ตอนที่ 83 ดีชั่วล้วนมีสิ่งตอบแทน / ตอนที่ 84 รอให้อาจารย์ของข้าตายก่อน
ตอนที่ 83 ดีชั่วล้วนมีสิ่งตอบแทน
ฉินหลิวซีมองไปยังเจ้าหน้าที่จากศาลาว่าการพวกนั้นที่ยืนอยู่หน้ารถม้าของเซี่ยฉี่คัง นางหันหน้ากลับมาน้อยๆ “ข้ามีคำถาม “ท่านกับบิดาของท่านหายสาบสูญไปเป็นสิบปีแล้ว ไม่มีใครตามหาพวกท่านเลยหรือ ไม่เคยมีใครสงสัยเลยหรือว่าพวกท่านจะเกิดเรื่อง แม้แต่เพื่อนบ้าน?”
หลิงหรงเอ่ย “เดิมทีเราก็เป็นพวกที่ลี้ภัยออกจากบ้านเกิดเพราะภัยพิบัติ เราเพิ่งมาอยู่ที่อำเภอฮุยได้ไม่ถึงสองปีเท่านั้น เราอาศัยอยู่แถบชานเมือง แถวนั้นไม่ค่อยมีคน ประกอบกับพ่อของข้าก็นิสัยไม่ค่อยดีด้วย เข้ากับเพื่อนบ้านไม่ค่อยได้ เราตั้งแผงน้ำชาหน้าบ้าน ขายน้ำชาและขนม”
คนต่างถิ่นคบหากันยาก ย่อมถูกกีดกันและละเลยเสมอ
“แล้วที่ท่านบอกว่าเซี่ยฉี่คังมาพึ่งพาอาศัยพวกท่านเล่า หรือว่าเขาไม่ได้อาศัยอยู่ที่เดียวกัน”
หลิงหรงเอ่ย “เพื่อที่จะเรียนหนังสือได้อย่างสงบและปรึกษาพูดคุยเรื่องวิชาการกับเพื่อนร่วมชั้นได้สะดวก เขาจึงอาศัยอยู่ในสำนักศึกษา ไม่ค่อยมาบ้านเราหรอก”
“เช่นนั้นตอนที่พวกเจ้าแต่งงานก็ไม่ได้มีการจัดงานเลี้ยงหรือ”
หลิงหรงหน้าแดง “เราไม่ได้แต่งงานอย่างเป็นทางการ แค่ไหว้ฟ้าดินกันเป็นการส่วนตัว แต่ท่านพ่อของข้ารับรู้ เป็นพยานให้”
เมื่อเห็นฉินหลิวซีมองนางราวกับเห็นคนโง่ นางก็ก้มหน้าลงด้วยความอาย “ข้ารู้ว่าข้าโง่ไปหน่อย”
ฉินหลิวซีเอ่ย “บัดนี้เซี่ยฉี่คังก็ตายแล้ว ต่อให้ในที่สุดร่างของพวกท่านสองพ่อลูกได้เห็นเดือนเห็นตะวัน คดีก็คงจะปิดไปอย่างเร่งรีบ ถึงอย่างไรเรื่องมันก็ผ่านไปเป็นสิบปีแล้ว ไม่มีหลักฐานใดมาพิสูจน์ ที่สำคัญที่สุดคือพวกท่านไม่มีคนอื่นที่จะล้างแค้นแทนให้ได้”
นางเอ่ยอย่างเย็นชาและไร้น้ำใจ แต่หลิงหรงเองก็เข้าใจดีว่าผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคนไร้ญาติขาดมิตรอย่างพวกนางก็คือการที่ร่างของพวกนางได้เห็นแสงตะวันอีกครั้ง ยังมีคนอีกมากที่ตายไปอย่างเงียบๆ ตรงมุมไหนก็ไม่มีใครรู้
แล้งน้ำใจหรือ น่าเศร้าหรือ
มันเป็นเรื่องธรรมดาของชนชั้น พวกนางคือชนชั้นที่ต่ำต้อยที่สุด
ที่มีเจ้าหน้าที่จากศาลาว่าการมาสอบถามตอนนี้ก็เป็นเพราะฉีเชียนแจ้งไปเท่านั้น และคดีก็ถูกส่งต่อไปยังอำเภอฮุย นายอำเภออาจสนใจที่จะปิดคดีเพราะฉีเชียน แต่ก็เพียงเท่านั้น อย่างไรเสียผู้ต้องสงสัยก็ตายไปแล้ว
หลิงหรงเงียบไปสักพัก “ข้าเข้าใจ นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว เป็นเพราะพวกเราได้พบกับคนดีๆ”
นางคารวะฉินหลิวซีด้วยท่าทางจริงจัง
ฉินหลิวซีเห็นว่าฉีเชียนสังเกตเห็นนางและกำลังเดินเข้ามา จึงหยิบน้ำเต้าหยกที่ห้อยอยู่ที่เอวขึ้นมาเปิดจุกขวด “พวกท่านเข้ามาก่อน คืนนี้ข้าจะเปิดทางส่งพวกท่านไป”
“ขอบคุณท่านปรมาจารย์” หลิงหรงอุ้มลูกชายของนางเข้าไปในน้ำเต้าหยก
ฉีเชียนก้าวเข้ามา “ท่านหมอฉินพูดกับใครอยู่หรือ”
“คุณชายฉีมองผิดแล้วล่ะ มีใครอยู่กับข้าหรือ”
ฉีเชียนคิดว่าไม่มีใคร แต่อะไรบางอย่างนั้นสามารถพบกับแสงแดดในยามกลางวันแสกๆ เช่นนี้ได้ด้วยหรือ
แม้ว่าเขาจะอยากรู้มาก แต่เมื่อเห็นว่าฉินหลิวซีไม่ต้องการเอ่ยอีก จึงเอ่ยต่อไป “เซี่ยฉี่คังก็ตายไปแล้ว เป็นความจริงอย่างที่ท่านหมอฉินว่า คนตายไปแล้วไม่มีทางพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้อีก หากเขาฆ่าคนตายจริงๆ การค้นหาศพคงเป็นเรื่องยาก ท่านหมอฉินพอชี้แนะได้บ้างหรือไม่ ถือว่าเป็นการคืนความยุติธรรมให้กับผู้ทุกข์ยาก!”
ฉินหลิวซีมองเขาอย่างลึกซึ้ง เขาลองเชิงนางอย่างไม่ปิดบัง เก่งกล้าสามารถจริงๆ
ฉีเชียนไม่ยอมถอย คนที่บอกว่าเขาคร่าชีวิตผู้อื่นก็คือท่าน ตอนนี้ก็ควรต้องทำตัวเป็นคนดีให้ถึงที่สุดสิ
“ดีชั่วล้วนมีสิ่งตอบแทน ไม่แน่พวกเขาอาจจะปรากฏออกมาเองก็ได้” ฉินหลิวซีเอ่ยเรียบๆ
ณ ทะเลสาบเถิงชานเมืองอำเภอฮุย ชาวบ้านคนหนึ่งที่เพิ่งลงมาจากภูเขากำลังนั่งยองๆ ริมทะเลสาบเพื่อล้างเท้าที่เปื้อนไปด้วยโคลน ทันใดนั้นเขาก็เห็นหีบใบหนึ่งลอยขึ้นมา จึงหยิบท่อนไม้เกี่ยวเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น พอเปิดออกมากดูก็ล้มลุกคลุกคลานหนีร้องตะโกนว่ามีคนตาย
ขณะเดียวกัน ในบ้านทรุดโทรมหลังหนึ่งตรงเชิงเขาซึ่งถูกขอทานยึดไว้อาศัย เนื่องจากขอทานทั้งสองทะเลาะเบาะแว้งลงไม้ลงมือกัน ขอทานคนหนึ่งจึงล้มลงข้างต้นกล้วยในลานบ้าน มือไปแตะโดนอะไรบางอย่าง เขาจึงเกี่ยวมันขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ขณะที่กำลังจะทุบลงไป เขาก็ก้มลงไปมอง แล้วก็ต้องขว้างออกไปด้วยความตกใจ
หัวกระโหลกสีขาวกลิ้งอยู่ข้างๆ พวกเขาทั้งสอง ดวงตาที่ว่างเปล่ามองขึ้นไปยังท้องฟ้า
ในที่สุดก็ได้พบแสงตะวัน
ตอนที่ 84 รอให้อาจารย์ของข้าตายก่อน
หลังจากผ่านเรื่องของเซี่ยฉี่คังมาได้แล้ว เฉินผีรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าองครักษ์ในขบวนของฉีเชียนนั้นมีความเคารพยำเกรงและศรัทธาต่อฉินหลิวซีขึ้นมาก กระทั่งอาจเหนือไปกว่าเจ้านายของพวกเขาแล้วด้วยซ้ำ อย่างเช่นในตอนนี้
“ท่านหมอฉิน นี่เป็นสาลี่ฤดูสารทที่ข้าน้อยเก็บมาจากต้นสาลี่ในป่าทางด้านโน้น ข้าลองชิมดูแล้วหวานมาก ล้างมาให้แล้วด้วย” องครักษ์ที่ชื่ออิงเป่ยผลักน้องชายของตนออกไป แล้วยื่นสาลี่ลูกหนึ่งให้ฉินหลินซีด้วยรอยยิ้มประจบประแจง
อิงหนานโกรธจนควันออกหู พี่ใหญ่รู้หรือไม่ว่าใครเป็นนาย ไม่เห็นหรือว่านายท่านไม่พอใจสีหน้างอง้ำอยู่นั่น
แต่ตอนที่เขามองไปที่ฉินหลิวซี เขาก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาสักคำ คนผู้นี้ไม่ว่าจะเป็นเทพพยากรณ์หรือไม่ ปากของอีกฝ่ายก็ราวกับผ่านการปลุกเสกมาแล้ว เอ่ยอะไรออกมาก็กลายเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น
ดูอย่างเซี่ยฉี่คังนั่นสิ เฮ้อ บอกว่าเขาอยู่ได้ไม่พ้นสามวันก็ยังมากไป วันเดียวก็ตายเสียแล้ว
ปากศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ ใครจะไปกล้าทำให้ไม่พอใจ กลัวจะ ‘ทำนาย’ แม่นขึ้นมาน่ะสิ
ฉินหลิวซีรับสาลี่ลูกนั้นมาตอบรับไมตรีที่เขาหยิบยื่นให้ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่อิงเป็นคนดีจริงๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ช่วงนี้จะมีโชคลาภ”
อิงเป่ยตาเป็นประกายทันที เขารู้สึกตื่นเต้นมากจนพูดไม่เป็นคำแล้ว เอ่ยตะกุกตะกัก “จริง จริงหรือ”
“จงทำความดีโดยไม่หวังผล จำไว้ให้ขึ้นใจก็พอ”
“ขอรับ ข้าจำได้” อิงเป่ยคารวะอย่างตื่นเต้นแล้วจากไป พอเขากลับไปอยู่ท่ามกลางเหล่าองครักษ์ก็ถูกรายล้อมและถามไถ่ทันที แต่ละคนแสดงความอิจฉาออกมา พวกเขาก็ต้องการให้ท่านหมอฉินทำนายให้บ้างเหมือนกัน
ฉีเชียนกวาดตามองพวกไม่ได้เรื่องในขบวนแล้วก็ต้องแค่นเสียงหยันออกมา
เกรงว่าถ้าเขาสั่งให้พวกเขาติดตามฉินหลิวซีในตอนนี้ ก็คงจะพากันเก็บของไปทันทีโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ
ฉินหลิวซีเห็นสายตาไม่เป็นมิตรของฉีเชียนแล้วจึงเลิกคิ้วถาม “คุณชายฉีมองอะไร อยากได้สาลี่ของข้าหรือ คุณชายฉีอบรมฝึกฝนลูกน้องได้ดีมาก ใช้ได้ดีทีเดียว”
ฉีเชียนเอ่ยลองเชิงอย่างไม่จริงจัง “ข้าก็แค่สงสัยว่าครอบครัวของท่านหมอฉินแต่เดิมเป็นอย่างไร ถึงได้สามารถเลี้ยงดูคนที่หล่อเหลาและสง่างามอย่างท่านหมอฉินออกมาได้”
ฉินหลิวซีเป็นคนชอบช่วยเหลือผู้อื่นและทำตัวสบายๆ มาก ดูจากพฤติกรรมของเขาแล้ว ดูเป็นคนรักอิสระ เรียบง่าย และใจกว้าง แต่บางครั้งก็เป็นคนคิดเล็กคิดน้อย จึงอยากรู้จริงๆ ว่าเขามาจากไหน
ในต้าเฟิงมีคนแซ่ฉินไม่น้อย ท่าทางของนางไม่เหมือนคนในตระกูลเล็กๆ แต่ก็ดูเหมือนไม่ได้เรียนรู้กฎเกณฑ์มารยาทใดๆ เป็นทางการ ช่างขัดแย้งจริงๆ
“คุณชายฉีสายตาไม่ดี ความจำก็ไม่ดีด้วยหรือ ข้าเติบโตมาลำพังในอารามเต๋าตั้งแต่ยังเด็ก ย่อมได้รับการศึกษาจากอาจารย์” ฉินหลิวซียิ้มเยาะ อยากจะสอดแนมนางอย่างนั้นหรือ
หลายปีที่ผ่านมาตระกูลฉินยังส่งเงินเลี้ยงดูมาให้นาง แต่ถ้าจะให้พูดถึงเรื่องการอบรมสั่งสอนแล้ว มีเพียงนักพรตเฒ่าชื่อหยวนเท่านั้นที่สั่งสอนนาง
ฉีเชียนเอ่ย “แต่ท่านไม่ได้อาศัยอยู่ในอารามเต๋า”
“มันจะมีอะไร รอให้อาจารย์ของข้าตายไปเสียก่อน อารามก็จะเป็นของข้าไม่ช้าก็เร็ว ข้าอยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน!”
พรืด!
ฉีเชียนพ่นน้ำออกมาทันที เขามองอีกฝ่ายปากอ้าตาค้าง ริมฝีปากสั่น “ท่าน ท่านเนรคุณไร้คุณธรรมเช่นนี้ อาจารย์ของท่านรู้หรือไม่”
ศิษย์เนรคุณไร้คุณธรรมเช่นนี้ เจ้าอาวาสอารามชิงผิงปล่อยเขาไว้นานเพียงนี้ได้อย่างไร
ขณะที่ฉินหลิวซีคนไร้ยางอายกำลังกัดสาลี่และเคี้ยวหมับๆ อยู่นั้น “เขาอยากให้ข้าสืบทอดอารามเต๋าเร็วๆ จะแย่อยู่แล้ว!”
นักพรตเฒ่าอยากเดินทางพเนจร ถุย อายุปูนนี้แล้วก็ควรอยู่ในอารามอย่างสงบไปสิ เรื่องออกเดินทางต้องให้คนวัยหนุ่มสาวอย่างนางทำ!
ในเวลานั้นนักพรตเฒ่าชื่อหยวนที่กำลังจุดธูปบูชาอาจารย์ปู่ก็เห็นว่าอาจารย์ปู่ดูท่าทางโกรธเกรี้ยวเล็กน้อย “เกรงว่าศิษย์ชั่วนั่นจะทรยศอีกแล้วหรือ เราทนหน่อยเถิด นางอยากจะทรยศอาจารย์ออกจากสำนักตั้งนานแล้ว!”
ทรยศสำนักแล้วจะหาผู้สืบทอดมาจากไหน
อาจารย์ปู่ : ทำตัวให้ชิน ไม่ช้าก็เร็วบรรพชนตัวน้อยก็จะขึ้นมาขี่หัวข่มเหงข้าแล้ว!