ตอนที่ 5 คุณหนูใหญ่เป็นคนเลวทรามหรือ / ตอนที่ 6 ฟ้าสาง ทารกร้องจ้า
ตอนที่ 5 คุณหนูใหญ่เป็นคนเลวทรามหรือ
สตรีคลอดบุตรเหมือนก้าวเท้าเข้าประตูนรกไปแล้วครึ่งหนึ่ง นี่ไม่ใช่เรื่องโกหก ฉินหลิวซีฟังเสียงที่ดังมาจากห้องทำคลอดแล้วก็หลับตาลง
ฉีหวงเหลือบมองนาฬิกาทราย พวกนางทรมานกันมาทั้งคืนแล้ว ฟ้าก็ใกล้สาง อ่างน้ำสีเลือดทยอยส่งออกมาจากข้างในไม่หยุด แต่ก็ยังไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของทารก แต่เสียงความเคลื่อนไหวภายในกลับน้อยลงไปทุกที
“คุณหนู เกรงว่า…”
ฉินหลิวซีลุกขึ้นยืนแล้ว แต่ยังไม่ทันจะได้ย่างเท้าไปไหนก็มีใครบางคนโซซัดโซเซพุ่งออกมาจากด้านในเสียก่อน เป็นฉินเหมยเหนียง ท่านป้าใหญ่ของนางที่ถูกปลดและส่งกลับมาบ้านเพราะตระกูลฉินเกิดเรื่อง ใต้ตาของนางดำคล้ำ ใบหน้าขาวซีด
“คลอด คลอดไม่ออก หมอ หมออยู่ไหน” ริมฝีปากฉินเหมยเหนียงมีแต่แผลแห้งแตก อกสั่นขวัญหายไปหมด
ฉินหลิวซีรีบเดินเข้าไปข้างในทันที พอหมอตำแยเห็นนางก็ราวกับเห็นผู้ช่วยชีวิต เอ่ยอย่างร้อนใจ “คุณหนูใหญ่ ฮูหยินคนนี้ไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ”
นางฉินผู้เฒ่าโงนเงน กัดปลายลิ้นตนเองอีกครั้งก่อนจะมองฉินหลิวซีพลางเอ่ย “เด็กสาวอย่างเจ้าเข้ามาทำอะไร รีบออกไปเสีย เชิญท่านหมอเข้ามาฝังเข็มให้อาสะใภ้สามของเจ้า”
สะใภ้หวังเองก็ไม่คาดคิดว่าเด็กสาวอย่างฉินหลิวซีจะใจกล้าเช่นนี้ เอ่ยอย่างเหนื่อยอ่อน “ซีเอ๋อร์ ห้องทำคลอดมีแต่เลือดทั้งนั้น เจ้าเชื่อฟังท่านย่า ออกไปก่อนเถิด”
ฉินหลิวซีไม่สนใจกลิ่นเลือดที่เตะจมูก นางเดินเข้าไปที่เตียงทำคลอดก่อนจะแตะข้อมือของสะใภ้กู้อยู่สักพักแล้ววางลง พอเห็นต่างหูที่นางใส่อยู่ ฉินหลิวซีก็ถอดมันออก “ของน้าสะใภ้สามใช่หรือไม่ ขอเป็นค่าตอบแทนให้ข้านะ”
ทุกคนอดตกตะลึงปากอ้าตาค้างไม่ได้เมื่อเห็นว่านางถอดต่างหูและเก็บเข้ากระเป๋าของตนเองไป
ไฟโทสะของนางฉินผู้เฒ่าค่อยๆ โหมแรงขึ้น ชี้นิ้วไปที่ฉินหลิวซี “เจ้า เจ้านี่มัน!”
นางหอบหนัก โกรธจนเหมือนว่าจะเป็นลมไปได้ทุกเมื่อ มีเด็กสาวในบ้านนางคนไหนบ้างที่เลวทรามโดยไม่เลือกสถานการณ์เช่นนี้
“ซีเอ๋อร์ รีบขอโทษท่านย่าสิ” สะใภ้หวังเห็นว่าหญิงชราโกรธมาก แม้ว่านางจะแปลกใจกับพฤติกรรมของฉินหลิวซี แต่เวลานี้ก็ไม่ใช่เวลาที่ควรจะเติมน้ำมันลงในกองไฟ จึงเอ่ยกับนางฉินผู้เฒ่า “ท่านแม่ เด็กคนนี้คงตกใจกลัวจนงี่เง่าไป ท่านอภัยให้นางสักครั้งเถิด!”
“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าดูแล้วไม่เห็นเหมือนจะเป็นเช่นนั้นเลย ดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรมากกว่า” สะใภ้เซี่ยเยาะอย่างคนมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น
“น้องสะใภ้รอง!”
ฉินหลิวซีตื่นตกใจเพราะไม่ชอบเสียงดัง เหลือบตามองพวกนางทั้งหลายก่อนจะเอ่ย “หยุดตะโกนโวยวายได้แล้ว นอกจากหมอตำแย พวกท่านออกไปรอข้างนอกกันให้หมด ถ้ายังอยากเห็นอาสะใภ้สามคลอดลูกอย่างปลอดภัย”
ทั้งหมดต่างก็ตกตะลึงไปทันที นี่มันหมายความว่าอย่างไร
สะใภ้เซี่ยส่งเสียงเฮอะออกมาทีหนึ่ง คราวนี้สิถึงได้ดูงี่เง่าจริงๆ แล้ว!
“ฉีหวง จุดธูป เผายันต์”
“เจ้าค่ะ”
ฉินหลิวซีหยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากหีบ เมื่อเปิดมันออก ด้านในมีเข็มทองทั้งสั้นยาวเรียงเป็นแถว เมื่อนางเห็นทุกคนยังยืนนิ่งอยู่ก็หันไปมองอย่างอดไม่ได้ “ยังไม่ออกไปอีก”
น้ำเสียงของนางเย็นชาโดยไม่สนใจว่าใครจะเป็นผู้อาวุโสทั้งนั้น
นางฉินผู้เฒ่าตวาดเสียงเข้ม “เจ้าจะทำอะไร เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะทำเรื่องเหลวไหลได้ รีบออกไป แล้วเชิญท่านหมอมา”
“ไม่มีหมอ”
นางฉินผู้เฒ่าตกตะลึงไปทันที อะไรนะ?
“หากนางต้องการคลอดลูกอย่างปลอดภัยก็มีแต่ข้าเท่านั้นที่จะช่วยนางได้” ฉินหลิวซีเริ่มปั่นเข็มทองแล้ว
นางฉินผู้เฒ่ามองเข็มทองส่องประกายใต้แสงเทียนนั้นแล้วก็ตกใจทันที “เจ้า เจ้าคิดจะฝังเข็มให้อาสะใภ้สามของเจ้าหรือ”
“ซีเอ๋อร์รู้วิชาแพทย์หรือ” สะใภ้หวังและคนอื่นๆ รู้สึกเหลือเชื่ออยู่บ้าง พวกนางไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
“สารเลว เจ้าจะรู้วิชาแพทย์อะไร เจ้าก็แค่เหลวไหลชัดๆ” นางฉินผู้เฒ่าโมโหมาก ห้ามฉินหลิวซีไว้ด้วยสีหน้าไม่เชื่อถือเลยสักนิด
นังหนูนี่เพิ่งจะอายุเท่าไรเอง แถมนางยังอยู่ที่บ้านเก่านี่มาตลอด นางไปเรียนวิชาแพทย์มาตอนไหน
นี่เป็นการล้อเล่นกับชีวิตของสะใภ้สามและลูกของนางชัดๆ
ความอดทนของฉินหลิวซีหมดลงแล้ว ไม่เชื่ออย่างนั้นหรือ
ตอนที่ 6 ฟ้าสาง ทารกร้องจ้า
ฉินหลิวซีโมโหแล้ว
หากจะพูดกันตามตรงแล้ว นางมาจากที่อื่น ไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันรักใคร่กับคนในตระกูลฉินใดๆ ตอนที่นางข้ามเวลามาก็เป็นตอนที่ร่างนี้เพิ่งจะอายุห้าขวบและถูกส่งตัวกลับมาเติบโตที่บ้านเก่านี้ นางเติบโตขึ้นมาด้วยตัวเองทั้งนั้น
แม้ว่ามันจะไม่ใช่ความตั้งใจของนาง แต่การเข้ามาใช้ร่างนี้ก็ผูกเวรกรรมกับตระกูลฉินแล้ว แม้ว่านางมีความผูกพันกับคนเหล่านี้ด้วยกรรม แต่เมื่อพิจารณาในแง่ของความใกล้ชิดและความสำคัญ พูดตามตรง ตระกูลฉินยังเทียบกับฉีหวงที่อยู่เคียงข้างนางและพี่น้องอย่างเฉินผีไม่ได้เลย
เวลานี้นางฉินผู้เฒ่ายังไม่เชื่อนางและห้ามไม่ให้ช่วยชีวิตคน มันทำให้ฉินหลิวซีรู้สึกรำคาญมากจริงๆ
“ท่านย่า ท่านแน่ใจนะว่าจะห้ามข้า? ขืนชักช้าต่อไป นางก็จะลงเอยเป็นหนึ่งศพสามชีวิตแล้ว” ฉินหลิวซีชี้ไปที่คนบนเตียงทำคลอดอย่างเย็นชา
“ท่านแม่ น้องสะใภ้สามใกล้จะไม่ไหวแล้วนะเจ้าคะ” ฉินเหมยเหนียงพูดด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น
ทุกคนหันกลับไปมองด้วยความตกใจทันที
และเห็นว่าสีหน้าของสะใภ้กู้ไร้สีเลือด สองตาของนางปิดสนิท หน้าอกนางกระเพื่อมขึ้นลงอย่างอ่อนแรง มีการขยับน้อยมากๆ และช้าเกินกว่าจะสังเกตเห็นได้แล้ว
ด้วยสภาพเช่นนี้ ต่อให้พวกนางจะเชิญท่านหมอมาก็เกรงว่าจะไม่ทันการณ์แล้ว
สีหน้าของนางฉินผู้เฒ่าห่อเหี่ยวลงทันที เซถอยหลังไปหนึ่งก้าว น้ำตาร่วงหล่นลงจากหางตา
“ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านให้คุณหนูใหญ่ฝังเข็มเถิด หากชักช้าไปกว่านี้จะไม่ทันการณ์แล้วนะเจ้าคะ” หมอตำแยเอ่ยด้วยเนื้อตัวสั่นเทา แม้ว่านางจะเห็นฉากที่สองแม่ลูกจากไปจนคุ้นตาแล้ว แต่ข้างหน้านางตอนนี้เป็นสามชีวิต หากพวกนางไม่รอดจริงๆ ก็จะเป็นบาปกับนางไปด้วย
ในฐานะหมอตำแย นางเพียงอยากเห็นแม่ลูกปลอดภัยเท่านั้น นั่นจะเป็นการดีต่อชื่อเสียงของพวกนาง
สะใภ้หวังเม้มปากและเอ่ยโน้มน้าว “ท่านแม่ คงมีแค่วิธีนี้แล้วนะเจ้าคะ”
พวกนางไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ได้แต่ต้องปล่อยไปตามชะตากรรม
นางฉินผู้เฒ่าหลับตาลงและเบือนหน้าหนีก่อนจะพยักหน้าด้วยความรู้สึกหนักหน่วง
ไม่ว่าจะดีหรือร้าย หากเป็นคราวเคราะห์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็ขึ้นอยู่กับสวรรค์แล้วว่าจะทรงเมตตาหรือไม่เท่านั้น
ฉีหวงจุดธูปก้านหนึ่งเพื่อให้เกิดสมาธิและทำให้ผู้คนรู้สึกสงบใจลง จากนั้นก็เผายันต์ที่ฉินหลิวซีเตรียมไว้ละลายกับน้ำอุ่นและนำมาที่ข้างเตียง
เมื่อฉินหลิวซีเห็นว่าพวกนางทั้งหมดยอมถอยแล้วจึงแค่นเสียงออกมาทีหนึ่ง จากนั้นก็ปั่นเข็มทองและปักลงไปที่จุดสำคัญของฮูหยินสามตระกูลฉินทันที
เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นสองเสียง
ฉินหลิวซีหันหน้าไปจ้องมองอย่างเย็นชา หนวกหูจริงๆ
นางฉินผู้เฒ่าเองก็ตกใจจนหน้าซีด มือสั่นไม่หยุด
สะใภ้กู้ค่อยๆ รู้สึกตัวพร้อมเสียงครวญ นัยน์ตาของนางมองเห็นอะไรได้ชัดขึ้นอย่างช้าๆ แต่แววตาของนางกลับเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“ดื่มสิ” ฉินหลิวซีรับชามน้ำยันต์มาจากมือของฉีหวงแล้วจ่อไปที่ปากของนาง
เสียงของฉินหลิวซีเย็นใสราวกับมีน้ำพุเย็นๆ ไหลผ่านหูของนาง สะใภ้กู้อ้าปากโดยไม่รู้ตัวและดื่มน้ำถ้วยนั้นจนหมดท่ามกลางสายตาที่จ้องมองมาอย่างประหลาดใจของทุกคน
ฉินหลิวซีหยิบเข็มทองคำขึ้นมาอีกจำนวนหนึ่งและปักเข็มลงไปที่จุดจื้ออิน จุดเหอกู่ ซานอินเจียวทั้งสองข้างอย่างมั่นคงและรวดเร็ว
“พยายามสู้หน่อย ถ้าท่านอาสามได้ทราบข่าวดีว่าพวกท่านแม่ลูกปลอดภัย ระหว่างทางที่ถูกเนรเทศก็จะได้มีกำลังใจขึ้นมาบ้าง แต่ถ้าพวกท่านไม่รอดทั้งสามคน อาสามเองก็คงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว ถ้าน้องหญิงต้องสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่อายุยังน้อยจะน่าเวทนาแค่ไหน”
คำพูดของนางฟังดูโหดเหี้ยมใจร้าย แต่กลับกระทบใจของสะใภ้กู้เหมือนเข็มปักลงกลางใจจนทำให้นางน้ำตาไหลออกมา และร่างกายของนางก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยเรี่ยวแรงขึ้นมาทันที
นางตายไม่ได้ นางจะต้องมีชีวิตอยู่พร้อมกับลูกอีกสองคนด้วย
“ป้าหมอ มาเถิด” ฉินหลิวซีชำเลืองมองหมอตำแย ส่วนตัวนางเองก็ปั่นเข็มทองปักลงตรงจุดต่างๆ พลางท่องมนต์ที่ไม่รู้จักชื่อไปด้วย
หมอตำแยถอนหายใจ นางอธิบายอะไรให้สะใภ้กู้ฟังเล็กน้อยก่อนจะกดท้องของนาง
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ตกอยู่ในสายตาของนางฉินผู้เฒ่าและคนอื่นๆ ทั้งหมด แต่ละคนมองฉินหลิวซีด้วยสายตาราวกับมองดูสัตว์ประหลาดที่น่าหวาดกลัวอย่างอธิบายไม่ถูก
เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าดูเหมือนจะแตกต่างจากเด็กสาวคนอื่น
เมื่อถึงยามฟ้าสาง ทารกก็ส่งเสียงร้องไห้จ้าออกมา