คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 97 เผยตัวตนนักพรตหญิง ตอนที่ 98

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 97 เผยตัวตนนักพรตหญิง / ตอนที่ 98 สามวันก็หายดีแล้ว

ตอนที่ 97 เผยตัวตนนักพรตหญิง

คืนนั้นฉินหลิวซีมาถึงตามเวลาที่ตกลงกันไว้

นี่เป็นครั้งแรกที่พระชายาผู้เฒ่าได้รับการฝังเข็ม ฉีเชียนก็อยู่ด้วย เมื่อเขาเห็นอีกฝ่ายก็ประสานมือคารวะ

“จวิ๋นอ๋องต้องการจะดูข้าฝังเข็มอย่างนั้นหรือ” ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว

ฉีเชียนคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะใช้เทคนิคการฝังเข็มบางอย่างและกลัวว่าตนจะแอบเรียนรู้ จึงเอ่ยว่า “ข้าไม่ใช่ผู้รู้วิชาแพทย์ และไม่เข้าใจวิชาการฝังเข็มด้วย”

ฉินหลิวซีหัวเราะเบาๆ “ข้าไม่ได้กลัวว่าจวิ้นอ๋องจะเรียนวิชาหรอก แต่การฝังเข็มแบบนี้จะต้องถอดเสื้อผ้าด้วย จวิ้นอ๋องมิใช่หมอจึงมิควรอยู่ด้วย”

ฉีเชียนได้ยินเช่นนั้นก็หน้าแดงทันที เขาแทบจะโพล่งคำว่าท่านก็เป็นบุรุษออกมาแล้ว

แต่อีกฝ่ายเป็นหมอ เป็นผู้รักษา

ในสายตาของหมอ ไม่มีความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรี

“ข้าจะรออยู่ข้างนอก” ฉีเชียนเอ่ยด้วยสีหน้าเข้มขึ้น

ฉินหลิวซีผายมือ พอหันหน้ามาก็เห็นพระชายาผู้เฒ่ากำลังเฝ้าดูพวกเขาถกเถียงกัน ก่อนจะเอ่ยถาม “ท่านกินข้าวเย็นเรียบร้อยแล้วหรือไม่”

“เรียบร้อยแล้วตามที่ท่านสั่ง ยังขยับกายออกกำลังในห้องเล็กน้อยแล้วด้วย อาหารที่อยู่ในท้องย่อยหมดแล้ว” พระชายาผู้เฒ่าตอบด้วยรอยยิ้ม

ฉินหลิวซีเอ่ย “ข้าชอบคนไข้ที่เชื่อฟังอย่างพระชายาผู้เฒ่าที่สุด ควรได้รางวัล”

นางหยิบขวดหยกใบหนึ่งออกจากแขนเสื้อ

ดวงตาของฉีเชียนเป็นประกาย จ้องมองตาไม่กะพริบ

ฉินหลิวซีหยิบยาเม็ดน้ำตาลยื่นให้พระชายาผู้เฒ่า “ก่อนการฝังเข็ม ข้าจะให้รางวัลท่านด้วยยาเม็ดน้ำตาล กินเสียสิ”

พระชายาผู้เฒ่า “…”

ราวกับกำลังกล่อมเด็กน้อย น่าสนใจจริงๆ

นางรับมาแล้วกลืนลงไปอย่างไม่ลังเล ยาเม็ดน้ำตาลมีรสหอมหวานของดอกไม้จางๆ และละลายในปาก จากนั้นราวกับมีกระแสน้ำอุ่นไหลสู่แขนขา จนนางอดทอดถอนใจออกมาไม่ได้

“เช่นนั้นแล้วพวกเราเข้าไปข้างในกันเถิด”

พวกนางเข้าไปที่ห้องด้านใน ฉินหลิวซีสั่งให้จ้าวหมัวหมัวช่วยพระชายาผู้เฒ่าถอดเสื้อผ้าออกเหลือเพียงเสื้อผ้าตัวในหลวมๆ และให้นอนตะแคงหันหลังลงบนเตียง ด้วยสถานะของอีกฝ่าย นางจึงไม่ได้ให้เฉินผีเข้ามาช่วยส่งเข็ม กลับทำด้วยตัวเอง

“พระชายาผู้เฒ่า ในสายตาของหมอไม่มีบุรุษหรือสตรี” ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นอีกประโยค

พระชายาผู้เฒ่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าเข้าใจ จะว่าไปข้าก็อายุปูนนี้แล้ว เป็นย่าของท่านยังได้ ย่อมไม่สนใจเรื่องความแตกต่างระหว่างชายหญิง อีกอย่างความจริงท่านก็เป็นนักพรตหญิงมิใช่หรือ”

มือที่จับเข็มทองของฉินหลิวซีชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองนางด้วยท่าทางประหลาดใจ

นางแต่งกายเป็นชายเพื่อสะดวกต่อการเดินทางออกไปข้างนอก หากแต่ไม่เคยบอกว่าตนเองเป็นชาย ใบหน้าของนางยากจะแยกแยะได้ว่าเป็นบุรุษหรือสตรี อีกฝ่ายสามารถมองออกหรือไม่ นางเองก็ไม่ได้ใส่ใจ ไม่อธิบายหรือให้เหตุผลใดๆ เพียงดำเนินการตามวิธีที่สะดวกที่สุด

ดังนั้นนางจึงไม่เคยแก้ไขสิ่งที่ฉีเชียนและคนอื่นๆ คิดเลย

แต่พระชายาผู้เฒ่ากลับมองออก

จ้าวหมัวหมัวที่อยู่ด้านข้างตกใจมาก นัก นักพรตหญิง ท่านหมอฉินผู้นี้เป็นสตรีหรอกหรือ

นางมองฉินหลิวซีขึ้นๆ ลงๆ ต้องโทษที่นางตาบอด ดูไม่ออกจริงๆ ว่าฉินหลิวซีเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ท่าทางของนางอิสระเสรีราวกับบุรุษกระนั้น

“พระชายาผู้เฒ่าสายตาเฉียบแหลมมาก” ฉินหลิวซีไม่ได้ตื่นตระหนกหรือโต้แย้งเมื่อถูกมองออก แต่กลับยอมรับอย่างกล้าหาญ “หากพระชายาผู้เฒ่ารู้สึกว่าข้าไม่น่าเชื่อถือ ให้การวินิจฉัยและการรักษาสิ้นสุดลงตรงนี้ก็ย่อมได้”

พระชายาผู้เฒ่าเอ่ยอย่างรวดเร็ว “ท่านแสดงทักษะการฝังเข็มให้ข้าเห็นแล้วเมื่อกลางวัน ข้าย่อมเชื่อท่าน เพียงอยากจะบอกว่าท่านไม่จำเป็นต้องระมัดระวัง และข้าเพียงประหลาดใจที่ท่านเป็นนักพรตหญิงแล้วทั้งที่อายุยังน้อยเช่นนี้”

“ล้วนเป็นเพราะมีวาสนากับเต๋า พระชายาผู้เฒ่า เช่นนั้นพวกเราเริ่มกันเถิด” ฉินหลิวซีหยิบเข็มทองขึ้นมา “เมื่อใช้การฝังเข็มทองกำจัดพิษจะมีความรู้สึกเจ็บปวดระดับหนึ่ง หากท่านรู้สึกไม่สบายก็เอ่ยออกมา แล้วข้าจะจัดการเรื่องความเจ็บปวดให้ท่าน”

“ตกลง”

ฉินหลิวซีสงบสติ ย้ายผมสีดอกเลาที่ถักเป็นเปียหนาย้ายไปไว้ที่หน้าอกด้านหน้าแทน บิดเข็มทองแล้วแทงเบาๆ ลงไปที่จุดต้าจุย[1] จากตื้นลงไปลึก กดแน่นแล้วค่อยๆ ยกขึ้น เมื่อรู้สึกว่าร่างกายของหญิงชราเกร็ง นางก็เอ่ยปลอบเบาๆ “อย่ากลัว ข้าจะท่องพระคัมภีร์ให้ท่านฟัง”

ตอนที่ 98 สามวันก็หายดีแล้ว

ฉินหลิวซีบิดเข็มทองแล้วแทงลงไปตามจุดฝังเข็ม จากนั้นก็ขยับนิ้วโป้งขวาไปข้างหน้า บิดและกดไปพลาง เข้าสามครั้งออกหนึ่งครั้ง ปากก็ท่องคาถาชำระจิตใจไปด้วย พระสูตรลื่นไหลราวกำลังสวดมนต์

จ้าวหมัวหมัวจ้องมองพระชายาผู้เฒ่าชราจากด้านข้าง ฝ่ายหลังมีอาการตัวเกร็งจากความเจ็บปวดเมื่อเข็มฝังลงไป แต่หลังจากที่ฉินหลิวซีท่องพระสูตรออกมา นางก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง

จ้าวหมัวหมัวเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน จากนั้นก็หันไปมองฉินหลิวซี ประหลาดใจที่นางสามารถทำทั้งสองอย่างไปพร้อมกันได้

การฝังเข็มดำเนินไปอย่างสงบและไร้ซึ่งการรบกวน แต่ขณะเดียวกันฉินหลิวซียังสามารถท่องพระสูตรได้ ด้วยอายุและด้วยความนิ่งเช่นนี้ เกรงว่านางคงจะเริ่มเรียนวิชาแพทย์ตั้งแต่ยังเด็กกระมัง?

จ้าวหมัวหมัวมองฉินหลิวซีด้วยความรู้สึกทั้งเคารพและหวาดกลัว

คนที่มีความสามารถไม่เกี่ยงว่าจะอายุเท่าใด หากมีความสามารถเพียงพอ ก็จะได้รับการเคารพและนับถือ

ฉินหลิวซีไม่ได้ใส่ใจสายตาของจ้าวหมัวหมัว หลังจากฝังเข็มลงไปที่จุดต้าจุยแล้ว นางก็หยิบเข็มออกมาอีกจำนวนหนึ่ง เลิกเสื้อผ้าชั้นในของพระชายาผู้เฒ่าขึ้นแล้วปักเข็มลงตรงจุดปาเหลียว[2]ด้วยวิธีการเดียวกัน

“ตรง ตรงจุดนี้มีอะไรพิเศษหรือ” จ้าวหมัวหมัวช่วยพระชายาผู้เฒ่าม้วนเสื้อผ้าชั้นในขึ้นโดยเผยให้เห็นหลังส่วนล่างใกล้กับบั้นท้าย เมื่อเห็นเข็มทองเหล่านั้น นางก็อดถามไม่ได้

ฉินหลิวซีบิดเข็มทอง เข้าสามครั้งและถอนออกหนึ่งครั้ง ทำเช่นนั้นทั้งหมดเก้าครั้ง พลางตอบคำถามนาง “นี่คือจุดปาเหลียว ปกติแล้วบริเวณนี้จะอ่อนนุ่ม แต่ของพระชายากลับแข็ง และคงจะรู้สึกเจ็บด้วย ตรงนี้เกี่ยวข้องกับสุขภาพของสตรี ยามท่านยังเด็กมีอาการเลือดประจำเดือนมาไม่ปกติใช่หรือไม่ บางครั้งก็มา บางครั้งก็ไม่มา มีอาการหนาวสั่น กระทั่งเลือดมาไม่หยุด ปวดท้องจนทนไม่ไหวใช่หรือไม่”

“ถูกต้อง ท่านเอ่ยถูกทั้งหมด หมอหลวงบอกให้เราหาเวลาไปรมยาก็จะดีขึ้นได้บ้าง มันมีสาเหตุมาจากพิษเย็นหรือ”

ฉินหลิวซีเอ่ย “ย่อมเกิดจากภาวะหยุดนิ่งสะสมของไอเย็น เดิมทีพระชายาผู้เฒ่าก็ได้รับไอเย็นหลังคลอดบุตรอยู่แล้ว เมื่อเกิดภาวะหยุดนิ่งสะสม ปราณในเลือดยิ่งติดขัด ย่อมอุดกั้นและแข็งตัว ทำให้เกิดความเสียหายต่อมดลูกสตรี ทำให้เลือดประจำเดือนมาไม่ปกติ ข้าเชื่อว่าหมอบางคนก็รู้เรื่องพวกนี้”

“รู้ก็รู้อยู่หรอก แต่ก็เป็นอย่างที่ท่านเห็น หมอส่วนมากเป็นบุรุษ พระชายาผู้เฒ่าเป็นสตรี มีความไม่สะดวกมากนัก จึงไม่อาจตรวจรักษาได้อย่างที่ท่านทำนี้” จ้าวหมัวหมัวเอ่ยอีก

ถึงแม้จะเอ่ยว่าหมอไม่แบ่งแยกบุรุษหรือสตรี แต่เมื่อต้องพบเจอเรื่องที่พึงระวังระหว่างบุรุษและสตรีก็จะตรวจวินิจฉัยโดยมีสิ่งกีดขวางกางกั้น ตัวอย่างเช่น ในการตรวจชีพจรก็จะต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าผ้าไหม และหากต้องระมัดระวังมากขึ้น ก็อาจจะต้องกางฉากกั้นหรือไม่ก็มุ้ง เมื่อเป็นเช่นนั้น การตรวจสอบถามอาการต่างๆ ก็ต้องอาศัยคนอื่นเป็นคนกลาง

หากเป็นกุลสตรีในห้องหอ เกรงว่าท่านหมอจะไม่ได้เห็นหน้าค่าตาของคนไข้ด้วยซ้ำ เพียงตรวจชีพจรและถามคำถามก็สั่งจ่ายยาเลย

พระชายาผู้เฒ่าส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด บทสนทนาระหว่างทั้งสองหยุดลงทันที ฉินหลิวซีเคลื่อนไหวช้าลง “พระชายาผู้เฒ่า เจ็บจนทนไม่ได้หรือ”

“เจ็บ แต่สบายมาก อุ่นๆ ดี” พระชายาผู้เฒ่าถอนหายใจ นางไม่ได้รู้สึกถึงความอบอุ่นในร่างกายเช่นในวันนี้มานานหลายปีแล้ว

“เจ็บเพราะเลือดลมไหลเวียนไม่ราบรื่นนั้นจะค่อยๆ ดีขึ้น แต่ทว่าการอาบน้ำยาสมุนไพรจะเจ็บปวดยิ่งกว่าตอนนี้เสียอีก” ฉินหลิวซีเอ่ยคำรุนแรง

นิ้วมือของพระชายาผู้เฒ่าสั่นเล็กน้อย ไม่หรอกกระมัง

ฉินหลิวซียิ้ม ย่อตัวลงครึ่งหนึ่ง ก่อนจะปักเข็มอีกเล่มเข้าไปที่จุดหย่งฉวน[3]ที่ฝ่าเท้าทั้งสองข้าง และอีกสองเข็มที่ข้อมือทั้งสองของนาง

“พระชายาผู้เฒ่า คืนนี้ข้าใช้วิธีฝังเข็มที่เรียกว่าเซาซานหั่ว ดังนั้นท่านจะรู้สึกอุ่นในระหว่างที่ฝังเข็มอยู่ แน่นอนว่าการกำจัดพิษเย็นไม่ได้มีเพียงเท่านี้ นี่ถือเป็นการให้ท่านปรับตัวก่อนล่วงหน้า พรุ่งนี้จะเปลี่ยนไปใช้วิธีฝังเข็มแบบอื่น ประกอบกับการอาบน้ำสมุนไพร กินยาไล่ไอเย็นตามตำรับเพื่อขจัดพิษเย็นให้ท่านอย่างถาวร อาจต้องฝังเข็มสามวันต่อเนื่องเห็นจะได้”

พระชายาผู้เฒ่าเกือบจะหันกลับมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น ความหนาวเย็นที่รบกวนนางมาเกือบทั้งชีวิตสามารถรักษาให้หายได้ในสามวันเช่นนั้นหรือ

[1]จุดต้าจุย จุดที่อยู่บริเวณด้านหลัง ตรงกระดูกต้นคอส่วนที่นูนที่สุด

[2]จุดปาเหลียว บริเวณที่บุ๋มลงไปหลังกระเบนเหน็บ แนวกึ่งกลางลำตัว

[3]จุดหย่งฉวน ตำแหน่งรอยบุ๋มกลางฝ่าเท้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท