ตอนที่ 79 เกิดเป็นผีนี่มันลำบากจริงๆ / ตอนที่ 80 ท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน
ตอนที่ 79 เกิดเป็นผีนี่มันลำบากจริงๆ
หลิงหรงไม่ได้รู้สึกไม่เชื่อคำพูดของฉินหลิวซี เพียงแค่กลิ่นอายที่กระจายออกมาจากตัวฉินหลิวซี นางก็รู้แล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ธรรมดา นางบอกว่าเซี่ยฉี่คังจะอยู่ได้ไม่นานแล้ว คงไม่ได้พูดจาไร้สาระอย่างแน่นอน
แม้ว่าหลิงหรงอยากจะฆ่าศัตรูคู่แค้นเพื่อบรรเทาความแค้นในใจด้วยตนเอง แต่บุตรชายของนางก็ควรจะได้ไปเกิดใหม่ในที่ดีๆ
หลิงหรงหันไปมองฉินหลิวซีและโค้งคำนับ “ปรมาจารย์ ข้าจะไม่ฆ่าเขา แต่ข้าจะต้องได้เห็นเขาตายด้วยตาของข้าเองจึงจะวางใจ หลังจากที่เขาตายไปแล้ว ท่านปรมาจารย์ได้โปรดส่งข้าและบุตรชายไปปรโลกได้หรือไม่”
“ได้สิ” ฉินหลิวซีเอ่ย “เช่นนั้นท่านก็อย่าได้เข้าใกล้เขามากเกินไป สะใภ้โจวผู้นั้นได้รับผลกระทบจากไอแค้นของท่าน โชคไม่ดีไปด้วย นางโง่เขลาก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่นางก็แค่คนตาบอดที่ถูกปิดหูปิดตาถูกหลอกลวงคนหนึ่งเท่านั้น ท่านก็สงสารนางหน่อยเถิด”
หลิงหรงพึมพำ “ปรมาจารย์สงสารนาง ไยไม่บอกนางให้รู้ธาตุแท้ของเซี่ยฉี่คัง”
“เมื่อครู่ข้าก็พูดไปแล้วมิใช่หรือ นางจะเชื่อหรือไม่ก็เป็นเรื่องของนาง” ฉินหลิวซีเอ่ย “ไม่ต้องไปสนใจสะใภ้โจว เซี่ยฉี่คังตายไปแล้ว ภรรยานอกบ้านผู้นั้นย่อมพาบุตรชายมานับญาติทวงทรัพย์สินมรดก พอถึงตอนนั้นนางก็คงไม่เสียใจที่สามีตายไปหรอก ต้องคอยรักษาสมบัติของตนไว้มากว่า”
โหงวเฮ้งของสะใภ้โจวผู้นั้นก็นับว่าเป็นคนเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งคนหนึ่ง เสียใจแค่ไม่นาน คนก็ตายไปแล้ว ตนเองก็ยังอายุไม่มาก ไม่นานก็จะลืมเลือนไปได้เอง
มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะมอบความรักให้กับคนตายที่หลอกลวงตนเองได้
หลิงหรงได้ยินเช่นนั้นก็ไม่เอ่ยอะไรอีกต่อไป เพียงโค้งคำนับให้ฉินหลิวซีแล้วเตรียมจากไป
“อย่ามาป้วนเปี้ยนอยู่ในโรงพักม้านี้เลย อย่างไรสถานที่นี้ก็มีพลังของทางการคอยปกปักษ์รักษาอยู่ พวกท่านอยู่นานไปย่อมไม่ดีต่อตนเอง อีกอย่างไอแค้นของพวกท่านก็จะส่งผลต่อร่างกายของทุกคน ทำให้โชคร้ายด้วย” ฉินหลิวซีโบกมือ “ไปๆ ห้องของข้าทั้งหนาวและเหม็นคาว ข้ายังต้องไล่กลิ่นก่อนจะเข้านอนอีก”
หลิงหรงที่ถูกรังเกียจอย่างแรง “!”
นางดมกลิ่นบนร่างกายของตนอย่างเขินอาย “จมอยู่ใต้ทะเลสาบมาเป็นสิบปี ท่านจะหวังให้ข้ามีกลิ่นหอมไม่ได้หรอก” เมื่อเห็นฉินหลิวซีเหลือบมองมา นางก็รีบเอ่ยทันที “ข้าไปเดี๋ยวนี้!”
กระซิกๆ เกิดเป็นผีนี่มันลำบากจริงๆ!
หลิงหรงหายวับไป
ฉินหลิวซีเรียกเฉินผีที่อยู่ข้างนอกเข้ามา
“คุณชาย นางไปแล้วหรือ” เฉินผีไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรไม่เหมาะสม
ร่างกายเขามีพลังหยางบริสุทธิ์และมีภูมิคุ้มกันต่อความชั่วร้ายทั้งหมด พวกผีต่างหากที่ต้องกลัวเขา เพราะเหตุนั้นฉินหลิวซีจึงไม่ยอมให้เขาติดตามเข้ามาด้วย
“ไปแล้ว จุดธูป ไล่กลิ่น” ฉินหลิวซีเอ่ย
“ขอรับ” เฉินผีหยิบกล่องยาวใบหนึ่งออกมาจากห่อสัมภาระ หยิบธูปออกมาจุดก้านหนึ่งพร้อมกับถามนางถึงความแค้นระหว่างผีสาวกับชายใกล้ตายผู้นั้น
ฉินหลิวซีหาว “จะมีอะไรได้ ก็แค่บทละครล้าสมัย ไม่มีอะไรใหม่”
นางเอ่ยสั้นๆ เช่นนั้น เฉินผีก็หมดความสนใจแล้ว “ดูไม่ออกว่าเซี่ยซิ่วไฉผู้นั้นจะหน้าเนื้อใจเสือเช่นนี้”
“ดูคนจะดูกันแต่ภายนอกไม่ได้ การมองเรื่องราวต่างๆ ก็เหมือนกัน บางคนหน้าตาดีแต่อาจไม่ใช่คนดี คนที่หน้าตาดูเผด็จการร้ายกาจก็อาจไม่ได้เลวร้ายเสมอไป” ฉินหลิวซีเอ่ย “ยกน้ำมาล้างหน้าล้างตาแล้วพักผ่อนกันเถอะ”
“อืม”
อีกด้านหนึ่ง อิงหนานและคนอื่นๆ ก็กำลังรับใช้เจ้านายของพวกเขาเช่นกัน “ถึงจะเป็นเดือนแปดแล้ว แต่ปีก่อนๆ ก็ไม่ได้หนาวขนาดนี้ หนาวยะเยือกเสียด้วย หั่วหลาง ท่านว่าใช่หรือไม่”
หั่วหลางส่ายศีรษะ “หนาวหรือ ข้าไม่รู้สึกนะ!”
“เจ้าไม่รู้สึกหรือ” ฉีเชียนหันไปมองเขาอย่างครุ่นคิด
“ใช่สิขอรับ หนาวตรงไหน ก็อุ่นดีอยู่นะ!”
ฉีเชียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถาม “เจ้าเอายันต์คุ้มครองที่ท่านหมอฉินให้ไว้ตรงไหน”
หั่วหลางยิ้มพลางตบตรงหัวใจ “ของดีย่อมต้องเก็บไว้ใกล้ตัว ข้าเก็บไว้ในถุงเงินใบเล็กแล้วสวมไว้ ค่อยมอบให้ภรรยาข้าตอนที่กลับไปแล้ว เช่นนี้จะได้ไม่หาย”
ฉีเชียนอิจฉาตาร้อนอยู่บ้าง ยันต์คุ้มครองกายของหั่วหลางนี้น่าจะช่วยป้องกันขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้เขาแล้ว!
ตอนที่ 80 ท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน
เช้าวันถัดมา
ฉินหลิวซีหลับสบายตลอดทั้งคืน เมื่อนางปรากฏตัวอย่างสดชื่นแจ่มใสต่อหน้าพวกฉีเชียนจึงทำให้พวกเขานึกขุ่นเคืองขึ้นมา
“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”
ฉีเชียนเอ่ย “ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”
เมื่อคืนเขาฝันเห็นสตรีนางหนึ่งกำลังจูงเด็กคนหนึ่งล่องลอยไปมาในโรงพักม้า ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดที่ฉินหลิวซีพูดกับสะใภ้โจวก่อนหน้านี้หรือไม่ที่กระตุ้นจินตนาการของเขา
ขงจื้อไม่เชื่อเรื่องลี้ลับแปลกประหลาด ฉีเชียนเคยเห็นด้วยกับคำพูดนี้อย่างยิ่ง แต่นับตั้งแต่เขาตามหาฉินหลิวซีผู้นี้ เขาก็รู้สึกว่าความรู้ความเข้าใจของเขาถูกล้มล้างไปหมด
ตั้งแต่ป่าวั่นไหวไปจนถึงฉินหลิวซีเก็บศพและสวดส่งวิญญาณเมื่อวานนี้ กระทั่งคำยืนยันอย่างเด็ดขาดเมื่อวาน
เมื่อพิจารณาทุกอย่างแล้ว ฉีเชียนไม่กล้าปลอบใจตัวเองด้วยคำว่าขงจื้อไม่เชื่อเรื่องลี้ลับแปลกประหลาดอีกต่อไป
ฉินหลิวซียิ้ม “ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”
“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย
ฉินหลิวซีส่ายนิ้ว “ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”
ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ
ฉินหลิวซีกลอกตาทันที มือข้างหนึ่งยื่นไปรับตั๋วเงินนั้น ในขณะที่มืออีกข้างหยิบยันต์คุ้มครองที่พับเป็นรูปสามเหลี่ยมออกมาจากแขนเสื้อส่งให้เขาก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”
เหอะๆ
ฉีเชียนเก็บยันต์นั้นลงในถุงเงินที่แขวนอยู่ที่เอวตนเอง
“คุณชายฉี”
ฮูหยินติงผู้เฒ่าเดินเข้ามาโดยมีหลานสาวคอยประคอง ฉินหลิวซีเหลือบมองพวกนางทั้งสองและเห็นว่าสีหน้าพวกนางดูไม่สดชื่นราวกับหลับไม่สบายทั้งคืน ก็เข้าใจได้
ฮูหยินติงผู้เฒ่าเข้ามาบอกลา
ฉีเชียนท่าทางนิ่งๆ “ฮูหยินติงผู้เฒ่าเดินทางปลอดภัย”
ฮูหยินติงผู้เฒ่ารู้สึกอักอ่วนเล็กน้อย นางคารวะแล้วพาหลานสาวของตนออกไปโดยหันกลับมามองเป็นระยะๆ
“คุณชายฉีเย็นชานัก สาวงามถึงกับแสดงออกว่าเศร้าอย่างเห็นได้ชัด” ฉินหลิวซียิ้มแย้ม
“เกี่ยวอะไรกับเชียนด้วย ว่าแต่ท่านหมอฉินเถิด…” ฉีเชียนเพิ่งจะเอ่ยออกมาประโยคหนึ่งก็เห็นว่ารอยยิ้มของฉินหลิวซีหายไป เขาจึงมองตามสายตานาง
เป็นสะใภ้โจวคนเมื่อคืนที่กำลังพยุงเซี่ยฉี่คังที่ฟื้นแล้วขึ้นรถม้า หากแต่ผ่านไปแค่คืนเดียว เซี่ยฉี่คังนั่นก็ยิ่งดูอ่อนแอลงไปอีก เขากุมหน้าอกท่าทางเหมือนจะหายใจไม่ออกและกำลังจะตายเมื่อใดก็ได้
ส่วนสะใภ้โจวนั้นมีสีหน้าไม่สงบนัก ราวกับสังเกตเห็นสายตาที่จ้องมองไป นางจึงหันมา เมื่อเห็นฉินหลิวซี นางก็ตัวแข็งทื่อไปทันที ริมฝีปากนางขยับน้อยๆ แต่สุดท้ายแล้วนางก็ไม่ได้เดินเข้ามา และขึ้นรถม้าจากไป
ฉีเชียนหันกลับมาเห็นสีหน้าเย็นชาของฉินหลิวซี จึงเอ่ย “ท่านบอกว่าบัณฑิตซิ่วไฉแซ่เซี่ยนั่นจะอยู่ได้ไม่พ้นสามวันจริงหรือ”
“ข้าน่ะ ไม่ใช่คนชอบเอ่ยไร้สาระ” ฉินหลิวซียกถ้วยชาขึ้นจิบเล็กน้อย “เขาเป็นหนี้ชีวิตคนสามคน สมควรตายแล้ว”
นัยน์ตาของฉีเชียนหดเล็กลงทันที เขานั่งแทบไม่ติด “หนี้ชีวิตคนหรือ”
“ใช่สิ ฆ่าพ่อตา ฆ่าภรรยา ฆ่าลูก โหดเหี้ยมหรือไม่เล่า”
ฉีเชียนรีบเรียกหั่วหลางเข้ามาสั่งทันที “ไปเรียกอี้เฉิง[1]มา”
ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว “คุณชายฉีคิดจะจัดการหรือ”
“ในเมื่อเขาคร่าชีวิตคนอื่น ก็ควรให้ทางการเป็นผู้ตัดสินคดี” ฉีเชียนเอ่ย “แม้ว่าเขาจะต้องตายอยู่แล้ว แต่คนที่ถูกเขาฆ่าต้องตายไปอย่างไม่เป็นธรรม พวกเขาสมควรได้รับความยุติธรรม”
ฉินหลิวซีเงียบไปครู่หนึ่ง “ถ้าเช่นนั้นท่านก็เคลื่อนไหวให้เร็วหน่อย เดิมทีเขาเหลือเวลาอีกสามวัน แต่ตอนนี้เกรงว่าเขาอาจอยู่ไม่พ้นวันนี้”
เซี่ยฉี่คังมีไอแค้นรุนแรงกว่าเดิม บางทีเขาอาจจะไปไม่ถึงหนิงโจว ตายระหว่างทางเสียก่อน
ฉีเชียนตกใจทันที เขาหันไปมองหั่วหลางซึ่งพยักหน้าและจากไปอย่างรวดเร็ว
[1]อี้เฉิง เจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลโรงพักม้าและการส่งข่าวต่างๆ