คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 21 อมเงิน ตอนที่ 22 ขอให้ไปรักษา ไม่ได้มาเพื่อสร้างศัตรู

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 21 อมเงิน / ตอนที่ 22 ขอให้ไปรักษา ไม่ได้มาเพื่อสร้างศัตรู

ตอนที่ 21 อมเงิน

เมื่อบุตรชายฝาแฝดของสะใภ้สามทำพิธีสรงสาม นางฉินผู้เฒ่าก็ขอให้ทุกคนเข้าร่วมพิธีด้วยเพื่อแสดงถึงความเอาใจใส่

ในความเป็นจริง คนที่จะมาเข้าร่วมพิธีได้มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นอยู่แล้ว ใครใช้ให้เด็กแฝดทั้งสองเกิดมาผิดเวลากันเล่า

ฉินหลิวซีมาถึงตรงเวลา ตอนที่นางเดินเข้ามายังหาวอยู่เลย ท่าทางไม่สำรวมเช่นนั้นทำให้คนที่ยืนร่วมพิธีอยู่ในห้องด้านข้างค่อยๆ หันมามองนางทีละคนสองคนด้วยสายตาประหลาด

เมื่อวานพี่หญิงใหญ่ผู้นี้ (คุณหนูใหญ่) ท่าทางน่าเกรงขาม ดูไม่น่ายุ่งด้วยอย่างยิ่ง

ฉินหลิวซีกวาดตามองไปรอบๆ สายตาจับจ้องไปที่ทุกคน เห็นไหม เสื้อผ้าเรียบง่ายก็ไม่เห็นจะอึดอัดอะไรมากมาย ดูสิ ยามคนเราตกอยู่ในความลำบาก ความยากลำบากจะช่วยให้เราปรับตัวเข้ากับสภาพความเป็นจริงได้อย่างรวดเร็วเองนั่นแหละ

นางหยุดมองอนุวั่นและซาลาเปาน้อยตาหวานยืนที่กะพริบตาปริบๆ อยู่ข้างๆ แล้วคิ้วของนางก็กระตุกเล็กน้อย

ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่งไม่ผิด แต่คนบางคนเกิดมาก็งดงามแล้ว ต่อให้แต่งกายธรรมดาเพียงใดก็ยากที่จะซ่อนความงามนั้นเอาไว้ได้

มารดาผู้ให้กำเนิดของนางก็เป็นเช่นนี้ ทั้งๆ ที่นางก็แต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดาๆ เฉกเช่นคนอื่น เส้นผมสีดำถูกมัดไว้ด้วยเชือกแดงแบบลวกๆ ความสวยอาจลดน้อยลงไปบ้าง แต่กลับมีความสง่างามและบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นมา และยังคงงดงามจับใจคนเหมือนเดิม

คนงามนั้นเพลินตาเพลินใจ ฉินหลิวซียอมรับในข้อนี้

อนุวั่นสัมผัสได้ถึงสายตาของบุตรสาว จึงยืดหน้าอกขึ้นอย่างภาคภูมิใจราวกับนางสวยที่สุดในโลก!

ส่วนฉินหมิงฉุนที่เป็นพี่น้องที่คลานตามกันมากับฉินหลิวซีก็ยืดอกน้อยๆ นั้นด้วย แววตาของเขาสะอาดบริสุทธิ์

ฉินหลิวซีเบนสายตาออกไป

ฉินหมิงฉุนห่อเหี่ยวลงไปเล็กน้อย เขาดึงกระโปรงของอนุวั่นเบาๆ ด้วยความน้อยใจ

เด็กสาวคนอื่นๆ หันไปมองเสื้อผ้าของฉินหลิวซีด้วยความอิจฉาเล็กน้อย พวกนางก็อยู่ในวัยไล่เลี่ยกันทั้งนั้น นางจะแบ่งเสื้อผ้าให้พวกนางสักสองสามชุดไม่ได้หรือ

สะใภ้หวังประคองนางฉินผู้เฒ่าเข้ามา พอสะใภ้เซี่ยก้าวเข้าไปก็เห็นปิ่นปักผมหรูอี้บนศีรษะของสะใภ้หวังอย่างรวดเร็ว สีหน้าของนางพลันเปลี่ยนไปทันที

เมื่อวานนี้ท่านแม่เพิ่งจะให้ถุงเงินนางไป มาวันนี้บนศีรษะของนางก็มีปิ่นหยกปรากฏขึ้นแล้ว หวังเยี่ยนหรูผู้นี้ถึงขนาดอมเงินไว้ใช้เองอย่างนี้แล้วยังพูดว่าตนเองไม่ได้เห็นแก่ตัวอีก!

ตอนที่ถูกยึดทรัพย์สะใภ้เซี่ยรู้ดีว่าทุกคนมาถึงอย่างไร เมื่อวานนี้สะใภ้หวังยังมัดผมด้วยแถบผ้าอยู่เลย วันนี้เปลี่ยนเป็นปิ่นปักผมไปเสียแล้ว หากไม่ใช่ว่าซื้อมาแล้วมันหล่นลงมาจากฟ้าหรือ

สะใภ้เซี่ยตั้งคำถามทันทีโดยไม่หยุดคิดสักนิด “ปิ่นปักผมอันนี้ของพี่สะใภ้ใหญ่ไม่เหมือนใครดีนะ ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”

ขวับๆๆ

สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ศีรษะของสะใภ้หวังทันทีด้วยแววตาเป็นประกาย

มันมาจากไหน

เพิ่งซื้อมาหรือ

แล้วของพวกนางเล่า

สีหน้าสะใภ้หวังไม่เปลี่ยนแปลงยามเอ่ยตอบ “เจ้าตาถึงจริงๆ นี่เป็นของที่ซีเอ๋อร์มอบให้ข้าเพื่อแสดงความกตัญญูต่อมารดา”

ความหมายของนางก็คือ ถ้าเจ้าแน่จริงก็ทำให้บุตรสาวเจ้าแสดงความกตัญญูบ้างสิ

นางมองฉินหลิวซีด้วยสายตาอบอุ่นอ่อนโยน ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลก หลังจากที่นางได้รับปิ่นปักผมอันนี้มาและเชื่อฟังคำพูดของฉินหลิวซีแล้ว เมื่อคืนก็นอนหลับอย่างสงบหลังจากที่นอนไม่หลับมาหลายวัน

ฉินหลิวซีชำเลืองมองไปยังตำแหน่งเรือนบุตรธิดาของนางก่อนจะลดสายตาลงและสัมผัสปลายนิ้วอยู่สักพัก

สะใภ้เซี่ยตกใจทันที หันไปมองฉินหลิวซี จากนั้นก็หันไปมองอนุวั่นและหัวเราะออกมาเบาๆ “เช่นนั้นนังหนูซีก็ลำเอียงแล้ว อนุวั่นยังไม่มีเลย”

ฉินหลิวซีหันไปมองอนุวั่น อนุวั่นที่เพิ่งจะได้สติกลับมาก็ตอบแปลกๆ “ข้าไม่มีก็ธรรมดานี่ ฮูหยินเป็นภรรยาเอก ส่วนข้าเป็นอนุ ข้าจะเทียบกับนางได้หรือ”

สะใภ้เซี่ย “…”

ลืมไปว่านางโง่

“มากันครบแล้วก็เริ่มเลยเถิด” นางฉินผู้เฒ่าเอ่ยเรียบๆ

ติงหมัวหมัวสั่งให้จวี๋เอ๋อร์และแม่นมอุ้มทารกเข้ามา หมอตำแยจุดธูปทำพิธี จากนั้นนางก็รับเด็กไปและเริ่มร้องเพลงมงคล

กุกกัก

นางฉินผู้เฒ่าโยนเม็ดเงินสองเม็ดเข้าไปก่อน หมอตำแยพ่นคำมงคลออกมามากมายด้วยความยินดีปรีดาราวกับมันเป็นของที่ไม่ต้องใช้เงินซื้อหา

ผู้ใหญ่ที่เหลือก็พากันโยนอีแปะทองแดงตามไปไม่มากก็น้อย

ตุบ

แท่งโลหะขนาดเล็กสองแท่งถูกวางลงในอ่างไม้ ทุกคนอึ้งงัน นี่มันสิบตำลึงเชียวนะ นางรวยเพียงนั้นเลยหรือ

ฉินหลิวซีชักมือที่วางก้อนเงินกลับและเดินออกไปภายใต้สายตาอิจฉาของทุกคน

ตอนที่ 22 ขอให้ไปรักษา ไม่ได้มาเพื่อสร้างศัตรู

ฉินหลิวซีเปลี่ยนชุดและขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางออกนอกเมือง นางเปิดม่านขึ้น ทอดตามองไปยังทิวเขาเขียวขจีที่เห็นอยู่ไกลๆ แล้วถอนหายใจยาว

แค่สามวันนางก็อึดอัดจนแทบจะซึมเศร้าอยู่แล้ว นางไม่เหมาะกับการอยู่เป็นหมู่คณะเลยจริงๆ

“คุณชายดูเหมือนกำลังหนีภัยนะขอรับ” เฉินผีที่อยู่บนที่นั่งในรถม้าอดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจดังมาจากข้างใน

ฉินหลิวซีในเวลานี้แต่งตัวเป็นชายหนุ่มในสายตาของคนอื่น และเมื่อนางเป็นเช่นนี้ เฉินผีและคนอื่นๆ ก็จะเรียกนางว่าคุณชาย

ฉินหลิวซีเอนกายอย่างเกียจคร้านบนรถม้าและยัดผลไม้แช่อิ่มเข้าปาก ก่อนจะเอ่ยเสียงอู้อี้ “คุณชายของเจ้าก็คิดเช่นนั้น”

นางกำลังคิดด้วยซ้ำว่าจะหลบอยู่ในอารามสักกี่วันเพื่อหาความสงบดี

เฉินผีหัวเราะเบาๆ

อารามชิงผิงตั้งอยู่ชานเมือง ใช้เวลาเดินทางเพียงสองชั่วยามเท่านั้น หากขี่ม้าเร็วก็จะไปถึงได้ภายในเวลาชั่วยามนิดๆ เท่านั้น

ยามนั้นในห้องพักแรมห้องหนึ่งของอาราม เด็กรับใช้คนหนึ่งนำผลไม้ป่าจานหนึ่งส่งให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเบาะรองนั่งในห้อง

“นายท่าน นี่ก็สามวันแล้วนะขอรับ พวกเราจะรออยู่เฉยๆ อย่างนี้หรือ หรือจะให้หั่วหลางมัดนักพรตพวกนี้ไว้ ทักทายด้วยสิบแปดวิธีลงทัณฑ์สักรอบ ข้าไม่เชื่อว่าพวกเขาจะบอกไม่ได้ว่าหมอนักพรตคนนั้นอยู่ที่ไหน”

ฉีเชียนหยิบผลไม้ที่ยังเปื้อนคราบน้ำอยู่และเหลือบสายตาไปมองเขา “เจ้าใจร้อนขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน! จับนักพรตมัดไว้ เจ้าก็ยังกล้าพูดออกมาได้”

อิงหนานคุกเข่าลงต่อหน้าเขา เอ่ย “ข้าน้อยก็เพียงแค่ร้อนใจเท่านั้นเองขอรับ โน้มน้าวนักพรตพวกนี้อย่างไรก็ไม่เป็นผล พวกเขาเอาแต่เอ่ยว่าแล้วแต่เจตนาสวรรค์ ข้าน้อยร้อนใจมานานแล้ว หากเห็นอกเห็นใจกันจริงๆ ก็ควรเห็นแก่ที่พวกเรามาตามหาหมอไปรักษาคน บอกพวกเราว่าหมอนักพรตคนนั้นอยู่ที่ไหนสิขอรับ”

เขาไม่เชื่อในเทพเจ้า ไม่เชื่อในพุทธและเต๋า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ติดตามนายท่านมาเป็นเวลานานก็ยิ่งไม่สนใจสิ่งลวงตาเหล่านี้ ในความคิดของเขา ความสามารถและอำนาจต่างหากที่สำคัญ

ตัวอย่างเช่น หากเขามัดตัวนักพรตพวกนี้และข่มขู่ทรมานพวกเขา มีหรือที่อีกฝ่ายจะไม่ยอมบอกว่าหมอนักพรตอยู่ที่ไหน

“นายท่าน ท่านคงไม่เชื่อเรื่องเวรกรรมตามลัทธิเต๋าอะไรนี่หรอกกระมัง”

ฉีเชียนกัดผลไม้นั้นก่อนจะเอ่ยตอบ “ข้าไม่เชื่อเรื่องกรรมอะไรนั่น แต่ข้ากลัวว่าจะทำให้หมอนักพรตนั่นขุ่นเคืองโดยไม่รู้ตัว”

อิงหนานชะงักไปเล็กน้อย นายท่านกลัวว่าจะทำให้หมอเพียงคนเดียวไม่พอใจหรือ

ฉีเชียนจ้องหน้าเขาก่อนจะเอ่ย “การรักษากับการใช้ยาพิษไม่ต่างกัน คนที่รักษาได้ก็ใช้พิษเป็น หากเจ้าทำให้เขาไม่พอใจ แล้วเขาเปลี่ยนตัวยาของเจ้าหรือฝังเข็มผิดจุดก็ทำให้เจ้าตายได้แล้ว”

“เขากล้าหรือ!”

“ไม่ว่าเขาจะกล้าหรือไม่ก็ตาม สำหรับหมอเทวดาที่มีความสามารถอย่างแท้จริงแล้ว ข้ายอมผูกมิตรดีกว่าจะทำให้เขาขุ่นเคือง บนโลกใบนี้ อย่าว่าแต่เจ้ากับข้าเลย มีใครบ้างที่ไม่เจ็บไม่ป่วยแม้แต่น้อย การผูกมิตรกับหมอเทวดาที่มีความสามารถจริงๆ มีแต่ได้ไม่มีเสีย” ฉีเชียนหลุบตาลง “เรามาที่นี่เพื่อขอให้เขาไปรักษา ไม่ได้มาเพื่อสร้างศัตรู”

ใบหน้าอิงหนานร้อนผ่าวเล็กน้อย เอ่ยตอบ “ข้าน้อยคิดน้อยไปจริงๆ ขอรับ”

ฉีเชียนเอ่ย “รออีกหน่อย เจ้าอาวาสบอกแล้วว่าคนผู้นั้นจะขึ้นเขามาอีกในไม่กี่วันแน่นอน ไม่แน่อิงเป่ยอาจจะส่งข่าวดีมากจากทางเมืองหลวงด้วยก็ได้ หากรอไม่ไหวก็ค่อยวางแผนกันอีกที”

ที่สำคัญคือกู้เซิ่งบอกว่าหมอคนนี้มีนิสัยแปลกๆ ต้องพยายามเอาใจและไม่ทำให้เขาขุ่นเคือง มิฉะนั้นต่อให้มีเงินทองเป็นสิบๆ ล้าน ถ้าเขาบอกว่าไม่รักษาก็คือไม่

หากเขารักษาโรคเก่าของท่านย่าได้จริง รอหน่อยจะเป็นไรไป

“ขอรับ”

“นายท่าน” หั่วหลางเข้ามาด้วยท่าทางรีบร้อน สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความยินดี “คนผู้นั้นมาแล้วขอรับ”

ฉีเชียนลุกขึ้นทันที “จริงหรือ”

“คล้ายกับม้วนภาพมาก อีกอย่างข้าน้อยก็เห็นเขากำลังรักษาคนด้วย”

ฉีเชียนรีบเดินออกไปทันทีพลางเอ่ย “นำทางไปสิ”

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท