คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 95 ใจร้าย ตอนที่ 96 ตรวจสอบตระกูลฉินเมืองหลี

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 95 ใจร้าย / ตอนที่ 96 ตรวจสอบตระกูลฉินเมืองหลี

ตอนที่ 95 ใจร้าย

พระชายาผู้เฒ่าออกมาจากห้องน้ำ สีหน้าของนางดูย่ำแย่ ในสมองอดนึกไปถึงที่ฉินหลิวซีพูดถึงเหลนที่เสียชีวิตตั้งแต่ยังเยาว์วัยไม่ได้

นางรู้ดีแก่ใจว่าฉีเชียนเป็นคนแบบไหน บ่าวรับใช้ที่อยู่ข้างกายเด็กคนนี้มีแต่บุรุษทั้งสิ้น แม้แต่สาวใช้ทำความสะอาดสักคนก็ยังไม่มี ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าเขาไม่ใกล้ชิดสตรี ต่อให้มารดาของเขาส่งคนมาก็ตาม ไม่มีใครที่ไม่ถูกเขาไล่ไปสักคน

ดังนั้นเหลนชายนี้ไม่ได้มาจากเขาแน่นอน เช่นนั้นแล้วจะเป็นใครเล่า

เด็กหนุ่มในจวนหนิงอ๋องไม่ได้มีแต่ฉีเชียนคนเดียว แต่ยังมีฉีอวี้ด้วย เขาเป็นนายน้อยที่เรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแท้จริง

“พระชายาผู้เฒ่า ท่านยังคิดถึงเรื่องที่ท่านหมอฉินเอ่ยอยู่หรือเพคะ” จ้าวหมัวหมัวถามอย่างระมัดระวังในขณะที่ช่วยนางเปลี่ยนเสื้อผ้า

“เจ้าคิดว่าเชื่อได้หรือไม่” พระชายาผู้เฒ่าถามกลับ

จ้าวหมัวหมัวเงียบไปสักพัก “บ่าวก็ไม่กล้าเอ่ย หากจะบอกว่าไม่เชื่อ วิชาแพทย์ของท่านหมอก็ดีมาก พอดูโหงวเฮ้งก็สามารถบอกดวงชะตาของท่านได้ทันที…”

ท่าทางนางลังเลไม่กล้าเอ่ย

พระชายาผู้เฒ่าจึงเอ่ยว่า “เอาล่ะ ดวงข้าเป็นกาลกิณี ทุกคนต่างรู้เรื่องนี้กันทั้งนั้น มิฉะนั้นไยถึงไม่มีใครในเมืองหลวงกล้าคบค้าสมาคมกับข้าเล่า รวมทั้งพระชายาที่ไม่เคยให้ข้าอยู่กับอวี้เอ๋อร์เกินหนึ่งเค่อเลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่เพราะว่ากลัวดวงของข้าผู้นี้หรือ”

น้ำเสียงของนางไม่ได้ราบเรียบ กลับเจือแววเยาะหยันเสียดสีเล็กน้อย

จ้าวหมัวหมัวได้ยินเช่นนั้นก็ปวดใจ “ท่านยังมีรุ่ยจวิ้นอ๋องคอยกตัญญูอยู่นี่เพคะ เพื่อที่จะรักษาโรคหนาวเย็นให้ท่าน เขาถึงกับหาหมอมาแล้วตั้งกี่คน”

พระชายาผู้เฒ่าถอนหายใจ “วาสนาของข้าก็มีเท่านี้” นางหยุดไปครูหนึ่งก่อนจะเอ่ย “หนิงอ๋องก็จากไปสิบกว่าปีแล้ว จวนหนิงอ๋องก็ควรจะมีซื่อจื่อได้แล้ว นางส่งจดหมายโยนหินถามทางบ่อยครั้งข้าเองก็เบื่อ”

จ้าวหมัวหมัวไม่กล้าแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้

“ถ้าโรคขี้หนาวนี้หายขาดจริงๆ ข้าจะกลับไปเมืองหลวง” พระชายาผู้เฒ่าตัดสินใจ แต่ไม่ได้เอ่ยอะไรเพิ่มเติมเรื่องเหลนชายอีก

นางรอคอยเหลน แต่ถ้ามีใครขัดขวางไม่ให้นางใกล้ชิด เช่นนั้นก็เป็นเพียงแต่ในนามเท่านั้น หากเด็กที่ฉินหลิวซีเอ่ยถึงนั่นจากไปก่อนวัยอันควร จะเป็นเพราะฝีมือของมนุษย์หรือลิขิตสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุใดก็แปลว่าเด็กคนนั้นบุญวาสนาไม่พอ

สตรีผู้นั้นใจร้ายนัก

เซิ่งจิง จวนหนิงอ๋อง

พระชายาหนิงอ๋องขว้างถ้วยชาลงกับพื้นอย่างเกรี้ยวกราด นางโกรธจนหน้าซีด กุมหน้าอกหอบหายใจ ขณะที่มืออีกข้างชี้ไปยังคุณชายที่สูงส่งสง่างาม

“เหตุ เหตุใดเจ้าถึงได้ทำตัวเลอะเลือนเลวทรามเช่นนี้”

ฉีอวี้คลานเข่าเข้าไปเกาะเข่าของนางพลางเอ่ย “เสด็จแม่ ข้าเองก็ไม่นึกว่านางจะใจกล้าถึงเพียงนั้น ถึงกับคลอดลูกออกมาโดยไม่บอกข้า แต่นั่นก็เป็นลูกของข้านะเสด็จแม่”

“หุบปาก!” นัยน์ตางดงามของพระชายาหนิงอ๋องจ้องหน้าเขาเขม็งก่อนจะเอ่ยดุดัน “ก็แค่หญิงเลี้ยงม้าต่ำต้อย นางจะคู่ควรให้กำเนิดลูกของเจ้าได้อย่างไร ถึงจะให้เป็นลูกอนุก็ไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่านางรอให้เด็กคลอดออกมาก่อนแล้วค่อยบอกเจ้า เห็นได้ชัดว่าพวกนั้นทั้งบ้านวางแผนไว้แล้ว แม่จะไม่ยอมปล่อยให้คนเช่นนี้ทำลายชื่อเสียงของเจ้าหรอก เจ้าไม่ต้องเอ่ย แม่จะจัดการเอง”

ฉีอวี้มองพระชายาหนิงอ๋องในวัยกลางคนที่ยังงดงามราวหญิงสาวในวัยยี่สิบต้นๆ ใบหน้านั้นขาวเนียนละเอียด เขาไม่กล้าขัดใจนาง ทำได้เพียงเอ่ยปลอบใจ “เสด็จแม่อย่าได้โมโหไปเลย ท่านไม่ชอบก็ไม่ต้องเก็บไว้ก็ได้ แต่อย่าได้โมโหจนทำลายสุขภาพตนเอง ไม่อย่างนั้นข้าจะมีบาปติดตัวนะพ่ะย่ะค่ะ”

พระชายาหนิงอ๋องเห็นว่าเขาพยายามเอาใจนางเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง ก็ยื่นนิ้วสีขาวเนียนของนางออกไปจิ้มหน้าผากเขาพลางเอ่ยอย่างรู้ทัน “อย่าได้โทษว่าแม่ใจร้าย เจ้ายังไม่ได้แต่งภรรยาเอกเลย หากตอนนี้เจ้ามีลูกอนุคนโตเสียแล้ว สตรีสูงศักดิ์ที่ไหนจะยินดีแต่งกับเจ้าอีก ไม่ต้องพูดถึงว่าจวนหนิงอ๋องยังไม่ได้แต่งตั้งซื่อจื่อเลย แล้วจะปล่อยเด็กชั้นต่ำนั่นไว้ได้อย่างไร”

ตอนที่ 96 ตรวจสอบตระกูลฉินเมืองหลี

ปีนี้ฉีอวี้อายุเพียงสิบหกปี แต่เขาได้ให้กำเนิดเด็กที่ไม่มีชื่อหรือสถานะออกมา พระชายาหนิงอ๋องยังไม่อยากจะเรียกว่าเป็นลูกอนุคนโตด้วยซ้ำ ก็แค่บ่าวที่ช่วยเลี้ยงม้าในจวนอ๋องสถานะต่ำต้อยนางหนึ่ง จะใช้คำว่าลูกอนุนางยังรู้สึกว่าสูงเกินไปด้วยซ้ำ

ที่สำคัญที่สุดก็คือ บ่าวชั้นต่ำผู้นี้ปิดบังหลบซ่อนมาถึงสิบเดือนจนกระทั่งคลอดเด็กออกมาแล้ว เห็นได้ชัดว่านางมีความคิดลุ่มลึก

นางจะไม่ยอมให้คนเช่นนี้อยู่ข้างกายบุตรชายตนเองแน่นอน ส่วนหลานชาย ต่อไปอวี้เอ๋อร์จะแต่งภรรยาเอกแต่งอนุภรรยาเข้าจวน นางจะไม่มีหลานชายได้อย่างไร เหตุใดต้องยอมให้ลูกของหญิงเลี้ยงม้าชั้นต่ำได้ชื่อว่าเป็นบุตรชายคนโตด้วย

ลูกอนุก็ไม่ได้!

ฉีอวี้จึงเอ่ย “เก็บไว้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เอาไว้ในชื่อของเสด็จพี่ก็ได้นี่”

สีหน้าของพระชายาหนิงอ๋องเปลี่ยนไปทันที “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ กล้าคิดเช่นนี้ได้อย่างไร!”

ฉีอวี้ไม่แยแส “ถึงอย่างไรเสด็จพี่ใหญ่ก็ไม่ใกล้ชิดสตรี ให้มีเด็กผู้ชายอยู่ในชื่อของเขาสักคน แม้ต่อไปเขาจะไม่แต่งงานก็ไม่เป็นไรนี่พ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าคิดว่าพี่ชายของเจ้าเป็นลูกพลับนิ่มๆ ที่เจ้าจะบีบจะรังแกได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ” น้ำเสียงพระชายาหนิงอ๋องไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ราวกับเอ่ยเรื่องของคนอื่น

ฉีอวี้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เขาเป็นพี่ของข้าไม่ใช่หรือ ท่านเองก็เอ่ยอยู่เสมอว่า เขาเป็นพี่ชายของข้า ก็ควรจะปกป้องข้า ยอมข้า อย่าแย่งชิงสิ่งใดกับข้า”

ร่างของพระชายาหนิงอ๋องแข็งทื่อไปทันที ริมฝีปากสีแดงสดเม้มเข้าหากัน

ฉีอวี้เห็นแล้วก็เอนตัวเข้าไปหาออดอ้อน “เสด็จแม่เป็นอันใดไปหรือ หรือว่าลูกเอ่ยสิ่งใดผิดไป”

“เจ้าไม่ได้ผิด เขาไม่ควรแย่งชิงสิ่งใดกับเจ้า รวมไปถึงตำแหน่งซื่อจื่อนี้ด้วย ก็ต้องเป็นของเจ้าเท่านั้น” พระชายาหนิงอ๋องสวมกอดเขา สำทับด้วยความมั่นใจและเข้าข้าง “ทั้งหมดนี้จะต้องเป็นของเจ้าเท่านั้น”

ฉีอวี้ตาเป็นประกายพลางยิ้ม “ข้ารู้ว่าเสด็จแม่รักข้า”

ส่วนเสด็จย่าก็ใกล้จะตายก่อนหน้าเสด็จแม่และเขาอยู่แล้ว ต่อให้ฉีเชียนคิดจะช่วยก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก

ฉีเชียนสั่งให้คนนำใบสั่งยาไปเอายามาจากจวนหนิงโจว เขานั่งอยู่ในห้องหนังสือ เพิ่งจะจิบชาตอนที่หั่วหลางเข้ามารายงาน

“นายท่าน มีข่าวจากเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ” หั่วหลางส่งจดหมายให้เขา ฉบับแรกคือจดหมายลับที่ได้รับมาจากในวัง

ฉีเชียนรับมาเปิดดู เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ตรวจสอบตระกูลฉินเมืองหลีหรือ”

หั่วหลางเอ่ย “เป็นบ้านเดิมของฉินหยวนซานขุนนางสำนักกวงลู่ เพราะเกิดความผิดพลาดขึ้นในพิธีบูชาสังเวยตอนเดือนเจ็ด พวกเขาจึงถูกฝ่าบาทยึดทรัพย์ค้นบ้าน เนรเทศบุรุษอายุตั้งแต่สิบสองปีขึ้นไปไปยังซีเป่ย สมาชิกในตระกูลคนอื่นถูกส่งกลับไปยังบ้านเกิดที่เมืองหลี จะว่าไปก็ช่างบังเอิญ เป็นช่วงเดียวกับที่พวกเราเข้าเมืองหลีพอดีพ่ะย่ะค่ะ”

“ยึดทรัพย์แล้วยังไม่วางใจอีกหรือ”

หั่วหลางเอ่ยตอบ “ได้ยินมาว่าพระสนมเหมิงกุ้ยเฟยที่กำลังเป็นที่โปรดปรานไม่ลงรอยกับตระกูลฉินแต่ไหนแต่ไรมา บัดนี้พระสนมเหมิงกุ้ยเฟยให้กำเนิดพระราชโอรสแล้ว ฝ่าบาทยิ่งปลาบปลื้ม หากจะเอ่ยว่าทรงเชื่อพระสนมเหมิงกุ้ยเฟยไปหมดทุกอย่างก็มิใช่เรื่องเกินจริง”

เขาเอ่ยอย่างคลุมเครือ แต่ฉีเชียนก็เข้าใจความหมายเบื้องหลังคำพูดนั้น มันหมายความว่าพระสนมเหมิงกุ้ยเฟยกำลังยุแยงองค์ฮ่องเต้เพื่อต้องการทำลายตระกูลฉิน

“ตระกูลเหมิงหยิ่งผยองถึงเพียงนี้ ไม่รู้จักอดกลั้นและทำตัวเงียบๆ ไว้บ้าง ไม่ช้าก็เร็วจะต้องมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นแน่ๆ” น้ำเสียงฉีเชียนดูถูกเหยียดหยามตระกูลเหมิงมาก “กลับไปค่อยดูว่าตระกูลฉินทำอันใดนอกลู่นอกรอยหรือไม่”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ฉีเชียนไม่รู้ว่าคิดสิ่งใดขึ้นมาได้ “บุรุษทุกคนในตระกูลฉินที่อายุเกินสิบสองปีถูกเนรเทศไปหมดเลยหรือ”

“ใช่พ่ะย่ะค่ะ”

“บังเอิญจริง แซ่ฉินเหมือนกันเสียด้วย” ฉีเชียนรู้สึกแปลกใจ แต่ชั่วเวลาต่อมาความสนใจของเขาก็ถูกเบี่ยงเบนไป

“นายท่าน ยังมีจดหมายจากสายของเราในวังด้วย”

ฉีเชียนใจเต้นแรงทันที เขารับจดหมายมาเปิดออกอ่านข้อความทั้งหมดในปราดเดียว ก่อนจะเผยสีหน้ารังเกียจ “ไม่รู้จักทำตัวให้ดีจริงๆ”

มีลูกนอกสมรสทั้งที่ยังไม่แต่งงาน สงสัยนักว่าเสด็จแม่ที่จู้จี้จุกจิกของเขาจะจัดการอย่างไร

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท