ตอนที่ 71 คุณชายซุกซนมาก / ตอนที่ 72 คุณหนูใหญ่ไม่มีค่าให้ผูกมิตรหรือ
ตอนที่ 71 คุณชายซุกซนมาก
“อ้า วู้วๆ”
ฉินหลิวซีกระโดดขึ้นบนเตียงในโรงเตี๊ยมพักแรมและยังกลิ้งไปมาสองสามรอบ อุทานออกมาด้วยความสบายอกสบายใจ
“ในที่สุดก็ได้นอนบนเตียงจริงๆ แล้ว เดินทางเหนื่อยจริงๆ”
เฉินผีวางสัมภาระลงข้างๆ ตู้ พอได้ยินเช่นนั้น เขาก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณชาย เมืองหลีห่างจากหนิงโจวแค่เดินทางสองวัน ท่านก็ว่าเหนื่อยแล้ว ถ้าไกลกว่านี้ท่านไม่เหนื่อยตายเลยหรือ”
“เพราะฉะนั้นคุณชายของเจ้าจึงยอมตายอย่างสุขสงบ” ฉินหลิวซียืดแขนยืดขาออก “ต่อไปคนที่จะขอให้ข้ารักษาจะต้องมาหาข้าเอง รักษาหรือไม่ก็แล้วแต่ข้า”
เฉินผียิ้มไม่เอ่ยอะไร ถึงจะเอ่ยอย่างนั้นแต่พอเจอกับคนที่ไม่สะดวกเดินทางจริงๆ นางก็ยังไปอยู่ดี
“คุณชายพักผ่อนไปก่อน ข้าจะไปต้มน้ำสมุนไพรให้ท่านอาบคลายความเหนื่อยล้า”
“ให้พวกหั่วหลางช่วยเจ้าก็ได้ ข้าจะพักสักหน่อย”
เฉินผีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่เหนื่อย ถ้าข้าปล่อยให้พวกหยาบกระด้างเงอะงะพวกนั้นจัดการเรื่องของคุณชายแล้วพี่หญิงรู้เข้า นางจะต้องบิดหูข้าแน่ คุณชาย ข้าไปล่ะ”
ฉินหลิวซีรู้ว่าพวกเขาสองคนพี่น้องเป็นเช่นนี้ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับนาง พวกเขาจะไม่มีวันยืมมือคนอื่น จึงปล่อยให้เข้าไปจัดการ
ในระหว่างที่รอน้ำอาบสมุนไพร ฉินหลิวซีก็ปิดตาลงพักผ่อนสักครู่ เมื่อน้ำสมุนไพรมาแล้ว นางก็แช่น้ำสมุนไพรอย่างมีความสุข แล้วจึงปรากฏตัวในโถงใหญ่ของโรงพักม้าอย่างสดชื่น
ฉีเชียนเองก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เขากำลังนั่งดื่มชา แล้วจู่ๆ ก็ได้กลิ่นยาลอยมาจางๆ พอหันไปมองก็เห็นฉินหลิวซีเดินลงมาพอดี อาจเป็นเพราะได้อาบน้ำแล้ว สีหน้าของอีกฝ่ายจึงดูชุ่มชื้นราวกับเครื่องหยก
ที่ห้องโถงใหญ่ยังมีคนอื่นๆ อยู่ด้วย เมื่อพวกเขาเห็นฉินหลิวซีก็อดที่จะมองอยู่นานไม่ได้ คุณชายท่านนี้ปากแดงฟันขาว หน้าตาดีจริงๆ เพียงแต่ดูเย่อหยิ่งและเย็นชาเท่านั้น
“ข้าคิดว่าท่านหมอฉินจะกินข้าวเย็นในห้องเสียอีก” ฉีเชียนยกถ้วยอีกใบขึ้นมา ขณะที่รอให้ฉินหลิวซีนั่งลง เขาก็รินชาให้นางด้วยตัวเอง
ฉินหลิวซีเอ่ย “ฟังคำพูดของคุณชายฉีแล้วคล้ายกับไม่อยากเห็นหน้าข้ากระนั้น ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ดีหรือไม่”
“เชียนมิกล้า” ฉีเชียนเอ่ยถาม “ท่านหมอฉินอาบน้ำสมุนไพรหรือ ดูท่าจะได้ผลดีไม่เลวเลย” สามารถเปลี่ยนสภาพเหน็ดเหนื่อยก่อนหน้านี้ไปได้ในทันที
ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว “คุณชายฉีเองก็อยากได้ตำรับยานี้ด้วยหรือ”
“หากท่านหมอฉินยินดีจะเอื้อเฟื้อ เชียนย่อมยินดีจะจ่าย รวมถึงยาจินชวงรักษาบาดแผลและยาเม็ดพวกนั้นด้วย” ฉีเชียนตาเป็นประกายเล็กน้อย
ฉินหลิวซีคิดในใจว่าเขาดูของเป็น แค่เหลือบตามองก็รู้แล้วว่าเป็นของดี เฮอะ
“คุณชายฉี ไม่ว่ายาใดๆ ก็มีความเป็นพิษในตัวเอง ยาไม่ใช่ลูกอมที่จะกินส่งเดชได้”
ฉีเชียนเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่กินส่งเดช ก็แค่ยาดีที่ต้องมีติดบ้านไว้ เตรียมไว้ก่อนจะได้ไม่ลำบาก”
พรืด
ฉินหลิวซีสำลักน้ำชา นางขยับเข้าไปใกล้แล้วเอ่ยเสียงเบา “อันที่จริงข้ายังมียาพิษร้ายแรงถึงตาย เป็นยาดีที่เอาไว้ใช้ป้องกันตัว ท่านต้องการหรือไม่ ข้าเห็นว่ามีคนต้องการฆ่าท่านมากนัก!”
ฉีเชียน “…”
เฉินผีนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างๆ ยิ้มทันที คุณชายซุกซนอีกแล้ว!
ฉีเชียนกำลังจะเอ่ย ฉินหลิวซีกลับมองออกไปนอกประตู เขาจึงจองตามสายตาไปเช่นกัน
และได้เห็นว่าโรงพักม้ากำลังต้อนรับคนกลุ่มหนึ่งเข้ามา สีหน้าท่าทางที่ดูเคารพนอบน้อมและถ่อมตัวเช่นนั้น ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นเป็นใครกันแน่
คนที่เดินนำหน้าเป็นผู้ดูแลวัยกลางคนทั่วไปคนหนึ่ง ด้านหลังผู้ดูแลเป็นฮูหยินชราที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้างดงามหรูหรา ข้างๆ นางมีเด็กสาวในหมวกคลุมหน้าสีขาวติดตามมาด้วย
ฮูหยินชราไม่ได้เหล่สายตาไปทางใด สีหน้าท่าทางของนางดูเย่อหยิ่งเล็กน้อย นางเข้ามาแล้วก็ตรงไปที่เรือนแยกเล็กๆ ด้านหลังโรงพักม้าทันที แต่เด็กสาวที่อยู่ข้างๆ นางไม่รู้ว่าสังเกตเห็นสายตาของพวกฉินหลิวซีหรือไม่ พอเห็นฉีเชียน นางก็กระซิบกระซาบบางอย่างข้างหูของหญิงชรา
หญิงชราดูเหมือนจะตกใจและมองตามนิ้วของนางทันที เมื่อได้เห็นฉีเชียน นางก็เดินเข้ามาทันที
ตอนที่ 72 คุณหนูใหญ่ไม่มีค่าให้ผูกมิตรหรือ
ฉินหลิวซีมองสองย่าหลานเดินข้ามาด้วยความสนใจ แล้วก็เหลือบไปมองฉีเชียน อีกฝ่ายเข้ามาหาเขาด้วยสายตาราวหมาป่าเห็นเนื้อหวานอร่อย
ฉีเชียนรู้สึกได้ถึงสายตาของฉินหลิวซีที่กำลังรอชมเรื่องสนุกๆ คิ้วหนาขมวดมุ่น พยายามกดข่มความรู้สึกแปลกๆ นั้นลงไป
“อ๋องน้อย…” จู่ๆ หญิงชราถูกหั่วหลางขวางไว้ขณะที่อยู่ห่างจากฉีเชียนออกไปไม่กี่ก้าว
หั่วหลางถาม “ท่านเป็นใคร”
หญิงชราท่าทางลำบากใจ แต่กลับยอบกายลงคารวะฉีเชียนทันที นางเปิดเผยตัวตนด้วยรอยยิ้ม “เป็นข้าเองที่บุ่มบ่ามไม่ได้แจ้งชื่อแซ่เสียก่อน ข้าเป็นมารดาของเจ้าเมืองหนิงโจวติงโส่วซิ่น ตอนที่ฮูหยินผู้เฒ่าของท่านฉลองวันเกิดปีที่แล้ว ข้าได้ไปร่วมแสดงความยินดีด้วย จึงมีโชคดีได้พบคุณชายครั้งหนึ่ง”
มารดาของเจ้าเมืองหนิงโจวหรือ
“ที่แท้ก็เป็นฮูหยินติงผู้เฒ่า ขออภัยที่ผู้น้อยจำไม่ได้แต่ทีแรก ท่านกำลังจะไปไหนหรือ” ฉีเชียนไม่ได้ลุกขึ้นยืน เพียงแต่ทักทายง่ายๆ
ฮูหยินติงผู้เฒ่ากลับไม่ได้รู้สึกว่าเขาเสียมารยาท และตอบคำเขาทันที “ใกล้จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว บุตรชายของข้าก็เลยตั้งใจรับข้าไปพักที่จวนหนิงโจวเป็นพิเศษ คุณชายเองก็กลับหนิงโจวหรือ ท่านนี้คือ…”
นางหันไปมองฉินหลิวซี คุณชายน้อยท่านนี้มีใบหน้าค่อนข้างเป็นมิตร
ฉินหลิวซีเลิกคิ้วเล็กน้อย มองไปยังฮูหยินติงผู้เฒ่าผู้นี้
แต่นางจำหญิงชราผู้นี้ไม่ได้หรอกนะ อ้อ ก็ไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว คนเขาได้เลื่อนตำแหน่ง บุคลิกท่าทางก็พัฒนาขึ้นให้สูงส่งสง่างามตามไปด้วย ไม่ใช่มารดาของขุนนางต่ำต้อยอีกต่อไปแล้ว
ตอนที่ตระกูลฉินยังไม่ล้มลง ตระกูลติงก็รู้ธรรมเนียมยิ่ง ในเทศกาลแต่ละปีก็จะให้คนส่งของขวัญมาให้หรือมาทักทาย ตอนที่ฉินหลิวซีอายุสิบขวบ ฮูหยินติงผู้เฒ่าคนนี้ก็ยังเคยมาหาถึงบ้านด้วยตัวเอง เพราะเหตุใดน่ะหรือ
ใช่แล้ว ปีนั้นดูเหมือนจะเป็นตอนที่ท่านปู่ของฉินหลิวซีได้เลื่อนตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นสาม ฮูหยินติงผู้เฒ่าจึงมาแสดงความยินดีเป็นการเฉพาะ
แต่ฉินหลิวซีไม่ชอบเข้าสังคม นางไม่ต้องการทำตัวเหมือนกุลสตรีในห้องหอพวกนั้นที่รวมตัวกันเป็นกลุ่ม พูดคุยกันเรื่องดนตรีศิลปะ เย็บปักถักร้อย พูดคุยกันเรื่องเสื้อผ้าและเครื่องประดับสวยงามเหล่านั้น นางใช้เวลาไปกับการบำเพ็ญตนหรือปรุงยามากกว่า ไม่ก็ไปอารามเต๋าหรือใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือคนมากกว่า
เมื่อเป็นเช่นนั้น ฉินหลิวซีซึ่งเป็นเด็กสาวคนหนึ่งที่อยู่แต่ในบ้านเก่า นางไม่เคยปรากฏตัวโผล่หน้าไปที่ไหน ตัวตนของนางจึงไม่เป็นที่รู้จัก ยิ่งไม่ค่อยมีคนพูดถึงด้วย ถ้าไม่ใช่ว่าฮูหยินติงผู้เฒ่ามาเยี่ยมถึงบ้านก็คงจะไม่เห็นนาง แต่มันก็แค่ครั้งนั้นครั้งเดียวเท่านั้น
ส่วนเรื่องที่เมื่อก่อนไม่มีใครส่งเทียบมาเชิญนางเลยน่ะหรือ
มีสิ
แต่คำตอบของฉินหลิวซี ถ้าไม่ใช่ตอบไปว่าสุขภาพไม่ดีกำลังพักฟื้นอยู่ ก็เป็นผู้ใหญ่ไม่อยู่ไม่ควรออกนอกบ้าน นานเข้าก็พากันลืมเลือนนางไป สิ่งสำคัญก็คือ ในแวดวงคนมีชื่อเสียงคนที่ถูก ‘เนรเทศ’ ออกไปอยู่ตามลำพังนอกบ้านอย่างฉินหลิวซีก็ต้องเป็นคนที่ตระกูลไม่ต้องการหรือไม่ก็ไม่สำคัญอยู่แล้ว
เด็กผู้หญิงที่ครอบครัวไม่เห็นค่าก็ไม่มีอนาคต คู่ครองของนางในอนาคตก็จะไม่ได้มาจากครอบครัวที่ดี ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงกำลังในการช่วยเหลือสนับสนุนเลย
สรุปได้เป็นประโยคเดียวคือฉินหลิวซีเป็นคนที่มีคุณค่าน้อย คนที่จะมีหรือไม่ก็ได้เช่นนี้ คนอื่นย่อมไม่สนใจที่จะคบหาผูกมิตรโดยธรรมชาติ
เช่นนั้นแล้ว แม้ว่าฮูหยินติงผู้เฒ่าจะเห็นฉินหลิวซีที่กำลังอยู่ดัวยกันฉีเชียนแล้วแต่ก็ยังจำนางไม่ได้ ประการแรกฉินหลิวซีแต่งตัวเป็นบุรุษ ประการที่สองใบหน้าของฉินหลิวซีก็แตกต่างจากตอนเด็กมาก
ฮูหยินติงผู้เฒ่าแค่คิดว่านางดูเหมือนจะใจดีเท่านั้น
ฉินหลิวซีจำได้ว่าก่อนที่นางจะออกเดินทาง หลี่ต้ากุ้ยเคยเอ่ยว่า ฮูหยินผู้เฒ่าดูเหมือนจะต้องการส่งเทียบเชิญเพื่อขอเยี่ยมฮูหยินติงผู้เฒ่า
ตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่ากลับบอกว่ากำลังเดินทางไปหาครอบครัวที่หนิงโจว นั่นคือการหลบเลี่ยงหรือ ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจเล่า
ฉินหลิวซีโน้มเอียงไปทางข้อแรกมากกว่า
นางลดสายตาลง ยกถ้วยชาขึ้นมาปิดบังรอยยิ้มที่มุมปาก น่าสนใจจริงๆ