คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 29 ภาพลักษณ์ของพี่หญิงใหญ่นั้น…เลว ตอนที่ 30

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 29 ภาพลักษณ์ของพี่หญิงใหญ่นั้น…เลว / ตอนที่ 30 โชคดีมากที่มีพี่สาวเช่นนี้

ตอนที่ 29 ภาพลักษณ์ของพี่หญิงใหญ่นั้น…เลว

ฉินหลิวซีเข้าไปในจวนและมุ่งหน้าไปที่เรือนเล็กของตน แต่ยังไม่ทันจะได้เข้าเรือนก็ต้องชะงักฝีเท้าเสียก่อนและหันไปมองทางต้นหอมหมื่นลี้

“ออกมา”

หลังจากที่สิ้นเสียงของนางก็มีศีรษะหนึ่งโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้และมองนางอย่างเขินอาย ก่อนจะค่อยๆ เผยร่างเล็กๆ ออกมา

“เจ้าไปอยู่ตรงนั้นทำไม” ฉินหลิวซีมองลงไปยังเด็กน้อยที่เป็นน้องชายคลานตามกันมาของนาง

ฉินหมิงฉุนเดินเข้ามาหานางอย่างอายๆ และคำนับนางอย่างสุภาพ “พี่หญิงใหญ่”

ฉินหลิวซีส่งเสียงอืมตอบรับและสบตาเขา

เด็กน้อยหน้าตาดี เขารับเอาข้อดีของบิดามารดามาทั้งหมด ใบหน้าเล็กนั้นงดงามบริสุทธิ์ไร้ข้อบกพร่องจนทำให้รู้สึกคันไม้คันมือ

ฉินหลิวซียื่นมือเข้าไปบีบแก้มเขาทันที มันให้ความรู้สึกดีมาก

ฉินหมิงฉุนเบิกตาโต สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ

“ห้ามร้อง” พอฉินหลิวซีเห็นว่านัยน์ตาดอกท้อของเขารื้นน้ำก็ขู่ทันที “ไม่อย่างนั้นข้าจะอัดเจ้านะ”

เอิ๊ก

พี่หญิงใหญ่น่ากลัวจริงๆ

ทันใดนั้นท้องของฉินหมิงฉุนก็ร้องขึ้นมา เขารีบเอามือกุมท้องทันทีก่อนจะก้มหน้าก้มตาเอ่ยด้วยความกระดากเล็กน้อย “ข้าไม่ได้หิวนะ ท้องมันร้องเอง”

ฮ่าๆ เจ้าเด็กนี่มาทำตัวน่ารักต่อหน้านางอย่างนั้นหรือ!

ฉินหลิวซีชำเลืองมองเขาและเข้าไปในเรือน ฉินหมิงฉุนไม่กล้าเข้าไป ได้แต่มองส่งนางอยู่ตรงที่เดิม

หลังจากนั้นไม่นานเสียงของนางก็ดังมาจากข้างใน “เข้ามา”

“อ้า” ฉินหมิงฉุนรีบตามเข้าไปทันที

ภายในห้อง ฉินหลิวซีรับกล่องที่ฉีหวงส่งมาให้ก่อนจะเปิดออกแล้วผลักไปตรงหน้าฉินหมิงฉุน

ในกล่องเป็นขนมอบสี่สีที่มีกลิ่นหอมดึงดูดใจ

นัยน์ตาดอกท้อของฉินหมิงฉุนดูเหมือนจะเปล่งประกาย เขาเลียริมฝีปากสีแดงสดของตนไม่หยุด

ก่อนเกิดเรื่องกับที่บ้านเขาได้กินขนมแบบนี้อยู่ไม่ขาด แต่หลังจากเกิดเรื่องแล้วก็ไม่เคยได้กินอีกเลย กระทั่งว่าไม่เคยได้กินอาหารที่ประณีตพิถีพิถันอีกเลยด้วยซ้ำ

“กินสิ”

“จริงเหรอ ขอบคุณพี่หญิงใหญ่ขอรับ” ฉินหมิงฉุนตาเป็นประกาย เขาเช็ดมือน้อยๆ กับเสื้อผ้า จากนั้นก็ยื่นมือออกไปเพื่อหยิบขนมฝูหลิง[1]ชิ้นหนึ่ง เขาเลียมันก่อนจากนั้นก็ค่อยๆ กัดคำเล็กๆ เข้าไปหนึ่งคำ เผยสีหน้าพึงพอใจออกมา

ฉินหลิวซีมองดูแล้วก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมา แต่ยังทำสีหน้าเย็นชาอยู่

ฉินหมิงฉุนกัดคำเล็กๆ และเคี้ยวอยู่นานก่อนจะกลืนลงไป เขาจ้องอยู่นานจากนั้นจึงเอ่ยว่า “ข้าอิ่มแล้ว ไม่กินแล้ว ขอเก็บไว้ได้หรือไม่ขอรับ”

ปากเขาพูดว่าไม่กิน แต่สายตากลับไม่ละวางจากขนมในมือเลย

“ไม่ได้ ถ้าจะกินก็กินให้หมดที่นี่ ไม่เช่นนั้นก็ไม่ต้องกิน” ฉินหลิวซีทำท่าราวกับจะเก็บกลับไป

ฉินหมิงฉุนลนลาน เขารีบยัดขนมเข้าปากอย่างรวดเร็ว พอรีบก็เลยสำลักจนใบหน้าน้อยๆ นั้นเปลี่ยนเป็นสีม่วง

ฉินหลิวซีกดลงบนท้องของเขาอย่างไม่เร่งรีบแล้วขนมก็หลุดออกมา เมื่อเห็นเด็กน้อยไอไม่หยุด นางก็เอ่ยว่า “นี่เป็นบทเรียนสำหรับเจ้า ไม่ว่าจะเป็นของที่อร่อยแค่ไหน เจ้าก็จะรีบกินไม่ได้ เพราะเจ้าอาจจะสำลักตายได้”

นัยน์ตาของฉินหมิงฉุนแดงก่ำ มองไปที่ขนมฝูหลิงที่หล่นลงพื้นด้วยความเสียดาย น้ำตาที่คลอเบ้าแทบจะร่วงลงมาอยู่แล้ว

“ในเมื่อกินเสร็จแล้วก็ไปเถิด”

“อ้อ” ฉินหมิงฉุนลุกขึ้นยืนก่อนจะหันไปมองขนมบนโต๊ะด้วยสีหน้าอาลัยอาวรณ์

ขณะที่เขาเดินไปก็หันกลับมามองเป็นระยะ

ฉินหลิวซีเห็นท่าทางเช่นนั้นก็หยิบขนมขึ้นมากินอย่างรวดเร็วและเอ่ยด้วยน้ำเสียงอู้อี้ว่า “หมดแล้ว”

ฉินหมิงฉุน “…”

น้ำตาเขาไหลลงมาทันที

ฉินหลิวซียิ้มให้เขาอย่างได้ใจ

ฉินหมิงฉุนทนไม่ได้และวิ่งออกไปทันที พี่หญิงใหญ่ใจร้ายมาก

ฉีหวงเดินเข้ามาก่อนจะเอ่ย “ท่านเลวขนาดรังแกเด็กได้เลยหรือเจ้าคะ!”

แถมยังเป็นน้องชายแท้ๆ เสียอีก

ฉินหลิวซีเอ่ยตอบ “ข้าก็สร้างภาพลักษณ์ของพี่หญิงใหญ่ให้เขาเห็น ต่อไปเขาจะได้อยู่ห่างๆ ข้าหน่อย!”

ฉีหวงนึกหยัน รอดูไปเถิด เดี๋ยวท่านก็ต้องส่งไปให้คุณชายน้อย ใครใช้ให้เขาน่ารักกันเล่า

แล้วก็เป็นอย่างที่คาด ฉินหลิวซีเอ่ย “ส่งขนมที่เหลือไปให้ฮูหยินใหญ่”

ฉีหวง ดูเอาเถิด เลวได้ไม่ถึงชั่วเวลาจิบชา!

ตอนที่ 30 โชคดีมากที่มีพี่สาวเช่นนี้

สะใภ้กู้กำลังเอนกายนั่งอยู่บนเตียงอย่างอ่อนแรง ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงของจวี๋เอ๋อร์ดังมาจากข้างนอก “คุณหนูใหญ่มาแล้ว”

ฉินหลิวซีเดินเข้ามา

“ซีเอ๋อร์มาแล้วหรือ” สะใภ้กู้ยิ้มให้นางด้วยใบหน้าซีดเซียว

ฉินหลิวซีมองสีหน้าของนางพลางขมวดคิ้ว “หลังคลอดท่านยังไม่หายดี ควรจะนอนพักฟื้นอยู่บนเตียง”

สะใภ้กู้เอ่ย “นอนนานๆ มันก็เหนื่อย ข้าเพิ่งจะลุกขึ้นมานั่งได้ไม่นานเอง แล้วเจ้ามาทำไมหรือ”

“นอนลงเถิด ข้าจะฝังเข็มให้ท่าน” ฉินหลิวซีก้าวเข้าไปประคองให้นางนอนลงและจับชีพจรของนาง จากนั้นก็เปิดกล่องเข็มทองและเปิดผ้าห่มขึ้น

ฉินหลิวซีลูบท้องของนางเบาๆ เอ่ยว่า “ท่านคลอดคราวนี้กระทบกระเทือนถึงปราณกำเนิด หากอยากจะหายดี แค่กินอาหารบำรุงนั้นไม่พอ ต้องเสริมด้วยการฝังเข็ม ทะลวงเส้นปราณและนำพลังหยางเข้าร่างเพื่อเติมปราณกำเนิด มิฉะนั้นต่อให้ท่านอยู่ไฟครบแล้ว ต่อไปก็จะมีอาการปวดหลังโดยเฉพาะในวันที่ฝนตก”

สะใภ้กู้มองนางด้วยความประหลาดใจ “เจ้าอายุน้อยเพียงนี้แต่รู้อะไรมากมาย เจ้าเรียนวิชาแพทย์มาจากใครหรือ พวกเราไม่เคยรู้เลยว่าเจ้ามีวิชานี้ด้วย”

“พวกท่านไม่รู้ก็ไม่แปลกหรอก ถึงอย่างไรข้าก็ออกจากบ้านมาตั้งแต่เล็ก” ฉินหลิวซีหยิบเข็มทองและเหลือบมองนาง “ถ้าท่านไม่วางใจ ข้าไม่รักษาก็ได้นะ”

สะใภ้กู้รีบเอ่ย “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อเจ้า พวกเราสามคนแม่ลูกรอดชีวิตมาได้ก็เพราะเจ้า อาสะใภ้สามหรือจะกล้าไม่เชื่อเจ้า! อาสะใภ้สามเพียงสงสัยเท่านั้น และชื่นชมเจ้าด้วย เจ้าเก่งมาก”

ฉินหลิวซีส่งเสียงอืมรับคำโดยมิได้โต้แย้ง

นางหนีบเข็มและปักลงเอียงๆ ตรงจุดกวนหยวนบริเวณท้อง จากตื้นลงไปลึก กดให้แน่นแล้วยกขึ้นช้าๆ เก้าครั้ง ตามด้วยจุดเสินเชวี่ย จุดมิ่งเหมิน และอีกหลายจุด ทำแบบเดียวกันซ้ำๆ หลายรอบ

ฉินหลิวซีนวดเข็ม เหงื่อค่อยๆ ปรากฏบนหน้าผาก จากนั้นก็มองไปยังสะใภ้กู้แล้วจึงเอ่ย “การฝังเข็มและรมยา นอกจากช่วยให้ท่านกำจัดน้ำคาวปลาได้เร็วที่สุดแล้ว ยังเสริมสร้างปราณพื้นฐาน บำรุงหยางที่พร่อง ท่านจะรู้สึกร้อนตรงช่วงท้อง แต่อย่าได้ตกใจไป มันเป็นวิธีการฝังเข็มธรรมดา”

สะใภ้กู้รู้สึกถึงความร้อนที่ค่อยๆ เกิดขึ้นในช่องท้อง ทว่านางไม่ได้รู้สึกไม่สบายเลยสักนิด กลับรู้สึกสบายตัวมากขึ้นเสียอีก นางจึงเอ่ย “เป็นเช่นนั้นจริง น่าอัศจรรย์มาก เหมือนมีน้ำร้อนราดลงบนท้องอย่างไรอย่างนั้น”

ฉินหลิวซีไม่ได้อธิบาย มันคือการฝังเข็มและรมยาด้วยวิธีเชาซานหั่ว[2] จึงทำให้นางรู้สึกสบาย

เมื่อสะใภ้กู้รู้สึกอบอุ่นแล้ว ฉินหลิวซีจึงดึงเข็มออกก่อนจะถูปิดรูเข็ม เมื่อดึงเข็มออกจนหมดนางก็ดึงผ้าขึ้นห่มให้ เอ่ยว่า “ท่านรักษาตัวให้ดี”

“อาสะใภ้สามไม่รู้จะขอบคุณเจ้าอย่างไร” แววตาที่นางมองฉินหลิวซีเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้ง

“ในเมื่อข้ารับของมีค่าของท่านมาแล้ว ก็ต้องรักษาให้ท่าน”

สะใภ้กู้งุนงง ของมีค่าอะไรหรือ

ฉินหลิวซีไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก สั่งให้พวกแม่นมนำเด็กเข้ามา จากนั้นจึงหยิบหยกกระดุมสองเม็ดที่ห้อยด้วยด้ายสีแดงออกมา แล้วผูกไว้กับผ้าห่อตัวแต่ละคน “น้องชายทั้งสองเกิดก่อนกำหนด จึงถูกสิ่งชั่วร้ายทำร้ายได้ง่าย หยกคุ้มครองสองชิ้นนี้ข้าไปขอมาจากอาราม อย่าให้ห่างตัวจะได้ปกป้องคุ้มครองไม่ให้สิ่งชั่วร้ายใดๆ มากล้ำกลายพวกเขา”

สะใภ้กู้ซาบซึ้งใจอย่างมาก นางลุกขึ้นและคำนับฉินหลิวซีอยู่บนเตียงอย่างจริงจัง “ข้าขอขอบคุณแทนพวกเขาที่พี่หญิงใหญ่คอยคุ้มครองปกป้อง”

ฉินหลิวซีได้ยินคำว่าพี่หญิงใหญ่แล้วก็ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวอะไร แต่เมื่อหันไปเห็นดวงตาทั้งสองคู่ที่ลืมขึ้นมองมายังนางในเวลานี้แล้ว นางก็งอปลายนิ้วเล็กน้อยและจากไปอย่างรวดเร็ว

สะใภ้กู้ขอให้แม่นมวางเด็กลงบนเตียงแล้วจึงหยิบหยกกระดุมนั้นขึ้นมาดูด้วยสายตาอบอุ่น นางสัมผัสใบหน้าน้อยๆ ของบุตรชายทั้งสองด้วยความรักพลางพึมพำ “เดิมทีแม่คิดว่าดวงชะตาของพวกเจ้าไม่ดี แต่แม่คิดผิดแล้ว”

มีพี่สาวเช่นนี้ถือว่าโชคดีมาก

[1]ฝูหลิง หรือที่รู้จักในชื่อ โป่งรากสน เป็นเห็ดราชนิดหนึ่ง ถูกจัดเป็นสมุนไพรจีน มีคุณสมบัติทางยา

[2] เชาซานหั่ว แปลว่า ไฟเผาภูเขา เป็นเทคนิคการกระตุ้นเข็มโดยแบ่งความลึกเป็นสามระดับ ผู้ถูกฝังเข็มจะรู้สึกได้ถึงความร้อนใต้จุดที่ถูกฝังเข็ม

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท