คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 33 ชื่อเสียงของหมอนักพรตไม่ใช่เรื่องโกหก ตอนที่ 34

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 33 ชื่อเสียงของหมอนักพรตไม่ใช่เรื่องโกหก / ตอนที่ 34 คำวินิจฉัย

ตอนที่ 33 ชื่อเสียงของหมอนักพรตไม่ใช่เรื่องโกหก

ตอนที่ฉินหลิวซีมาถึงจวนตระกูลเฉียนตรงเวลา เฉียนหยวนไว่ก็รอต้อนรับนางอยู่ที่ประตูใหญ่แล้ว พอเขาเห็นนางก็ก้าวเข้ามาต้อนรับด้วยตัวเองด้วยท่าทางนอบน้อมและซาบซึ้งใจ

“คุณชาย ในที่สุดท่านก็มา”

ฉินหลิวซียิ้มน้อยๆ “ตกลงกันแล้วว่าจะมายามเฉิน ข้าไม่ได้มาสายใช่หรือไม่”

“ไม่หรอก ต่อให้ท่านมาสาย ข้าก็จะรออยู่ดี” เฉียนหยวนไว่โค้งคำนับก่อนจะเอ่ย “คุณชายเป็นหมอเทวดาจริงๆ ท่านแม่ของข้าดื่มยาตามที่ท่านสั่งแล้วร่างกายอบอุ่นฟื้นฟูอย่างที่ท่านว่าไว้”

ฉินหลิวซีไม่ได้มีท่าทางภูมิใจอะไร เพียงเอ่ยว่า “เฉียนหยวนไว่กล่าวหนักไปแล้ว ข้าก็แค่พอจะรู้เรื่องพวกนี้บ้างเท่านั้น”

เฉียนหยวนไว่กลับมองว่าอีกฝ่ายถ่อมตัว จึงยิ่งประทับใจและมีความมั่นใจในตัวเขามากขึ้นด้วย “คุณชายเข้าไปนั่งจิบชาในจวนก่อนดีหรือไม่ แล้วค่อยตรวจชีพจรให้ท่านแม่”

“ไม่จำเป็น ข้ามาเพื่อตรวจอาการ ท่านนำทางไปก็พอแล้ว”

“คุณชายชัดเจนตรงไปตรงมา เชิญทางนี้เถิด”

ฉินหลิวซีตามเขาเข้าไปข้างใน เพียงแต่ตอนที่กำลังจะเข้าประตูไปนั้น สายตาก็เหลือบมองไปทางหัวมุมถนนด้านซ้ายอย่างไม่เป็นที่สังเกต นางพลันยกยิ้ม

ทันทีที่ร่างของนางลับไปจากสายตา ตรงมุมถนนนั้นก็มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เขาปาดเหงื่อออกจากหน้าผากและจากไปอย่างรวดเร็ว

ขณะที่เฉียนหยวนไว่นำทางฉินหลิวซีไปที่เรือนฝูโซ่วถังของฮูหยินเฉียนผู้เฒ่า บ่าวรับใช้ก็ล่วงหน้าไปแจ้งนางก่อน เมื่อพวกเขามาถึง ฮูหยินเฉียนผู้เฒ่าก็แต่งตัวเรียบร้อยรอพวกเขาอยู่ในห้องชั้นในแล้ว พอนางเห็นฉินหลิวซีเข้าก็พยายามจับมือหมัวหมัวที่ดูแลข้างกายยันตัวขึ้น

“คุณชายมีวิชาแพทย์สูงส่ง ฝีมือดีทั้งยังมีจิตใจเมตตา ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจนัก” นางจะคารวะฉินหลิวซีจริงๆ

ฉินหลิวซีหลบเลี่ยงพลางเอ่ย “ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ต้องมากพิธีหรอก เป็นเพราะเฉียนหยวนไว่จ่ายเงิน ข้าก็วินิจฉัยอาการให้เท่านั้น”

นางไม่ได้พูดเรื่องจิตใจอันมีเมตตาของหมอเลย

ฮูหยินเฉียนผู้เฒ่าและบุตรชายของนางล้วนเป็นคนค้าขายกันทั้งคู่ พวกเขาไม่จุกจิกหยุมหยิมกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ กลับรู้สึกว่าเช่นนี้ก็ยิ่งพูดจากันง่าย ข้าจ่ายเงิน ท่านทำงาน ไม่มีอะไรติดค้างต่อกันเป็นเรื่องที่ดีมาก

“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณที่ท่านมีฝีมือไม่ธรรมดา” ฮูหยินเฉียนผู้เฒ่าแย้มยิ้ม

เฉียนหยวนไว่เอ่ย “ถูกต้อง คุณชาย เรื่องการปรับสภาพร่างกายของท่านแม่ข้าคงต้องรบกวนท่านแล้ว”

ฉินหลิวซีจัดให้ฮูหยินเฉียนผู้เฒ่านั่งให้ดี จากนั้นก็จับชีพจรให้นางอยู่สักพักก่อนจะเอ่ย “ฮูหยินผู้เฒ่าท้องเสียมานาน ม้ามและกระเพาะอาหารอ่อนแอ ข้าต้องฝังเข็มให้ฮูหยินผู้เฒ่าก่อน แล้วค่อยสั่งยาต้มให้ท่านดื่มสักสามครั้งก็หายแล้ว”

“รบกวนคุณชายแล้ว”

ฉินหลิวซีอายุยังน้อยมาก แต่เนื่องจากพวกเขาเคยเห็นตอนที่รักษาฮูหยินเฉียนผู้เฒ่ามาก่อนหน้านี้แล้ว จึงไม่มีใครไม่เชื่อถือ ทั้งยังให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

ขณะที่ฮูหยินเฉียนผู้เฒ่าได้รับการฝังเข็ม นางก็รู้สึกได้ถึงกระแสอบอุ่นในช่องท้อง และยิ่งรู้สึกพึงพอใจมากขึ้น เนื่องจากนางกังวลเรื่องสุขภาพร่างกายของลูกสะใภ้มาสักระยะหนึ่งแล้ว จึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่ตนเองท้องเสีย ทั้งยังไม่ค่อยรู้สึกอยากอาหารด้วย นางมักจะรู้สึกหนาวในท้องและนอนหลับไม่สนิทยามกลางคืน ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงความทุกข์ทรมานเลย

เมื่อเด็กหนุ่มฝังเข็มให้ นางก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในช่องท้อง นางก็อยากกินอะไรขึ้นมาหน่อยแล้ว

หลังจากนั้นไม่นานฉินหลิวซีก็ดึงเข็มออกแล้วลูบปิดรูเข็ม ก่อนจะเขียนสั่งยาให้อีกสองแผ่นและส่งให้บ่าวรับใช้ “ฮูหยินผู้เฒ่ามีอายุแล้ว แม้ว่าม้ามและกระเพาะจะดีขึ้น แต่ต่อไปจะกินของที่มีฤทธิ์เย็นไม่ได้เพื่อไม่ให้ม้ามและกระเพาะอ่อนแอและสูญเสียพลังหยาง หลังจากกินยาปรับสภาพม้ามและกระเพาะแล้ว ให้กินยาบำรุงร่างกายทุกวัน ทั้งหมดนี้เป็นยาที่มีฤทธิ์ไม่รุนแรงมาก ช่วยปรับธาตุทั้งห้าและทำให้ร่างกายแข็งแรงได้”

“ขอบคุณท่านหมอมาก ข้าจะจำไว้” ฮูหยินเฉียนผู้เฒ่าเอ่ยด้วยความซาบซึ้ง

เฉียนหยวนไว่ก็ก้าวเข้าไปแสดงความขอบคุณเช่นกัน เมื่อได้ยินว่ามารดาของตนรู้สึกอย่างไรหลังจากได้ฝังเข็มแล้ว แววตาของเขาก็ยิ่งแสดงความกระตือรือร้นขึ้นและรู้สึกเคารพฉินหลิวซีมากขึ้นด้วย

หมอหนุ่มผู้นี้ยังไม่ถึงวัยสวมหมวกเลย แต่กลับมีวิชาแพทย์ยอดเยี่ยมเช่นนี้ พอเขานึกถึงข่าวที่พ่อบ้านสืบมาได้ก็ยิ่งตื่นเต้น “ว่ากันว่ามีหมอเทวดาท่านหนึ่งนามว่าปู้ฉิวมาจากอารามชิงผิง คาดว่าคงเป็นคุณชายแน่แล้ว นับว่าสมคำร่ำลือจริงๆ เป็นข้าที่ตาไม่มีแววก่อนหน้านี้จึงจำท่านไม่ได้และเสียมารยาทกับท่านแล้ว”

ตอนที่ 34 คำวินิจฉัย

ฉินหลิวซีได้ฟังคำชมของเฉียนหยวนไว่แล้วจึงเอ่ย “สมคำร่ำลืออะไรกัน ลือกันไปเองทั้งนั้น ท่านดูข้ายังอายุเท่านี้เอง แล้วก็พูดกันว่าข้าวิชาแพทย์ล้ำเลิศ คงจะมีคนเชื่อไม่กี่คนหรอก ข้าก็แค่พอจะรู้เรื่องยาสมุนไพรเล็กน้อยเท่านั้น และบังเอิญรักษาฮูหยินผู้เฒ่าได้พอดี”

“คนที่มีความสามารถจริงๆ ไม่ต้องดูอายุหรอก ก็เหมือนกับผู้เล่าเรียนศึกษาพวกนั้น มีเด็กที่สอบเป็นบัณฑิตซิ่วไฉได้ มีคนแก่บางคนที่สอบมาทั้งชีวิตก็ยังเป็นได้แค่บัณฑิตถงเซิง มันก็เป็นความสามารถเฉพาะตัวของแต่ละคนเท่านั้น” เฉียนหยวนไว่หัวเราะเบาๆ

ฉินหลิวซีไม่อยากพูดอะไรมาก ตนไม่สนใจเรื่องชื่อเสียงอยู่แล้ว หากไม่จนก็คงไม่รับงานรักษาคนหรอก

นางคือตัวละครที่ไม่ขอมีความก้าวหน้า

เฉียนหยวนไว่เป็นพ่อค้าที่คุ้นเคยกับการสังเกตคำพูดและสีหน้าคนอยู่แล้ว พอเขาเห็นว่าฉินหลิวซีไม่อยากจะพูดอะไรมากกว่านี้ จึงเปลี่ยนหัวข้อ “ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะเรียกคุณชายว่าอย่างไร ได้ยินมาว่าท่านมาจากอารามชิงถิง ฉายาว่าปู้ฉิวใช่หรือไม่”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”

“เช่นนั้นข้าควรจะเรียกท่านว่าท่านหมอปู้ฉิวหรือว่าปรมาจารย์ปู้ฉิวดี”

ฉินหลิวซี “ไม่กล้าให้ท่านเรียกว่าปรมาจารย์หรอก ข้าแซ่ฉิน”

“เช่นนั้นข้าเรียกท่านว่าท่านหมอฉินดีกว่า”

ฉินหลิวซีไม่สนใจ มันก็แค่ชื่อเรียก

“ท่านหมอฉิน เช่นนั้นแล้วภรรยาของข้าเล่า” เฉียนหยวนไว่ถูมือด้วยความกังวล

“นำทางไปเถิด”

“ได้ๆ”

เฉียนหยวนไว่เป็นชายวัยกลางคน เขาแต่งงานกับภรรยามาเป็นสิบปีแล้วและพยายามหาหมอกินยามาตลอดจนเพิ่งจะมาสมหวังก็ตอนนี้ ภรรยาเขาตั้งท้องได้เจ็ดเดือนแล้ว แต่จู่ๆ นางก็หายใจหอบถี่ พูดไม่ออก นอนไม่หลับ ท้องโตผิดปกติ

เมื่อเฉียนหยวนไว่และฮูหยินฉินผู้เฒ่าเห็นว่าฮูหยินฉินทุกข์ทรมานจนซูบผอมซีดเซียวลงอย่างรวดเร็ว พวกเขาก็ร้อนใจมาก ทั้งหาหมอกินยา ทั้งไหว้พระขอพรก็แล้ว แต่นางก็ยังไม่ดีขึ้น จึงคิดว่าที่บ้านอาจจะมีสิ่งชั่วร้ายกล้ำกลายและจะต้องเชิญปรมาจารย์มาขับไล่ พวกเขาก็เลยเดินทางไปอารามชิงผิง

พอฉินหลิวซีได้เห็นฮูหยินเฉียนแล้วก็ตกใจทันที ฮูหยินอยู่ในสภาพซูบผอม ใต้ตาดำคล้ำ นางนั่งเอนหลังพิงอยู่บนเตียง ท้องใหญ่จนแทบจะบดบังร่างกายส่วนบนมิด

“เย่ว์เหนียง ท่านหมอฉินมาแล้ว” เฉียนหยวนไว่ก้าวเข้าไปกุมมือฮูหยินเฉียนไว้

ฮูหยินเฉียนหันไปมองฉินหลิวซี แม้ว่านางจะเคยได้ยินจากสามีว่าคนผู้นี้ยังเยาว์ แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเด็กหนุ่มเพียงนี้ เนื่องจากนางพูดไม่ออกจึงได้แต่พยักหน้าเพื่อทักทายเขา

ฉินหลิวซีพยักหน้าและนั่งลงเพื่อตรวจชีพจรพลางเอ่ยถาม “ตอนที่ฮูหยินตั้งครรภ์คงจะกินน้ำแกงบำรุงไปไม่น้อยใช่หรือไม่”

เฉียนหยวนไว่รีบตอบทันที “ถูกต้อง ถึงอย่างไรภรรยาของข้าก็ค่อนข้างมีอายุแล้ว เพื่อลูกแล้วนางจึงกินของบำรุงไปไม่น้อย หมอที่เคยมาตรวจให้ก็บอกว่าไม่ดี ทารกในครรภ์ตัวโตเกินไปจะคลอดยาก ก็เลยหยุดไป”

“ไม่ดีจริงๆ การบำรุงสตรีตั้งครรภ์นั้นไม่ใช่เรื่องผิด แต่การบำรุงไม่หยุดจะทำให้ทารกในครรภ์เติบโตมากเกินไป ไม่ต้องเอ่ยถึงเลยว่าเหตุใดฮูหยินจึงเป็นเช่นนี้ ต่อให้ร่างกายของนางยังปกติดี แต่ตอนคลอดก็อาจจะมีภาวะคลอดยากได้”

“ท่านหมอที่เคยมาตรวจให้ก็เคยเอ่ยประเด็นนี้มาก่อน พวกเราจึงหยุดบำรุงไปตั้งนานแล้ว”

ฉินหลิวซีจับชีพจร “ท่านกินของบำรุงมากเกินไป ทารกในครรภ์โตขึ้นทุกวัน พิษในครรภ์ก็มากขึ้นด้วย ในช่วงหกเจ็ดเดือนนี้ ยิ่งครรภ์ใหญ่ขึ้นเท่าใด ปราณในครรภ์ก็ยิ่งกดทับ ธาตุไฟก็ยิ่งแรงขึ้นเท่านั้น มันดันขึ้นด้านบนและครรภ์โตขึ้นจนดันช่องท้อง ดังนั้นเมื่อฮูหยินนอนลงจะรู้สึกหายใจไม่อิ่มและมีอาการหายใจหอบถี่ มีปัญหาในการกินและการนอน กังวลมากเกินไปจนอ่อนเพลียและซูบผอม”

ฮูหยินเฉียนพยักหน้า เป็นเช่นนี้เอง

“แล้วควรทำอย่างไรหรือ”

“ฮูหยินอยู่ช่วงท้ายๆ ของการตั้งครรภ์ ที่จริงแล้วโรคนี้รักษาไม่ยาก หากนอนราบไม่ได้ก็สามารถนั่งไปจนกว่าจะถึงเวลาคลอดได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับสตรีตั้งครรภ์คือการทำจิตใจให้สบายเพื่อให้การคลอดเป็นไปอย่างราบรื่น หากเป็นเช่นตอนนี้ แม้ว่าจะรักษาอาการหอบนี้ได้ด้วยยา แต่เกรงว่าตอนคลอดจะมีอาการหอบกำเริบขึ้นมาอีก เช่นนั้นแล้วต่อให้มียาวิเศษอยู่ในมือก็ยากจะช่วยได้!”

เฉียนหยวนไว่และภรรยาหน้าซีดลงทันใด

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท