ตอนที่ 49 ท่านย่าไม่พอใจ / ตอนที่ 50 ความดีของคุณหนูใหญ่
ตอนที่ 49 ท่านย่าไม่พอใจ
ตอนที่ฉินหลิวซีออกมาจากห้องยาท้องฟ้าก็เกือบจะรุ่งสางแล้ว หลังจากอดหลับอดนอนมาทั้งคืน สีหน้าของนางก็ซีดเซียวลงเล็กน้อยจนฉีหวงที่เห็นเช่นนั้นอดสงสารไม่ได้
“นายท่าน ท่านอดนอนมาทั้งคืนแล้ว เหตุใดจึงไม่กลับไปนอนสักหน่อยเจ้าคะ เดี๋ยวท่านก็ต้องรีบเดินทางอีก แล้วจะมีเรี่ยวแรงได้อย่างไร”
ฉินหลิวซีเอ่ย “ไม่เป็นไร ข้าจะไปเตรียมตัวหน่อย ข้าจะอาบน้ำสมุนไพร เสร็จแล้วค่อยไปคารวะพวกท่านย่าแล้วค่อยไป”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้นางก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที เมื่อก่อนจะไปไหนมาไหนใช่ว่าจะต้องบอกกล่าวกับใคร นึกอยากจะไปก็ไป แต่ตอนนี้กลับทำเช่นนั้นไม่ได้อีกต่อไป
นางสูญเสียอิสรภาพแล้ว!
ฉินหลิวซียิ่งรู้สึกหดหู่มากขึ้นทุกที
ฉีหวงเห็นสีหน้าย่ำแย่ของนางแล้วก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก รีบไปตระเตรียม ภายในชั่วเวลาจิบชาน้ำสมุนไพรสำหรับอาบก็พรั่งพร้อม
ฉินหลิวซีเข้าไปในห้องอาบน้ำและแช่ตัวในอ่างน้ำ ขณะที่คอยกำกับให้ฉีหวงนวดตรงจุดฝังเข็มให้
“ข้าไปแล้ว เรื่องต่างๆ ในบ้านก็ให้ฮูหยินใหญ่เป็นคนรับผิดชอบ แต่ให้เจ้าคอยดูแลเรือนเล็กนี้ไว้ให้ดี โดยเฉพาะห้องยาและสวนสมุนไพร อย่าให้พวกนางทำของข้าพังได้”
ฉีหวงเอ่ย “ท่านไม่ไว้ใจคุณหนูพวกนั้นหรือเจ้าคะ”
“แทนที่จะพูดว่าไม่ไว้ใจพวกนาง ต้องเอ่ยว่าไม่ไว้ใจฮูหยินรองจะดีกว่า” ฉินหลิวซีหลับตาและจุ่มตัวลงในน้ำอาบสมุนไพร “นางโลภในทรัพย์สินเงินทองและชอบเอาเปรียบผู้อื่น นิสัยก็ปากร้ายพาลพาโลไม่มีเหตุผล หากนางมาวางท่าใหญ่โตที่นี่ เจ้าก็หยุดนางไว้ให้ได้ หากมีอะไรให้รอข้ากลับมาค่อยว่ากัน ถ้าไม่ได้การจริงๆ ก็ให้เชิญฮูหยินใหญ่มาจัดการ”
“ท่านไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ข้าจะดูแลแทนท่านอย่างดี” ฉีหวงและเฉินผีเป็นพี่น้องที่มีร่างกายแข็งแรง ทั้งสองคนเป็นคนที่ฉินหลิวซีช่วยเอาไว้ตอนที่พวกเขาทุกข์ยากลำบากที่สุด เมื่อแรกที่พวกเขาติดตามฉินหลิวซี นางไม่อยากให้พวกเขาลงนามในสัญญาซื้อขายทาส แต่พวกเขาก็ทำสัญญาเลือดกับอาจารย์ที่อารามแล้ว จึงไม่มีวันที่จะทรยศนางแน่
ดังนั้นหากบ้านนี้มีใครที่คิดจะใช้สัญญาทาสมาบีบบังคับพวกเขาย่อมไม่มีทางเป็นไปได้
“เจ้าเอาอวี้เสวี่ยจีไปส่งที่ตำหนักอายุวัฒนะเถิด ส่วนยาอื่นๆ ที่หลอมไว้ให้เจ้าเก็บเอาไว้ก่อน หากฮูหยินสามและท่านย่าเป็นอะไรกะทันหัน เจ้าค่อยเอาให้พวกนางกิน”
“ท่านแอบดูลิขิตสวรรค์หรือเจ้าคะ”
“ไม่หรอก ก็อย่างที่โบราณว่าคนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต คนแก่คนหนึ่ง คนอ่อนแอหลังคลอดคนหนึ่ง แถมยังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย ข้ากลัวว่าจะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นแล้วข้าจะมาไม่ทัน” ฉินหลิวซีเอ่ย “ถ้ามีอะไรที่เจ้าจัดการไม่ได้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าจะต้องไปขอความช่วยเหลือจากที่ใด”
“ท่านไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ”
ฉินหลิวซีไม่ได้เอ่ยมากความอีก นางรู้สึกสบายไปทั้งร่าง หลังจากได้สูดลมหายใจเข้าออกไปสองสามครั้งก็ผล็อยหลับไป
ฉีหวงเห็นอย่างนั้นจึงหยุดเคลื่อนไหว ตรวจสอบอุณหภูมิของน้ำอีกครั้ง และมองดูเจ้านายที่เอนร่างพิงอ่างโดยหันหน้ามาทางนางก่อนจะยิ้มออกมา นางหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่วางไว้บนอ่างอาบน้ำ จากนั้นก็เดินออกจากห้องอาบน้ำไปอย่างแผ่วเบา จะต้องกำชับให้เฉินผีดูแลเจ้านายของนางให้ดี
ฉินหลิวซีงีบหลับไปเพียงครู่ก็ตื่นขึ้นและแต่งตัวให้เรียบร้อยด้วยตนเอง พอเดินออกไปก็พบฉีหวงเข้ามาพอดี
“ข้าไปคารวะเองก็ได้ เจ้าเก็บของให้เรียบร้อยเถิด”
ฉีหวงรับคำ
ฉินหลิวซีเดินออกไปจากห้อง ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว นางยืนอยู่ใต้ชายคา มีลมพัดมา อากาศเริ่มจะเย็นลงแล้ว
นางฉินผู้เฒ่าอายุมากและหลับไม่ลึก นางมีเรื่องในใจจึงตื่นตั้งแต่เช้าแล้ว ได้ยินว่าฉินหลิวซีจะมาคารวะนาง ประกอบกับที่ได้ยินจากสะใภ้ใหญ่มาก่อนแล้วว่าอีกฝ่ายจะไปบำเพ็ญเพียรที่อารามเต๋า จึงทราบว่าอีกฝ่ายจะมาเพื่อกล่าวลา
เพียงแต่ตอนนี้ครอบครัวอยู่ในช่วงเวลาที่มีเรื่องให้กังวลกลัดกลุ้มมากมาย พวกนางเองก็เพิ่งจะกลับมาบ้านเก่านี้ และยังอยู่ในช่วงที่จับต้นชนปลายหาทางไปไม่เจออยู่เลย เรื่องนี้จึงทำให้นางรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง
ฉินหลิวซีเองก็ไม่ได้คุ้นเคยกับนาง หลังจากที่คารวะแล้วก็แจ้งเรื่องที่ตนเองจะไปทันที ฉินหลิวซีจับชีพจรและเขียนใบสั่งยาให้นางใหม่ ก่อนจะให้ติงหมัวหมัวนำไปให้ลุงหลี่เพื่อรับยา แล้วจึงกล่าวคำอำลาและจากไป
สีหน้าของนางฉินผู้เฒ่าไม่พอใจถึงขีดสุด เอ่ยออกมาโดยไม่ปิดบัง “เด็กคนนี้ พอข้าไม่ได้เลี้ยงมาเอง กลับมาก็ทำตัวเย็นชาห่างเหินเสียแล้ว!”
ตอนที่ 50 ความดีของคุณหนูใหญ่
ติงหมัวหมัวไม่กล้าจัดการอะไรกับฉินหลิวซี ประการแรกเพราะนางเป็นเพียงบ่าวรับใช้ แม้ว่านางจะเป็นคนสนิทของฮูหยินผู้เฒ่า แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะจัดการเจ้านายได้
ส่วนประการที่สอง ฉินหลิวซีพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าวิชาแพทย์ของนางไม่ธรรมดา ตนเองไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักแยกแยะ ย่อมรู้ว่าคนเช่นนี้ไม่ใช่คนที่จะทำให้ขุ่นเคืองได้
ประการที่สาม แม้ว่าฉินหลิวซีจะไม่ได้เป็นมิตรและกระตือรือร้นต่อฮูหยินผู้เฒ่าและคนอื่นๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภายในหรือภายนอกก็ไม่สามารถจะตำหนิอะไรนางได้
ยิ่งไปกว่านั้น คุณหนูใหญ่ถูกส่งตัวมาที่บ้านเก่าตั้งแต่ยังเล็กเพียงลำพัง เติบโตมาอย่างโดดเดี่ยว เช่นนั้นแล้วที่นางไม่สนิทสนมกับคนตระกูลฉินก็เป็นเรื่องปกติธรรมดามากมิใช่หรือ
จะคาดหวังให้คนที่ไม่ได้เติบโตมากับคนในครอบครัวไม่มีช่องว่าง ไม่มีความเหินห่าง และมีความรู้สึกสนิทสนมอบอุ่นหลังจากสิบปีผ่านไป แม้แต่นักบุญก็ยังทำไม่ได้กระมัง
ความจริงแล้วคนที่ทำเช่นนี้ได้นั้นน่ากลัวมากต่างหาก เพราะแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายมีความอดทนอดกลั้นเพียงใด และสามารถซ่อนตัวตนไว้ได้มากแค่ไหน
ติงหมัวหมัวลอบสังเกตสีหน้าของฉินฮูหยินผู้เฒ่าก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านก็อย่าได้โทษคุณหนูใหญ่นักเลยเจ้าค่ะ นางออกจากบ้านมาตั้งสิบปีแล้ว อย่าว่าแต่ท่านและฮูหยินคนอื่นๆ เลย แม้แต่คุณชายคุณหนูในบ้าน นางก็ยังไม่เคยพบปะพูดคุยด้วย ไหนเลยจะพูดถึงเรื่องความรักใคร่สนิทสนมได้”
นางฉินผู้เฒ่านิ่งเงียบ
“คุณหนูใหญ่อาจจะเป็นคนเย็นชา แต่ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องอื่นเลย นางก็ยังมีใจกตัญญูต่อท่านมิใช่หรือเจ้าคะ นี่ไม่ใช่ว่าก่อนที่นางจะไปก็ยังเป็นห่วงเรื่องสุขภาพร่างกายของท่านหรือ”
พอนางฉินผู้เฒ่าได้ยินเช่นนั้นแล้ว สีหน้าของนางก็ดีขึ้น นางปฏิเสธเรื่องนั้นไม่ได้จริงๆ
“ยังมีทางด้านฮูหยินสาม นางเองก็ห่วงใยนัก ข้าได้ยินจากจวี๋เอ๋อร์ว่านางไปตรวจอาการให้ฮูหยินสามด้วยตัวเอง ทั้งยังสั่งให้ภรรยาของหลี่ต้ากุ้ยทำอาหารบำรุงร่างกายให้นางทุกวันด้วย แค่เรื่องนี้ หากนางไม่มีใจ ด้วยวัยของนางหรือจะคิดถึงเรื่องพวกนี้ได้” ติงหมัวหมัวถอนหายใจเบาๆ “สิ่งที่ทำให้บ่าวรู้สึกนับถือนางที่สุดก็คือสิ่งที่นางทำให้คุณชายน้อยที่เพิ่งเกิด บ่าวได้ยินมาว่านางขึ้นไปที่อารามและขอจี้กระดุมหยกสำหรับคุ้มครองปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายมาให้ เป็นของวิเศษที่ผ่านการปลุกเสกแล้วด้วยนะเจ้าคะ”
ใบหน้าของนางฉินผู้เฒ่าร้อนผ่าว เหลือบมองหญิงชราที่อยู่กับนางมาหลายปีก่อนจะเอ่ย “นางเฒ่านี่ เจ้าได้ผลประโยชน์จากนางไปแล้วเท่าไร นี่เพิ่งผ่านไปแค่กี่วันเอง เจ้าก็ช่วยพูดจาแทนนางแล้ว”
ติงหมัวหมัวยิ้มขื่น “บ่าวหรือจะกล้า เพียงแต่บ่าวเห็นว่าท่านอาจจะอยู่ในมุมแคบๆ แล้วมองเห็นไม่รอบด้านจนทำให้สุขภาพของท่านยิ่งย่ำแย่ลงเรื่อยๆ บ่าวจึงเอ่ยความจริงกับท่านเจ้าค่ะ”
นางฉินผู้เฒ่าถอนหายใจ “ข้าแก่และเลอะเลือนไปจริงๆ”
“ท่านอย่าได้พูดแบบนี้สิเจ้าคะ ถึงอย่างไรก็เป็นเพราะพวกท่านไม่ได้พบเจอกันนานหลายปีจึงเกิดความห่างเหินขึ้น หากได้อยู่ด้วยกันนานเข้าก็คงจะผูกพันกันไปเอง” ติงหมัวหมัวรีบเอ่ยปลอบโยนนางทันที
“อืม” นางฉินผู้เฒ่าเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา แววตาล่องลอย “ข้ากลัวแต่ว่าจะมีเวลาไม่พอแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้เห็นวันนั้นหรือไม่”
ติงหมัวหมัวรู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูดไปเงียบๆ
ส่วนฉินหลิวซีที่พวกนางกำลังเอ่ยถึงก็กำลังมุ่งหน้าไปหาสะใภ้กู้ นางฝังเข็มให้สะใภ้กู้อีกครั้งและกำชับอะไรอีกสองสามคำพร้อมกับส่งใบสั่งยาให้แผ่นหนึ่ง
“ใบสั่งยาแผ่นนี้เป็นน้ำอาบสมุนไพรที่ข้าคิดค้นให้กับผิงและน้องชาย ข้าได้คัดลอกให้ฉีหวงไว้ด้วยเช่นกัน จากนี้ไปให้พวกเขาแช่วันเว้นวันเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ต่อไปจะช่วยเรื่องกล้ามเนื้อและกระดูกให้แข็งแรงได้ด้วย”
สะใภ้กู้ตกตะลึงทันทีก่อนจะรับมาอ่าน สีหน้าของนางก็มีแววลังเลเล็กน้อย
“ถ้าคิดว่าไม่ดี จะไม่แช่ก็ได้”
สะใภ้กู้ส่ายศีรษะ “เจ้าไม่มีทางทำร้ายพวกเขาอยู่แล้ว หากเป็นเมื่อก่อนข้าจะต้องตอบรับโดยไม่เอ่ยอะไร แต่ซีเอ๋อร์ เจ้าก็รู้สถานการณ์ของบ้านเราดี น้ำอาบสมุนไพรนี้ต้องใช้ตัวยาและเงินมากจริงๆ”
พวกเขารับผิดชอบไม่ไหว นางเองก็ไม่อาจเห็นแก่ตัวและเรียกร้องสำหรับบุตรชายฝาแฝดมากเกินไป เพราะถึงอย่างไรตระกูลฉินก็อยู่ในสภาพตกต่ำลำบาก
ฉินหลิวซีเอ่ย “ท่านไม่ต้องกังวล ข้าให้ท่านได้เช่นนี้ย่อมแปลว่าข้าจัดการได้ หลังจากที่ข้าไปแล้ว ฉีหวงจะเป็นคนจัดการให้”