คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 41 ดูว่าข้ายอมหรือไม่ ตอนที่ 42 ควรจะทำตัวสงบเสงี่ยม

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 41 ดูว่าข้ายอมหรือไม่ / ตอนที่ 42 ควรจะทำตัวสงบเสงี่ยม

ตอนที่ 41 ดูว่าข้ายอมหรือไม่

ตอนที่ฉินหลิวซีออกไปจากจวนแทบจะเรียกได้ว่าไปมือเปล่า แต่ตอนที่นางกลับมากลับมีกล่องใบใหญ่กลับมาด้วยจำนวนหนึ่ง ใบหนึ่งคือกล่องที่บรรจุทองคำสำหรับค่าปรึกษา อีกใบคือกล่องหยกที่บรรจุดอกอวี้จีที่นำกลับมาจากตำหนักอายุวัฒนะ และอีกใบที่บรรจุดอกเฟิงหลิงมา

พอฉีหวงเห็นนางกลับมาก็ก้าวเข้าไปต้อนรับทันที เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “คุณหนูออกไปข้างนอกคราวนี้เหมือนจะมีเรื่องดีๆ นะเจ้าคะ”

ฉินหลิวซียิ้มทันที “ดูออกหรือ”

“แน่นอนสิเจ้าคะ คุณหนูยิ้มจนมุมปากจะถึงใบหูอยู่แล้วเจ้าค่ะ” ฉีหวงหัวเราะ

ฉินหลิวซีเข้าไปในห้องแล้วจึงเอ่ย “ตระกูลเฉียนไม่เลวเลย ข้าได้บุญมาจากพวกเขาสองคนด้วย เฉียนหยวนไว่เองก็ใจกว้าง บอกว่าจะให้ค่าคำปรึกษาสองพันตำลึงก็ให้มาเลย”

ฉีหวงรินน้ำพลางเอ่ยขึ้น “หากจะให้ข้าพูด คุณหนูยอมลงมือ สองพันตำลึงก็ยังน้อยไปนะเจ้าคะ”

ได้บุญมาแล้วยังจะบ่นว่าน้อยได้อีกหรือ

ฉินหลิวซีรับน้ำชามาจากนางพลางมองเฉินผีวางของลงบนโต๊ะ จากนั้นจึงเอ่ย “ค่าคำปรึกษานี้ให้แบ่งออกมาครึ่งหนึ่งแล้วให้ใครเอาไปมอบให้ที่อารามหน่อย”

“โอ้ ครั้งนี้คุณหนูคิดได้เอง เจ้าอาวาสน่าจะดีใจมากนะเจ้าคะ”

ฉินหลิวซีลูบกล่องใบนั้นแล้วถอนหายใจ “ข้าไม่คิดได้เองได้หรือ ห้าโทษสามวิบัติมีอยู่ หากข้าละเลยไม่สนใจเพียงนิด ข้าคงต้องประสบพบกับมันเร็วกว่าใคร ทำไมข้าจะต้องถูกลงโทษเช่นนั้นด้วย”

นางสงสัยด้วยซ้ำว่าสวรรค์จะจงใจลงโทษนางเป็นพิเศษ ไม่ใช่ว่าบนโลกใบนี้จะไม่มีคนที่บำเพ็ญคนอื่นเสียหน่อย ใครๆ ก็ฝึกฝนบำเพ็ญตนกันทั้งนั้น ไยจึงต้องเข้มงวดแต่กับนางด้วย หรือเพราะนางไม่อยากก้าวหน้าอย่างนั้นหรือ

ฉีหวงแบ่งเงินออกมาพลางเอ่ย “เหตุผลเป็นเช่นนั้น เงินทองพวกนี้ ขอเพียงท่านไม่ขี้เกียจ ท่านอยากจะได้เท่าใดทำไมจะหาไม่ได้”

“อืม” ฉินหลิวซีมองเงินเหล่านั้นก่อนจะเอ่ย “ที่เหลือก็เก็บไว้ก่อน ค่อยให้ลุงหลี่ไปเบิกเงินจากเจ้าไปจัดการซื้อหาของใช้สำหรับหน้าหนาวมาไว้ ทั้งอาหารเสื้อผ้าและยา โอ้ ยังมีถ่านเงินด้วย ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน บ้านเรามีคนเพิ่มเข้ามามาก จะต้องเตรียมไว้ให้มากหน่อย”

“คุณหนู ฮูหยินใหญ่เป็นคนดูแลบ้านไม่ใช่หรือเจ้าคะ ไปเอาเงินจากทางนั้นดีหรือไม่เจ้าคะ” ฉีหวงเอ่ย

ฉินหลิวซีเอ่ย “นางมีเงินไม่มากหรอก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น คงจะไม่เพียงพอ ฤดูใบไม้ร่วงในเมืองหลีนั้นสั้น หน้าหนาวคิดจะมาก็มา พวกเรามีกันมากคนเช่นนี้ หากไม่เตรียมการเรื่องเสื้อผ้ากันหนาวไว้แต่เนิ่นๆ แล้วพากันล้มป่วยเพราะความหนาวก็จะยิ่งวุ่นวายไปใหญ่”

“กลัวก็แต่ว่าพวกเขาได้คืบจะเอาศอกน่ะสิเจ้าคะ”

ฉินหลิวซีแค่นเสียงเยาะ “หากเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ต้องดูด้วยว่าข้ายอมให้พวกเขามีโอกาสหรือไม่ ยอมที่จะให้เงินพวกนี้หรือไม่”

ฉีหวงคิดในใจ ที่นางพูดก็จริง ความคิดของเจ้านายนางชัดเจนตรงไปตรงมาเสมอ

หากนางเต็มใจให้ นางก็จะไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่หากนางไม่ยอม นางก็ยอมจะโยนทิ้งลงน้ำดีกว่าจะให้ไป

“ตระกูลเฉียนหยวนไว่ทำการค้าและมีร้านค้าของตัวเองด้วย ร้านเฉียนจี้บนถนนตงผิงเป็นของพวกเขา ให้ลุงหลี่ไปซื้อผ้าที่ร้านนั้น น่าจะได้ของที่ใช้งานได้จริงมา ข้าได้พูดคุยเอาไว้แล้ว” ฉินหลิวซีสั่งการ

ฉีหวงได้ยินแล้วก็รู้สึกผิดปกติ “คุณหนู ท่านสั่งเป็นชุดราวกับกำลังจะเดินทางไกลไปไหนนะเจ้าคะ”

ฉินหลิวซียิ้ม “ปิดบังอะไรเจ้าไม่ได้เลยจริงๆ”

“จะไปไหน กี่วันหรือเจ้าคะ ข้าจะได้เก็บของ”

“จวนหนิงโจว” ฉินหลิวซีเอ่ย “จะไปกี่วันก็ยังไม่แน่นอน เจ้าก็รู้ว่าหนิงโจวอยู่ไกล จัดเตรียมเสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยนสักสองชุดก็พอแล้ว อย่างอื่นไม่จำเป็น”

นางมักจะเดินทางด้วยสัมภาระเล็กน้อยเรียบง่าย ฉีหวงเองก็รู้จึงตอบรับคำของนาง

“อีกอย่าง ครั้งนี้เจ้าไม่ต้องติดตามข้าไป ให้เฉินผีไปกับข้าก็พอ”

ฉีหวงนิ่วหน้า “จะได้อย่างไรเจ้าคะ เฉินผีไม่รอบคอบ จะดูแลท่านให้ดีได้อย่างไร ข้าจะต้องไปด้วย”

ตอนที่ 42 ควรจะทำตัวสงบเสงี่ยม

“เฉินผีเป็นพี่ชายแท้ๆ ของเจ้า เจ้าเป็นน้องสาวแบบไหนกันถึงได้ว่าพี่ชายของเจ้าสะเพร่าไม่รอบคอบ ฉินหลิวซีหัวเราะพลางเอ่ย “ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เจ้าทั้งคู่ก็ตามข้าไปได้อยู่หรอก แต่ตอนนี้ที่บ้านมีคนตั้งมากเพียงนี้ อีกทั้งพวกเขาก็เพิ่งจะมาได้ไม่นาน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ยังไม่เข้าที่ลงตัว เจ้าอยู่ที่บ้านช่วยฮูหยินดูแลเถิด”

ฉีหวงเอ่ย “ฮูหยินเป็นคนแบบไหน ข้างกายนางยังมีหมัวหมัวที่ทำงานเก่งปานนั้น ไหนเลยจะต้องการข้าเล่า หากไม่มีข้า ฮูหยินก็ยังสามารถจัดการได้ดี แต่ข้างกายท่านจะไม่มีสาวใช้สักคนได้หรือเจ้าคะ คุณหนู ไม่อย่างนั้นพวกเราซื้อตัวสาวใช้สักสองคนมาให้พวกเขาดีหรือไม่เจ้าคะ เราไม่ได้ขัดสนเงินแค่นั้นสักหน่อย ถึงอย่างไรข้าก็อยากติดตามท่านมากกว่า ข้าไม่อยากเป็นหัวหน้าผู้ดูแลบ้านหรอกนะเจ้าคะ”

ฉินหลิวซีหยอกล้อ “อ้อ ไม่อยากเป็นหัวหน้าผู้ดูแลบ้าน เจ้าเองก็ไม่อยากก้าวหน้าเหมือนกับเจ้านายของเจ้าหรือ”

“การติดตามท่านก็เป็นความก้าวหน้าที่สุดของข้าแล้วเจ้าค่ะ” ฉีหวงเอ่ย “สำหรับข้าแล้ว ท่านต่างหากที่เป็นเจ้านายของข้า จะปล่อยให้ข้างกายท่านไม่มีคนคอยปรนนิบัติรับใช้ได้อย่างไรเจ้าคะ แบบนั้นไม่เท่ากับจัดลำดับความสำคัญผิดหรือ”

“ถ้าอย่างนั้นข้าซึ่งเป็นนายของเจ้าขอมอบหมายงานนี้ให้เจ้า ให้เจ้าติดตามฮูหยินในช่วงระยะนี้และจัดการฟื้นฟูบ้านนี้ให้ดี แล้วค่อยกลับมาอยู่ข้างกายข้าเหมือนเดิม อย่างนี้ได้หรือไม่”

ฉีหวงจ้องหน้านาง

“ใช่ว่าจะซื้อสาวใช้มาเพิ่มไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรปัญหาที่สามารถใช้เงินแก้ไขได้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่เจ้าก็รู้สถานการณ์ของตระกูลฉินดี ถูกยึดทรัพย์และเทรเทศ บ้านหลังนี้ก็เป็นที่พึ่งพิงเพียงหลังเดียวที่ฮูหยินผู้เฒ่าขอความเมตตาไว้ หากถอยกลับไปมอง จริงๆ แล้วที่อยู่อาศัยนี้ก็ไม่มีอะไรเลย แต่ถ้าคนที่คิดไม่ดีรู้ว่าตระกูลฉินกลับไปบ้านเก่าแล้วแต่ยังสุขสบายแวดล้อมไปด้วยบริวารแล้วรายงานขึ้นไป เจ้าว่าผลจะเป็นอย่างไรกัน”

ฉินหลิวซีลูบขอบถ้วยชาพลางเอ่ย “เดิมทีที่ตระกูลฉินเกิดเรื่องก็เป็นแผนการของใครบางคนอยู่แล้ว ถ้าคนผู้นั้นสืบขึ้นมาก็ยอดไปเลย ชีวิตของคนที่ถูกค้นบ้านยึดทรัพย์ยังคงสุขสบายดี นี่เป็นจุดอ่อนอย่างดีในการยัดข้อหาเพิกเฉยต่อพระราชอำนาจ จะต้องรายงานขึ้นไป แล้วจะให้โอรสสวรรค์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรคิดเห็นเช่นไรเมื่อทราบเรื่องนี้ เขาอาจคิดไม่ออก แต่หากมีใครเป่าหูขึ้นมา ฝ่าบาทก็อาจจะสงสัยได้ว่าตนเองใจดีเกินไปหรือไม่ ตระกูลฉินจึงได้ใจกล้าเช่นนี้”

ฉีหวงเม้มปากและนิ่งเงียบ

“ไม่มีใครอยากให้อำนาจและบารมีของตนถูกท้าทายและถูกดูหมิ่นโดยเฉพาะโอรสวรรค์ อำนาจของจักรพรรดิถูกท้าทายเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้อย่างยิ่ง หากฝ่าบาทไม่เมตตาเจ้าก็จะหาเหตุผลมาจัดการเจ้า ถึงตอนนั้นมันก็จะกลายเป็นหายนะแล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ย “ตระกูลฉินยังคงอยู่ท่ามกลางคลื่นลม จะเป็นการดีที่สุดถ้าไม่ทำตัวโดดเด่นจนเป็นภัย ควรทำตัวสงบเสงี่ยมอยู่นิ่งๆ รอให้คลื่นลมนี้จางหายไปก่อน ไม่ต้องเป็นจุดสนใจ แล้วจะมีโอกาสกลับมาได้เอง”

ฉีหวงเอ่ย “มีท่านอยู่ทั้งคน ตระกูลฉินจะตกต่ำไปได้ถึงขนาดไหนกันเจ้าคะ”

“เจ้ากำลังต้อนข้าให้จนมุมอย่างนั้นหรือ” ฉินหลิวซีแค่นเสียงเบาๆ “เพราะฉะนั้นที่ข้าทำตัวไม่เด่น ไม่อยากก้าวหน้าก็ถูกแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นท่านก็ต้องทนทุกข์ยาก ทำให้ตัวเองลำบากหรือเจ้าคะ”

“นั่นก็เป็นไปไม่ได้” ใครจะลำบากก็ลำบากไป แต่จะปล่อยให้ตัวเองลำบากไม่ได้ มิฉะนั้นจะมีชีวิตอยู่ไปทำไมกัน

ฉีหวงจนใจ นี่มันห้ามผู้อื่นทำแต่ให้แต่ตนเองทำได้เท่านั้นนี่

“เอาอย่างนี้แหละ เจ้าติดตามฮูหยินไปสักระยะ เจ้าจะได้คอยเตือนพวกนางด้วย ขอแค่ฮูหยินและฮูหยินผู้เฒ่าพยายามควบคุมคนเหล่านี้ให้ได้ก็พอ แล้วพวกนางก็จะมีกินมีดื่มไม่ขาด”

“ข้าเป็นแค่บ่าวรับใช้ จะมีสิทธิไปเตือนฮูหยินนายหญิงของบ้านได้เช่นไรเจ้าคะ ท่านพูดเองเถิด แล้วท่านป้าใหญ่ของท่านผู้นั้นก็ดูเหมือนกำลังวางแผนจะออกไปหางานทำข้างนอกเองนะเจ้าคะ”

ฉินหลิวซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ท่านป้าใหญ่ของข้าหรือ”

ฉีหวงพยักหน้า

“คุณหนูใหญ่ ฮูหยินใหญ่เชิญท่านไปพบเจ้าค่ะ” เสียงหนึ่งดังมาจากด้านนอก

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท