ตอนที่ 105 วิเศษมาก / ตอนที่ 106 บุกรุกอาณาเขตของคุณหนูใหญ่
Ink Stone_Romance
ตอนที่ 105 วิเศษมาก
พระชายาผู้เฒ่าได้รับการฝังเข็มแล้ว รู้สึกราวกับได้ผ่านการชำระล้างด้วยน้ำ นางอ่อนนุ่มไปทั้งร่าง ไม่ต้องเอ่ยถึงความรู้สึกเหนื่อยล้า นัยน์ตาของนางไม่ได้ขุ่นมัวแต่กลับสุกสว่างเป็นประกาย
หลังจากที่ฉินหลิวซีปักเข็มทิ้งไว้สักพักก่อนดึงออก นางรู้สึกว่าความหนักอึ้งมากมายบนร่างกายนางสลายหายไปแล้ว มีแต่ความเบาสบายเข้ามาแทนที่ สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ นางรู้สึกราวกับแสงอาทิตย์อาบไล้ไปทั่วร่าง มันอบอุ่นไปหมด ไม่ต้องเอ่ยเลยว่ามันสบายกายเช่นไร
นี่เพิ่งจะแค่วันแรกของการฝังเข็มเท่านั้น นางก็รู้สึกว่าพิษเย็นหายไปแล้ว ตอนนี้นางเชื่อแล้วว่า ฉินหลิวซีไม่ได้หลอกนางเลยว่าจะหายดีได้ในสามวัน
“ยังต้องแช่น้ำสมุนไพรอีกหรือไม่” พระชายาผู้เฒ่ามองฉินหลิวซีตาปริบๆ
ฉินหลิวซียิ้ม “ท่านมีเหงื่อออก ต้องรอสักหน่อย ให้ต้มน้ำสมุนไพรเรียบร้อยแล้วค่อยแช่ หมัวหมัว ท่านเช็ดตัวให้พระชายาผู้เฒ่าก่อน เปลี่ยนเสื้อผ้าเสียด้วย อย่าให้เหนียวตัว ข้าจะไปดูพวกเขาเตรียมน้ำสมุนไพร”
“เจ้าค่ะ” จ้าวหมัวหมัวสั่นกระดิ่งเรียกให้สาวใช้สองคนเข้ามา ให้หวนเอ๋อร์ติดตามฉินหลิวซีไปต้มน้ำสมุนไพรตามที่อีกฝ่ายสั่ง ส่วนอีกคนให้มาช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าของพระชายาผู้เฒ่า
เมื่อฉินหลิวซีออกไปจากห้องนอน ก็เห็นฉีเชียนกำลังถือถ้วยชารออยู่ด้านนอก ใต้ตาเขาดำคล้ำจนนางอดเลิกคิ้วไม่ได้
ดูท่าว่าเมื่อคืนเขาจะนอนไม่หลับ
ฉีเชียนวางถ้วยชาลงแล้วลุกขึ้นยืน “ฝังเข็มแล้วหรือ”
“อืม ข้าจะไปกำชับให้คนต้มน้ำสมุนไพร แช่น้ำสมุนไพรอีกอย่าง การรักษาวันนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว จวิ้นอ๋องเชิญตามสบาย” ฉินหลิวซีเดินนำหวนเอ๋อร์ออกไป
ฉีเชียนอยากจะถามอะไรอีกสักสองสามคำ แต่เขาก็เป็นห่วงเสด็จย่าด้วยจึงไม่ได้ตามอีกฝ่ายไป
ในเรือนหลักของพระชายาผู้เฒ่ามีห้องครัวเล็กๆ อยู่ด้วย มีไฟพร้อมอยู่ตลอดสิบสองชั่วยาม การต้มน้ำสมุนไพรจึงเป็นเรื่องที่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว
พอฉินหลิวซีตรวจสอบแล้วว่าสมุนไพรไม่มีปัญหาใด ก็สั่งให้บ่าวรับใช้ต้มยาทันที หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม น้ำยาสมุนไพรก็เสร็จเรียบร้อย และถูกแบกไปที่ห้องอาบน้ำเพื่อรอให้เย็นลงจนถึงระดับที่แช่ตัวได้ จากนั้นจึงเชิญพระชายาไปที่ห้องอาบน้ำ
แม้ฉินหลิวซีจะเคยเอ่ยไว้ว่า การอาบน้ำสมุนไพรนี้ไม่ใช่การอาบน้ำทั่วไป มันเจ็บปวด เจ็บปวดมาก
ก่อนที่จะแช่น้ำ พระชายาผู้เฒ่าคิดว่าก็แค่การอาบน้ำสมุนไพรมิใช่หรือ จะเจ็บปวดได้สักแค่ไหน
หลังจากที่ลงน้ำไปแล้ว ห้องน้ำก็ปรากฏเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูถูกเชือด
พระชายาผู้เฒ่าที่เจ็บปวดจนแทบหมดสติ “!”
หากการที่นางมีดวงเป็นกาลกิณีต่อญาติทั้งหกเป็นความเป็นผิดของนาง จะให้ปรมาจารย์สะกดดวงชะตาของนางไว้ก็ได้ อย่าลงโทษนางด้วยวิธีนี้เลย
น้ำสมุนไพรนั้นแสบร้อนมาก ตัวยาเหมือนจะแทรกซึมรูขุมขนของนางเข้าไปตามเส้นปราณทั้งหมดในร่าง ค่อยๆ เข้าไปทำความสะอาดชะล้างทีละน้อย และเป็นเช่นนั้นวนไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พระชายาผู้เฒ่าหอบหายใจแรง หากไม่ใช่เพราะจ้าวหมัวหมัวและหวนเอ๋อร์คอยจับแขนนางไว้คนละข้าง นางคงจะหมดแรงไถลลื่นลงไปในอ่างน้ำแล้ว
“ให้ข้าท่องพระสูตรให้ท่านฟังหน่อยดีหรือไม่” ฉินหลิวซีอ้าปาก พระสูตรที่ลื่นไหลพร่างพรูออกมาทันที ส่วนมือของนางก็แตะตรงหลังคอนวดทุยหนาเบาๆ ให้
มันสบายมากจริงๆ!
ท่ามกลางอาการหอบหายใจ พระชายาผู้เฒ่าก็ยังถอนใจด้วย นางกัดฟันสัมผัสกับความเจ็บปวดและความสบายที่ทรมานไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทว่าหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม น้ำสมุนไพรที่เคยร้อนก็เย็นลง ฉินหลิวซีชักมือกลับ “ลุกได้แล้ว”
พระชายาผู้เฒ่าลืมตาขึ้น ไม่ถูกสิ น้ำนี่เย็นลงเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร
“ตั้งแต่การฝังเข็มขับพิษจนถึงการแช่น้ำ ไอเย็นในร่างกายของท่านถูกขับออกไปมากแล้ว น้ำจึงเย็นลงอย่างรวดเร็ว พรุ่งนี้ก็จะไม่เจ็บปวดเช่นนี้แล้ว ยิ่งไอเย็นถูกกำจัดออกไปมากเท่าใด ท่านก็จะรู้สึกเจ็บปวดน้อยลงเท่านั้น” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
พระชายาผู้เฒ่าก้าวออกจากถังน้ำด้วยความงุนงง ทั้งยังรู้สึกตระหนกเล็กน้อย ความหนาวเย็นที่กดทับร่างกายของนางมานาน หมอชื่อดังคนไหนก็รักษาไม่หาย แต่นี่กลับดีขึ้นมากแล้วงั้นหรือ
วิเศษ วิเศษมาก!
ตอนที่ 106 บุกรุกอาณาเขตของคุณหนูใหญ่
ฉินหลิวซีทำการรักษาให้พระชายาผู้เฒ่าติดต่อกันสามวัน อย่างไรก็ตามเทศกาลไหว้พระจันทร์ก็ใกล้เข้ามาทุกที คนตระกูลฉินที่อยู่ไกลออกไปต่างก็อยู่ในอาการนั่งไม่ติดเมื่อไม่เห็นฉินหลิวซีมีทีท่าว่าจะกลับบ้านเสียที
นางฉินผู้เฒ่าเอ่ยออกมาหลายครั้งว่าจะไปพบนักพรตชื่อหยวนที่อาราม กว่าสะใภ้หวังจะเกลี้ยกล่อมได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ส่วนฝ่ายหลังก็อดอยากถามฉีหวงไม่ได้ว่า ฉินหลิวซีไม่คิดจะกลับบ้านมาฉลองเทศกาลด้วยกันใช่หรือไม่
ในเวลานี้ฉีหวงกลับยุ่งมาก ยุ่งอยู่กับการคอยห้ามคน
ห้ามใครน่ะหรือ
ก็เป็นพวกสะใภ้เซี่ยและบุตรสาวน่ะสิ
“ฮูหยินรอง คุณหนูของเราไม่อยู่ คงไม่สะดวกที่จะเชิญพวกท่านเข้าไปดื่มชา” ฉีหวงขึงขัง
สะใภ้เซี่ยจึงโกรธจัด
ช่วงนี้นางนับได้ว่าอึดอัดจะตายอยู่แล้ว วันๆ อยู่แต่ในบ้าน ทำงานเย็บปักถักร้อย กินอาหารง่ายๆ สวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบ ออกไปเดินข้างนอกไม่ได้ จะเชิญใครมาก็ไม่ได้ นี่มันแตกต่างจากในอดีตแบบฟ้ากับเหว โทสะจึงอัดอั้นอยู่ในใจนางนานแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าบุตรสาวของนางต่างก็หดหู่และผ่ายผอมลง ไม่ได้ดูมีชีวิตชีวาเหมือนแต่ก่อน ในใจนางก็ยิ่งรู้สึกสงสารนัก
แล้วสาวใช้ธรรมดาๆ คนหนึ่งตรงหน้านางนี้ยังกล้ามาห้ามนางอีก
พอโกรธขึ้นมา ท่าทางบ้าอำนาจแบบฮูหยินตระกูลใหญ่ก็เผยออกมา
สะใภ้เซี่ยจ้องหน้านางเขม็งดุด่าอย่างเกรี้ยวกราด “หมาแมวที่ไหนกล้ามาวางท่าใส่ข้าอย่างนั้นหรือ เจ้าใจกล้ามากนะ! ข้าเป็นอาสะใภ้ของนังหนูซีนะ ข้าอยากจะเข้าไปนั่งในห้องของนาง แล้วสาวใช้อย่างเจ้ามีสิทธิ์อันใดมาห้ามข้า หลีกไปนะ”
นางทำท่าจะผลัก แต่ก่อนที่จะได้สัมผัสตัวฉีหวง อีกฝ่ายหลังก็ถอยหลบ นางจึงเซจนเกือบจะล้มลง
ฉีหวงหลบมือของนางแล้วขวางไว้อีก น้ำเสียงที่เอ่ยก็เย็นชา “คุณหนูของข้าบอกแล้วว่า ตอนที่นางไม่อยู่ ไม่ว่าใครก็เข้าห้องของนางไม่ได้ ขอให้ฮูหยินรองระมัดระวังด้วย”
ดีเลย นี่อย่างไรเล่าจุดอ่อน
สะใภ้เซี่ยรีบเอ่ยทันที “เหตุใดข้าถึงเข้าไปไม่ได้ ในห้องของนางมีอันใดที่ให้คนอื่นเห็นไม่ได้หรือ หรือว่าซ่อนบุรุษคนใดเอาไว้!”
ฉีหวงได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของนางก็เข้มขึ้นทันที จ้องหน้าสะใภ้เซี่ยเขม็ง “ท่านเอ่ยอีกทีสิ!”
น้ำเสียงของนางเย็นชา รังสีที่แผ่ออกมามืดมน นางเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน จนทำให้สะใภ้เซี่ยสั่นสะท้าน
“ข้า ข้าเอ่ยแล้วอย่างไร”
ฉีหวงกลับยิ้มให้นาง “ท่านอยากเข้าไปก็เข้าไปเถิด ขอแค่ท่านไม่กลัวว่าจะโชคร้าย”
นางเอ่ยจบก็ขยับหลบให้
สะใภ้เซี่ย “…”
จู่ๆ ทำไมถึงได้หลบให้นางง่ายๆ หรือว่าจะมีสิ่งใดแปลกๆ?
เมื่อนึกถึงตรงนี้ นางกลับไม่กล้าบุ่มบ่ามไปชั่วขณะ แต่เมื่อเหลือบไปเห็นสายตาเย้ยหยันยั่วยุของฉีหวงแล้ว หัวนางก็ร้อนขึ้นทันที
กลัวที่ไหนเล่า!
สะใภ้เซี่ยสาวเท้าก้าวเข้าไป แต่กลับมองไม่เห็นว่าใบหน้ายิ้มแย้มของฉีหวงเย็นชาลง นางส่งสัญญาณมือไปยังความว่างเปล่าจุดหนึ่ง ที่ซึ่งคนธรรมดามองไม่เห็นนั้นมีผีสองตนกำลังหมอบอยู่บนกำแพงดูเรื่องสนุกอย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ
ฉีหวงมองไม่เห็นพวกเขา แต่ฉินหลิวซีบอกนางไว้ก่อนแล้วผีน้อยสองตนชอบพลังวิญญาณที่นางจัดวางไว้ในเรือน จึงได้หมอบอยู่บนกำแพงคอยดูดซับพลังนั้น
ขอแค่พวกเขาไม่ทำร้ายคน ฉินหลิวซีก็ปล่อยให้พวกเขาทำตามใจ ทั้งสองตนนั้นก็รู้ความยอมเป็นคนเฝ้าประตูให้นางแต่โดยดี หลายปีที่ผ่านมาเมื่อมีหัวขโมยพยายามปีนกำแพง ผีน้อยก็จะทำให้พวกเขากลัวจนฉี่ราด
ตอนนี้เมื่อเห็นนางปากร้ายคนนี้คิดจะบุกรุกอาณาเขตของปรมาจารย์ฉิน ทั้งยังเห็นสัญญาณมือของฉีหวง พวกเขาทั้งสองจึงพับแขนเสื้อแล้วลอยเข้ามาทันที
ขณะที่สะใภ้เซี่ยกำลังก้าวขึ้นบนขั้นบันได หนึ่งในพวกเขาก็คว้าจับข้อเท้าของนางไว้
สะใภ้เซี่ยไม่ทันระวัง ขณะที่เท้าข้างหนึ่งก้าวไปแล้ว แต่อีกข้างกลับไม่สามารถขยับได้ ตัวของนางจึงพุ่งไปข้างหน้าทันที
ตึง
เลือดพุ่งออกจากจมูกทั้งสองข้าง!
“กรี๊ดดด!”