจากกรมการรถไฟปรับโครงสร้างใหม่ เซี่ยไห่ได้รับมอบหมายให้ทำงานในสำนักวิศวกรรมรถไฟไม่ใช่เหรอ? แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันเขากลับลาออกจากงาน หันมาจับธุรกิจค้าขายอาหารทะเล แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงเปลี่ยนใจมาเปิดห้องเต้นรำได้? นับวันเขายิ่งเถลไถลมากขึ้นเรื่อย ๆ”

ในสายตาของผู้เฒ่าเฉิน จุดสิ้นสุดของจักรวาลคือระบบราชการ

ไม่ว่านักธุรกิจจะทำเงินได้มากมายแค่ไหน สำหรับเขาก็ไม่เคยสู้งานราชการที่มั่นคงได้

ยิ่งไปกว่านั้น ในความเห็นของเขา การที่ใครสักคนสามารถกลายเป็น ‘กำลังหลัก’ ในกรมการรถไฟได้ ทั้งยังมีส่วนช่วยในอุตสาหกรรมการขนส่งทางรถไฟของประเทศ ถือเป็นเรื่องที่ศักดิ์สิทธิ์และมีความหมายมาก น่าเสียดายที่เขาตัดสินใจละทิ้งงานดี ๆ แบบนี้มาทำธุรกิจอาหารทะเล

แต่เหนือสิ่งอื่นใด การเปลี่ยนอาชีพจากค้าขายอาหารทะเลมาเปิดห้องเต้นรำ ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ยิ่งกว่า

ตอนนี้เซี่ยไห่ถูกนับรวมอยู่ในบัญชีดำด้านความซื่อสัตย์และศีลธรรมอันเลวทรามอย่างสมบูรณ์

เมื่อได้ยินปู่ของเขาพูดถึงพี่ชายคนโตของเซี่ยไห่ สีหน้าของเฉินเจียเหอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเริ่มให้ความสนใจ เขามองไปที่ชายชราแล้วถามว่า “ปู่ครับ ปู่รู้จักพี่ชายคนโตของเซี่ยไห่ด้วยเหรอ?”

ผู้เฒ่าเฉินส่ายหน้า “ไม่รู้จักหรอก”บราวนี่ออนไลน์

เฉินเจียเหอเปล่งเสียง โอ้ ออกมาคำหนึ่ง

จากนั้นชายชราก็ถอนหายใจและพูดว่า “ถึงอย่างนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาก็เป็นเรื่องที่สร้างความฮือฮาให้กับกองทัพในตอนนั้นเป็นอย่างมาก ไม่แปลกที่ฉันจะรู้จักเขา”

เมื่อคิดถึงพี่ชายคนโตของเซี่ยไห่ที่ชื่อเซี่ยเหลย ใบหน้าเหี่ยวย่นของผู้เฒ่าเฉินก็แสดงความชื่นชมและสงสารเห็นใจในเวลาเดียวกัน “น่าเสียดาย แม้ว่าสหายหลายคนของเขาจะช่วยชีวิตเขาไว้ได้จนรอดตายหวุดหวิด แต่ก็น่าเสียดายที่เขาจะไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติได้อีกต่อไปในช่วงเวลาที่เหลือ

ฉันจำได้ว่าหลังจากที่เซี่ยเหลยได้รับการช่วยเหลือ เขาต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลทหารเป็นเวลานานสองปีเต็มก่อนที่จะฟื้นขึ้นมา ได้ยินมาว่าเขาเข้ารับการผ่าตัดสมอง ทำให้สูญเสียความทรงจำบางส่วน สมองเสียหายอย่างหนัก ร่างกายเลยพลอยกลายเป็นอัมพาตครึ่งซีก แต่ทางการก็ไม่เคยทอดทิ้งเขา อุตส่าห์จัดสรรทรัพยากรทางการแพทย์ที่ดีที่สุดให้กับเขาเสมอ อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขต่าง ๆ ในเวลานั้นค่อนข้างจำกัด ทำให้ผลการรักษาออกมาไม่ดีเท่าที่ควร

ต่อมา น้องสาวของเขาก็เซ็นสัญญากับสมาพันธ์นักแสดง และพาเขาไปที่ฮ่องกงเพื่อรับการรักษาจากแพทย์ที่ชำนาญกว่า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เราแทบไม่ได้ยินข่าวคราวจากเขาอีกเลย”

เมื่อผู้เฒ่าเฉินพูดมาถึงตรงนี้ น้ำเสียงของเขาสั่นเทาด้วยความรู้สึกสะเทือนใจมาก “ชีวิตสมบูรณ์พูนสุขของพวกเราทุกวันนี้ได้มาเพราะทหารอย่างพวกเขาเต็มใจเสียสละชีวิต เราต้องทะนุถนอมมันให้ดี ในฐานะน้องชายของวีรบุรุษสงคราม เซี่ยไห่ควรปฏิบัติตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี อย่าหลงแก่อำนาจเงินจนเสียคน ไว้คราวหลังฉันจะพยายามเตือนสติเขาให้ดี”

ผู้เฒ่าเฉินรู้ว่าเซี่ยไห่เป็นน้องชายของวีรบุรุษผู้กล้าหาญคนนั้นเมื่อปีที่แล้ว เมื่อจู่ ๆ เซี่ยไห่ก็มาที่ไห่เฉิงเพื่อตามหาเฉินเจียเหอ

เขากำลังจะถามเซี่ยไห่เกี่ยวกับพี่ชายของเขาอยู่แล้วเชียว แต่กลับเอาแต่ดุอีกฝ่ายจนลืมไปเสียสนิท

ไอ้หนุ่มคนนั้นวิ่งหนีไปเร็วกว่ากระต่าย ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้พูดอะไรอีก

หลังจากได้ยินสิ่งที่ปู่ของเขาพูด เฉินเจียเหอก็รู้สึกซับซ้อนและสะเทือนใจมาก

เซี่ยไห่ดูเป็นคนมีชีวิตชีวาและช่างพูดช่างคุยก็จริง แต่สมัยเขาอยู่ในกองทัพ เขาเป็นคนเงียบขรึมและเรียบง่ายมาก แทบไม่เคยเปิดเผยให้คนนอกรู้ว่าพี่ชายของเขาเป็นวีรบุรุษสงคราม เคยได้ยินเขาพูดถึงอีกฝ่ายเพียงครั้งเดียว ตอนนั้นพวกเขาทุกคนคิดว่าเซี่ยไห่คุยโวไปเองด้วยซ้ำ

ต่อมา หลังจากที่เขาลาออกจากกองทัพ เซี่ยไห่ก็เอาเอกสารรับรองการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐของพี่ชายมาให้ดู ทำให้พวกเขาเชื่อถือคำพูดของอีกฝ่ายในที่สุด

วันนี้เมื่อได้รับรู้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคนคนนั้นจากปู่ เขาก็รู้สึกชื่นชมสหายเซี่ยเหลยคนนี้มาก ทั้งยังเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับประวัติชีวิตส่วนตัวของวีรบุรุษผู้เป็นตำนานเพิ่มเติม

“ปู่ครับ เซี่ยไห่ไม่ได้หลงอำนาจเงินจนเสียคนอย่างที่พวกเราคิด เขาตั้งใจทำงานหาเงินก็เพื่อให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น พี่ชายคนโตของเขาได้รับการดูแลจากน้องสาวในฮ่องกงก็จริง แต่เขายังต้องการค่ารักษาพยาบาลอีกเป็นจำนวนมาก เซี่ยไห่เลยจำเป็นต้องหารายได้ให้มากกว่านี้ เพื่อที่เขาจะมีกำลังรับพี่ชายกับแม่มาดูแลเองได้ เขาประกอบธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เป็นนักธุรกิจที่ดีคนหนึ่ง ดังนั้นอย่าเอาแต่เทศนาเขาอีกเลยครับ”

ทันทีที่เฉินเจียเหอพูดคำเหล่านี้ สีหน้าของผู้เฒ่าเฉินก็ตกตะลึงไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่คาดคิดว่าหลังจากเวลาผ่านไปนับยี่สิบปี ร่างกายของเซี่ยเหลยจะยังอ่อนแอและต้องการเงินเพื่อรักษาประคองอาการของเขาอย่างต่อเนื่อง สีหน้าของเขาอ่อนลงทันใด ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดแทน ก่อนจะโบกมือ “เอาล่ะ จากนี้ฉันจะไม่พูดเรื่องนี้กับเขาอีก ในเมื่อเขาพอใจอย่างนั้นก็แล้วแต่เขาเถอะ”

ผู้เฒ่าเฉินมองไปที่เฉินเจียเหอ พูดด้วยน้ำเสียงเป็นเชิงสั่ง “ฉันยังไม่ได้คุยรายละเอียดกับเธอเลย ในเมื่อเธอได้รับบาดเจ็บ งั้นก็กลับไปนอนพักที่บ้านกับฉันสักสองสามวันเถอะ”

เฉินเจียเหอพยายามยื้อเวลา “ปู่ครับ อาการบาดเจ็บไม่ร้ายแรง ผมอยู่ที่นี่สะดวกกว่ามาก”

“ฉันรู้ว่าเธอกังวลเรื่องเซี่ยเซี่ย ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว ตอนนี้ทัศนคติของพ่อแม่เธอที่มีต่อเซี่ยเซี่ยเปลี่ยนไปจากเดิมมาก พวกเขายินดีที่จะยอมรับลูกสะใภ้คนนี้ เด็กเซี่ยเซี่ยคนนั้น ฉันเคยมาขอให้หล่อนกลับไปอยู่ที่บ้านหลายครั้ง แต่หล่อนพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด ตอนนี้ไหน ๆ เธอก็กลับมาแล้ว งั้นก็พาหล่อนกลับไปอยู่บ้านเราเถอะ”

เฉินเจียเหอบอกว่า “พรุ่งนี้เรานัดกันว่าจะไปจดทะเบียนสมรสครับ แล้วก็จะเปิดร้านตัดผมอย่างเป็นทางการภายในพรุ่งนี้ด้วย รอเราจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนแล้วกัน”

“พรุ่งนี้จะไปจดทะเบียนเหรอ? ถ้าอย่างนั้นอย่าลืมกลับมาที่บ้านหลังจากนั้นล่ะ ไม่อย่างนั้นจะถือว่าผิดประเพณี”

“ไว้พรุ่งนี้ผมจะบอกอีกทีครับ”

ผู้เฒ่าเฉินเงียบไปครู่หนึ่ง มองดูหลานชายคนโตอย่างทุกข์ใจ จากนั้นถอนหายใจ แล้วถามด้วยความเป็นกังวล “งานครั้งนี้… ยากลำบากมากสินะ?”

เมื่อผู้เฒ่าเฉินได้ยินตัวเลขจำนวนผู้เสียชีวิตในอุบัติเหตุครั้งนี้ หัวใจของเขาก็เต้นรัว และยังเต็มไปด้วยความกังวลเกี่ยวกับหลานชายคนโตที่กำลังทำงานอยู่ในแนวหน้า

เขารู้จักหลานชายดีที่สุด แม้ว่าอีกฝ่ายจะดูเย็นชาแค่ไหน แต่จริง ๆ ภายในกลับเป็นคนอ่อนไหวมาก เขาจะทำใจยอมรับเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลดแบบนี้ได้อย่างไร?

เฉินเจียเหอเผชิญกับสายตาที่เศร้าสร้อยของปู่ จึงลดสายตาลงโดยไม่ปิดบังอารมณ์ ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อืม ยากลำบากมากครับ”

“เธอเป็นแกนหลักของฝ่ายช่างเทคนิค แน่นอนว่าต้องแบกรับภาระหนักอยู่แล้ว ฉะนั้นเธอควรมีสภาวะจิตใจที่เข้มแข็ง ปฏิบัติงานอย่างตั้งใจด้วยเหตุและผล เมื่อถึงเวลาที่เธอต้องพัฒนาและผลิตรถหัวรถจักรรูปแบบใหม่ในโรงงานของตัวเองโดยสมบูรณ์แล้ว เราจะยึดเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นบทเรียน มุ่งหน้าสู่มาตรฐานระดับสากล และทำประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง

เฉินเจียเหอตอบกลับอย่างหนักแน่น “ปู่ ผมจะทำงานในส่วนของตัวเองให้ดีครับ”

ผู้เฒ่าเฉินมองดูหลานชายคนโต ดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง “ดีมาก อย่าท้อถอยกับความยากลำบากที่ประสบพบเจอนะ”

วันนี้ธุรกิจร้านตัดผมเป็นไปได้ด้วยดี มีลูกค้ามารับบริการตั้งแต่เช้า หลินเซี่ยไม่สามารถปลีกตัวไปไหนได้เลย แม้ว่าเธออยากปิดร้านและกลับบ้านเร็วเพื่ออยู่ดูแลเฉินเจียเหอก็ตาม

ลูกค้าบางคนที่เข้าใจยอมสระผมเองเมื่อเห็นว่าเจ้าของร้านงานยุ่งมาก หลินเซี่ยจึงรับผิดชอบแค่งานตัดผมอย่างเดียว แต่ก็มีบางคนที่รู้สึกว่าพวกเขาควรรับบริการให้คุ้มค่าที่สุดหลังจากจ่ายเงินไปห้าเหมา จึงอดทนรอให้เธอว่างและมาสระผมให้ตัวเอง

ตลอดทั้งเช้าจรดบ่ายเธอไม่ได้หยุดพักเลย

ในขณะนี้ หลังจากเห็นปริมาณลูกค้าที่ตัวเองต้องรับมือ หลินเซี่ยก็เริ่มหายใจแบบหืดขึ้นคอ งานในร้านยุ่งเกินไปสำหรับคนคนเดียวจริง ๆ

จนแล้วจนเล่าชุนฟางก็ยังไม่มาหาเธอ

หลินเซี่ยลองคิดทบทวนดู ถ้าพรุ่งนี้ชุนฟางยังไม่มาอีก เมื่อถึงเวลาเปิดร้านอย่างเป็นทางการในวันรุ่งขึ้น เธอจะติดป้ายประกาศรับสมัครพนักงานที่นอกร้าน

ถ้าไม่สามารถว่าจ้างช่างตัดผมมืออาชีพได้จริง ๆ อย่างน้อยหาเด็กฝึกงานมาเป็นลูกมือก็ได้

ชุนฟางเป็นเด็กฝึกงานที่เธอเคยร่วมงานด้วยในชาติที่แล้ว เธอเข้าใจบุคลิกของอีกฝ่ายดี จึงต้องการให้โอกาสหล่อนได้เลือกเส้นทางอาชีพใหม่

แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ต้องการ ก็แสดงว่าพวกเธอไม่ได้ถูกโชคชะตากำหนดให้ได้ทำงานร่วมกัน

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ผู้ใหญ่บางคนในไทยก็ยังเห็นว่างานราชการเป็นอาชีพที่มั่นคงอยู่เหมือนกันนะ เลยคะยั้นคะยอให้ลูกหลานสอบเข้ารับราชการอยู่บ่อยๆ เพราะการทำธุรกิจส่วนตัวมันต้องแบกรับความเสี่ยงหลายอย่างจริงๆ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท