คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 59 รักษาแผลแบบนี้ ตอนที่ 60 ชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 59 รักษาแผลแบบนี้ / ตอนที่ 60 ชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน

ตอนที่ 59 รักษาแผลแบบนี้

ฉินหลิวซีก้มลงและสบตากับสีเจิง สีเจิงก็ไม่ได้หลบสายตา แววตาคู่นั้นมีแต่ความแน่วแน่เด็ดเดี่ยว

“ชีวิตของเจ้าถือว่ามีค่าอยู่” ฉินหลิวซียืดตัวขึ้นด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ขอให้ผู้ติดตามคนนั้นอุ้มเด็กเข้าไปในบ้าน

สีเจิงรู้สึกว่าหัวใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่งของตนสงบลงในฉับพลับ นางควบคุมสติอารมณ์และลุกขึ้นจากพื้นตามเข้าไป

เฉินผียกน้ำเข้ามาในห้องและยังนำกล่องยาใบน้อยของฉินหลิวซีเข้ามาให้ด้วยโดยไม่ต้องรอให้สั่ง

“คนที่ไม่เกี่ยวข้องก็ออกไปเถิด”

แววตาของฉีเชียนวาบขึ้นเล็กน้อย “ให้ข้าช่วยท่านเถิด”

ฉินหลิวซีหันหน้ามามองเขาด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ก่อนจะส่งเสียงหยันออกมาเล็กน้อย

สีหน้าฉีเชียนไม่มีการเปลี่ยนแปลง เขาทำท่าราวกับว่าตนเองจะไม่ไปไหน

สีเจิงได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคนแล้วก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หรือว่าคุณชายอายุน้อยผู้นี้จะรู้วิชาแพทย์

“คุณหนู นี่มัน…” ผิงจื่อประหม่ายิ่งแล้ว เขาก้าวเข้าไปเพื่อจะห้าม

ฉินหลิวซียังเด็กเกินไป นางจะช่วยคุณชายน้อยของเขาได้จริงหรือ

สีเจิงยกมือขึ้นขวางพลางมองหน้าเขา “เจ้าออกไปเถิด”

“แต่ว่า…”

“เชื่อฟังข้า!”

ผิงจื่อเม้มริมฝีปาก หันศีรษะและออกไป

สีเจิงมุ่งความสนใจไปยังคนที่หายใจแผ่วเบาบนเตียงอีกครั้ง ดวงตาของนางเลอะเลือนพร่ามัว มือของนางกำหมัดแน่น

เฉินผีชำเลืองมองนาง แล้วก็เห็นว่าฉินหลิวซีไม่ได้ไล่นางออกไป จึงไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ฉินหลิวซีหันไปตรวจดูอาการของเด็กชายบนเตียงก่อนจะหยิบกรรไกรขึ้นมาตัดเสื้อผ้าอย่างช่ำชอง เมื่อเห็นบาดแผลฉกรรจ์จากคมกระบี่บนตัวเด็กชาย นางก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจทันที

บาดแผลจากคมกระบี่พาดผ่านช่องท้อง เลือดเนื้อเหวอะหวะ หากลึกไปกว่านี้เพียงเล็กน้อยก็จะคว้านท้องเขาแล้ว

สีเจิงเห็นเช่นนั้นก็กัดริมฝีปากตนเองทันใด เดิมทีควรจะเป็นนางที่ต้องโดน แต่กลายเป็นน้องชายที่รับไว้แทนนาง หากเขาตายไปแบบนี้ นางจะเอาหน้าที่ไหนไปพบกับท่านพ่อและท่านแม่ในปรโลก

สีเจิงรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย กัดปลายลิ้นตนเองอย่างรุนแรงเพื่อใช้ความเจ็บปวดกระตุ้นตัวเอง เบิกตาให้กว้าง มองให้ชัด และจำไว้ให้แม่น

ฉินหลิวซีตรวจชีพจรของเขาก่อน จากนั้นจึงเปิดเปลือกตาของเด็กขึ้น ดึงลิ้นชักเล็กๆ ของกล่องยาและหยิบขวดหยกขนาดเล็กและประณีตใบหนึ่งออกมา

จุกไม้บนขวดหยกเปิดออก กลิ่นหอมของสมุนไพรโชยออกมา สั่นไหวจิตใจของผู้คนทันที

ฉีเชียนจ้องมองอย่างใกล้ชิด

เขาเกิดในตระกูลสูงศักดิ์ ดังนั้นจึงได้เห็นของดีๆ มาแล้วมากมาย ยาในขวดหยกของฉินหลิวซีนี้จะต้องเป็นยาดีที่หายากมากแน่

ไม่รู้ว่าสามารถช่วยอะไรได้บ้าง

สีเจิงเองก็ได้กลิ่นแล้วเช่นกัน แววตาของนางเปี่ยมไปด้วยความหวังขึ้นมาทันใด

ฉินหลิวซีเทยาเม็ดขนาดประมาณเม็ดไข่มุกออกจากขวดหยกและยัดมันเข้าไปในปากเด็ก จากนั้นก็หยิบเข็มทองคำออกมาฝังเข็มให้เขาตามจุดสำคัญๆ หลายจุด

บาดแผลสำคัญอยู่ที่ช่องท้อง เมื่อนางปักเข็มลงไป เลือดที่เคยไหลออกจากบาดแผลนั้นก็หยุดไหลทันที

“น้ำ”

เฉินผีส่งน้ำอุ่นสะอาดให้นาง ฉินหลิวซีค่อยๆ ทำความสะอาดคราบเลือดอย่างเบามือ และนำเนื้อส่วนที่ตายแล้วออก ทำให้บาดแผลดูน่ากลัวยิ่งขึ้น

ฉินหลิวซีโรยยาจินชวงลงไปอีก จากนั้นก็ใช้เข็มและเส้นใยขนาดเล็กเท่าเส้นไหมที่ทำจากลำไส้แกะเย็บแผลเปิดนั้น

ฉีเชียนตกตะลึงปาอ้าตาค้าง “!”

สีเจิงจ้องมองไม่วางตาแทบลืมหายใจ

มีคนรักษาแผลแบบนี้ คือเย็บแผลคนเหมือนเย็บผ้าด้วยหรือ

การเคลื่อนไหวของฉินหลิวซีนั้นมั่นคงอย่างยิ่ง มือไม่สั่นเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าเคยทำสิ่งนั้นมาแล้วซ้ำๆ ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

หลังจากที่ฉินหลิวซีเย็บบาดแผลเสร็จแล้วก็หยิบผ้าตาข่ายม้วนหนึ่งจากในกล่องมาพันแผลไว้

ฉีเชียนเห็นได้อย่างชัดเจนว่าผ้าตาข่ายนั้นดูเบาบางและระบายอากาศได้ดี แต่มันแข็งแรงกว่าผ้าพันแผลทั่วไปมาก ไม่รู้ว่าทำมาจากวัสดุใด

หลังจากฉินหลิวซีทำทั้งหมดเรียบร้อยจึงตรวจชีพจรและลมหายใจอีกครั้ง ก่อนจะดึงเข็มออกมาและล้างมือ

“คุณชาย เรียบร้อยแล้วหรือ” น้ำเสียงสั่นสะท้านของสีเจิงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

ตอนที่ 60 ชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน

ฉินหลิวซียืดตัวตรงก่อนจะมองไปยังสีเจิงที่ดูกังวล “เรียบร้อยแล้ว อย่าให้บาดแผลปริแตกออกก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นก็ต้องเย็บใหม่ พอถึงตอนนั้นเขารู้สึกตัวแล้ว ถึงจะใช้ผงหมาเฟ่ยซ่าน[1]ก็จะรู้สึกเจ็บปวดอยู่ดี แล้วพวกท่านก็อาจจะเย็บแผลได้ไม่เรียบร้อยเท่าข้าด้วย”

สีเจิงและฉีเชียนได้ฟังแล้วก็ตัวสั่นโดยไม่รู้ตัวก่อนจะหันไปมองเด็กชายบนเตียง

ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเด็กจะเจ็บปวดเลย แค่พวกเขามองเช่นนี้ก็รู้สึกเจ็บปวดราวกับว่าเข็มและด้ายนั้นกำลังเดินอยู่บนร่างกายของพวกเขาแล้ว

“แล้วเขาจะตายหรือไม่”

ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “คนที่ข้าฉกชิงแย่งมาจากมือของยมทูตขาวดำย่อมไม่ตายไปง่ายๆ อย่างนี้หรอก”

ขณะที่เอ่ยก็เหลือบมองไปที่ปลายเตียงด้วยท่าทางเหมือนตั้งใจเหมือนไม่ตั้งใจ มุมปากก็ยกโค้งขึ้นอย่างยั่วยุท้าทาย

ฉีเชียนสังเกตเห็นและมองตามไปโดยไม่รู้ตัว แต่ก็ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น แล้วนางกำลังมองใครอยู่

ฉินหลิวซีเก็บสายตากลับมา ย่อมไม่บอกพวกเขาอยู่แล้วว่ายมทูตที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีหายตัวไปอย่างโกรธเกรี้ยวหลังจากที่จ้องอยู่สักพัก

เฮ้อ นางแย่งตัวคนคนนี้มาทำให้คนอื่นเสียงานเสียการ คงจะต้องปลอบใจด้วยการเผาก้อนทองไปให้สักหน่อยแล้ว

สีเจิงเป็นคนความรู้สึกไว นางลูบแขนตนเองเล็กน้อยและไม่สนใจความเย็นในห้องนั้น ก่อนจะคุกเข่าลงต่อหน้าฉินหลิวซีและโขกศีรษะให้สามครั้ง “บ่าวขอบคุณคุณชายที่ช่วยชีวิตน้องชายของบ่าวไว้”

ฉินหลิวซีเอ่ย “ไม่ต้องโขกแล้ว เจ้าเองก็ทำความสะอาดบาดแผลบนเนื้อตัวเจ้าก่อนเถิด เอานี่ ยาจินชวง”

ก่อนจะยื่นยาจินชวงขวดเล็กส่งไปให้

ฉีเชียนรู้สึกอิจฉาตาร้อน เขาเห็นเมื่อครู่นี้แล้วว่า หลังจากที่ฉินหลิวซีฝังเข็มโรยยาแล้ว เลือดจากบาดแผลก็หยุดอย่างรวดเร็ว พิสูจน์ได้ว่าผลลัพธ์ของยาจินชวงนี้ดีกว่าปกติมาก

สีเจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรับมาและขอบคุณอีกครั้ง

ฉินหลิวซีเรียกให้เฉินผีเก็บของและเดินออกไป

ฉีเชียนรีรออยู่เล็กน้อย พอเขาเห็นว่าฉินหลิวซีออกไปแล้วก็เข้าไปตรวจสอบชีพจรของเด็กคนนั้นทันที และเห็นว่าลมหายใจของเขาสงบมั่นคง ในใจก็คิดว่าเรื่องที่เล่าลือกันนั้นไม่ใช่เรื่องโกหก หมอนักพรตปู้ฉิวสามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืนได้

เมื่อครู่นี้เขาเห็นอยู่ชัดๆ ว่าเด็กคนนั้นลมหายใจรวยรินแค่ไหน แต่หลังจากฉินหลิวซีป้อนยาและรักษาบาดแผลให้เขาแล้ว ลมหายใจของเขาก็กลับมามั่งคง ชีพจรก็มั่นคงด้วย

ฉีเชียนนิ่งมองสีเจิงก่อนจะเอ่ย “พวกเจ้าโชคดีมาก”

สีเจิงตกตะลึงไปทันที

หลังจากฉีเชียนจากไปแล้วนางก็รีบพุ่งเข้าไปข้างเตียง จากนั้นยื่นมือเข้าไปตรวจสอบลมหายใจของน้องชายและก็แตะชีพจรของเขา พอเห็นว่าทุกอย่างมั่นคงดีแล้ว น้ำตาของนางก็ไหลรินพรั่งพรูออกมาทันที

ผิงจื่อเองก็เดินเข้ามาและเห็นภาพนั้น ใจเขาก็เต้นแรงทันที หรือว่าคุณชายจะอาการไม่ดีแล้ว?

“คุณหนู?”

สีเจิงเช็ดน้ำตาพลางเอ่ย “พี่ผิง น้องหลิงไม่เป็นไรแล้ว สบายใจได้”

ผิงจื่อดีใจมาก “จริงหรือ”

สีเจิงพยักหน้าก่อนจะเอ่ย “พวกเราพบผู้มีพระคุณเข้าแล้ว” นางยื่นยาจินชวงที่อยู่ในมือไปให้เขา “นี่เป็นยาจินชวงที่คุณชายท่านนั้นให้มา พี่ผิงรีบใส่ยาสิ”

“แผลของบ่าวไม่สำคัญหรอก แต่คุณหนู…”

“ของข้าก็แค่บาดแผลภายนอก ยานี้ดูแพงมาก เจ้าใช้เถิด น้องหลิงยังต้องให้เจ้าคอยคุ้มครองอีก” สีเจิงสังเกตเห็นแววตาของฉีเชียนที่จ้องมองยานี้ของนาง มันคือความอิจฉาและริษยาหรือไม่

ผิงจื่อได้ฟังคำพูดของนางแล้วก็รู้สึกใจสั่นสะท้านขึ้นมาด้วยความตึงเครียดทันที เขาได้แต่ต้องออกไปจัดการทำแผลของตนเองก่อน

สีเจิงจับมือของน้องชายไว้และลูบใบหน้าเขา นางได้ยินเสียงฝีเท้าด้านหลังจึงหันกลับไปมองทันที และพบว่าเป็นเฉินผีที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกับน้องชายของนาง ในมือของเขามีเสื้อผ้ามาด้วย

“คุณชายของข้าสั่งให้เอาเสื้อผ้าพวกนี้มาให้ท่าน ซื้อมาจากชาวนาพวกนี้แหละ ถึงจะเป็นของที่คนอื่นเคยใส่มาแล้ว แต่ก็เป็นของที่ดีที่สุดและซักสะอาดแล้ว ดีกว่าเสื้อผ้าที่พวกท่านใส่อยู่ตอนนี้แน่”

สีเจิงก้มหน้าลงมองเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดและฉีกขาดของตน นางเม้มปากและคารวะเฉินผีทันที “ข้าขอขอบคุณท่านและคุณชายที่ใส่ใจ อีกประเดี๋ยวข้าจะไปกล่าวคำขอบคุณคุณชายด้วยตัวเอง”

[1]ผงหมาเฟ่ยซ่าน ผงกัญชาที่ใช้เพื่อระงับความรู้สึกเจ็บปวด

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท